ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2270
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระเขมาภิกษุณี

[คัดลอกลิงก์]
พระเขมาภิกษุณี
เอตทัคคมหาเถรีเลิศทางปัญญา
คัดลอกจากสารานุกรม พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน





ทำไมต้องมีผู้หญิงนอนอยู่กับพัดใบตาล     เรื่องมันเกิดจาก พระนางเขมา (มเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร)
เป็นผู้หญิงที่มีรูปโฉมงดงามเป็นผู้มัวเมาในรูปโฉมของตนเอง
พระนางได้ยินเรื่องราวของพระพุทธเจ้าว่ามักจะกล่าวโทษของร่างกาย
ว่าเป็นของไม่งามไม่เที่ยงอย่ายึดมั่นถือมั่น จึงไม่กล้าที่จะเข้าเฝ้า
     วันหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารอยากให้พระนางได้เข้าเฝ้า จึงหาวิธีให้นางไปโดยสั่งให้คน
ไปร้องเพลงที่บอกถึงวัดพระเวฬุวัน(ที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่)
ว่างามอย่างไรให้นางได้ยิน จนนางอยากจะไป     เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าพระนางกำลังมา
จึงได้ทรงเนรมิตรนางฟ้าถือก้านใบตาลพัดให้พระพุทธเจ้า เมื่อนางเขมาเห็นจึงคิดในใจว่าสตรีท่านนี้ช่างงามเหลือเกิน
นางจึงยืนมองอยู่อย่างนั้น     พระพุทธเจ้าจึงเนมิตรให้นางฟ้าค่อยๆแก่และตายไปต่อหน้าพระนางเขมา
แล้วตรัสแสดงธรรมแก่พระนางเขมา จนบรรลุเป็นพระอรหันต์





พระเขมาภิกษุณีบังเกิดในราชสกุล ตระกูลกษัตริย์ พระบิดา พระนามว่า พระเจ้ามัททราช กรุงสาคละ แคว้นมัททะ มีพระนาม ว่า พระนางเขมา ทรงมีพรรณะดั่งทอง มีพระฉวีเสมือนทอง
พระนางเจริญวัยเป็นราชกุมารีแล้ว ก็ไปเป็นพระเทวีของพระเจ้าพิมพิสาร ครั้งเมื่อพระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันก็ยังเป็นผู้มัวเมาในพระรูปพระโฉม ทรงเกรงว่าพระศาสดาจะทรงแสดงโทษในรูป จึงไม่เสด็จไปเฝ้าพระศาสดา
พระราชาโปรดสั่งให้ผู้คนทั้งหลายเที่ยวประกาศพรรณนาพระเวฬุวัน ทำให้พระเทวีทรงเกิดความคิดที่จะไปชมพระวิหาร เมื่อพระเทวีทรงดำริว่า จำเราจักชมพระวิหาร ก็ทรงสอบถามพระราชา

พระราชาตรัสว่า เธอไปพระวิหารไม่พบพระศาสดาก็อย่าได้กลับมา
แล้วทรงให้สัญญาแก่พวกราชบุรุษว่า พวกท่านจงให้พระเทวีเฝ้าพระทศพล โดยพลการให้จงได้
พระเทวี เสด็จไปวิหาร เวลาล่วงไปครึ่งวัน ไม่ทรงพบพระศาสดาเริ่มเสด็จกลับ

ลำดับนั้น ราชบุรุษทั้งหลาย นำพระเทวีแม้ไม่ทรงปรารถนา เข้าไปเฝ้าพระศาสดาจนได้ พระศาสดาทรงเห็นพระเทวีนั้นกำลังเสด็จมา ทรงเนรมิตหญิงคล้ายนางเทพอัปสรด้วยฤทธิ์ ทำให้ถือพัดใบตาลถวายงานพัดอยู่ พระนางเขมาเทวีทรงเห็นหญิงนั้น ทรงดำริว่า

หญิงนี้มีส่วนเปรียบด้วยนางเทพอัปสร ยืนอยู่ไม่ห่างพระผู้มีพระภาคเจ้า เราไม่พอที่แม้แต่จะเป็นหญิงรับใช้ของหญิงเหล่านั้นได้เลย เราต้องเสียหายด้วยอำนาจจิตชั่ว เพราะเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ทรงถือเอานิมิตประทับยืนมองดูหญิงนั้นคนเดียว เมื่อพระนางกำลังทอดพระเนตรดูอยู่ หญิงนั่นก็ล่วงปฐมวัย มัชฌิมวัย ถึงปัจฉิมวัยแล้ว ฟันหัก ผมหงอก หนังเหี่ยว ล้มกลิ้งลงพร้อมกับพัดใบตาล ด้วยพระกำลังอธิษฐานของพระศาสดา

จากนั้น เพราะเหตุที่ทรงบำเพ็ญบารมีไว้ พระนางเขมาทอดพระเนตรเห็นเหตุนั้นแล้วทรงพระดำริว่า
สรีระแม้อย่างนี้ ยังถึงความวิบัติเช่นนี้ สรีระของเราก็จักมีคติอย่างนี้เหมือนกัน
ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทราบวาระจิตของพระนางแล้ว ก็ตรัสพระคาถาว่า..

ชนเหล่าใด กำหนัดอยู่ด้วยราคะ ย่อมตกไปสู่
กระแสตัณหา เหมือนแมลงมุมตกไปยังใยที่ตัวเองทำ
ไว้ฉะนั้น ชนเหล่านั้นตัดกระแสตัณหานั้นเสียได้แล้ว
เป็นผู้หมดอาลัยละกามสุขได้ ย่อมงดเว้นกิจคฤหัสถ์
[บวช] อยู่

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-11 11:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้





ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้