ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1602
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อานิสงส์ของการทำบุญปิดท้ายรายการ

[คัดลอกลิงก์]
ตอบ : ลักษณะการทำบุญปิดท้ายจะมีลาภมากแบบพระสีวลี ลูก ศิษย์หลวงพ่อรุ่นเก่า ๆ จะรู้ดี ทำบุญปิดท้ายไปเรื่อย ปิดไม่รู้จักจบคนโน้นปิดคนนี้ก็ปิดต่อไปเรื่อยไป เพราะว่าพระสีวลีท่านทำบุญปิดท้ายรายการ เนื่องจากว่าสมัยนั้นท่านเกิดเป็นคนจนมีอาชีพตัดฟืนอยู่ในป่าคราวนี้ระหว่าง ชาวบ้านกับพระราชา เขาแข่งกันอยู่ในที แข่งกันทำความดีถือว่าน่าสรรเสริญ ชาวบ้านกับพระราชาเขาแข่งกันทำบุญ ลักษณะว่าใครทำบุญถวายพระพุทธเจ้าได้ดีกว่ากัน พอถึงเวลาพระราชาท่านก็จัดโน่นจัดนี่มาให้ดีกว่าชาวบ้านเขา ทีนี้กำลังของพระราชาเองถ้าไม่เกณฑ์ชาวบ้านนี่มันจะเอาดีก็คงจะไม่เท่าไหร่ ชาวบ้านพอสู้ได้เพราะคนเยอะกว่าก็ช่วยกันสรรหามา

จนกระทั่งถึงครั้ง สุดท้ายชาวบ้านเขากะจะเกทับให้พระราชาไม่มีโอกาสกระดิก ทำบุญครั้งนี้จะหาของทุกอย่างที่พึงจะถวายพระมาให้ครบ ปรากฏว่าพอหามาแล้วขาดน้ำผึ้งสดจากรวงอย่างเดียว น้ำผึ้งเก่ามีแล้ว อยากจะได้ที่คั้นสด ๆ ถวายพระเลย บรรดาที่เป็นหัวหน้าท่านก็ประกาศให้ลูกน้องนำเงินคนละ ๑ พันกหาปนะไปยืนรอที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ ใครมีรวงผึ้งสดมาขอซื้อเขา ให้ราคาไปเรื่อยให้จนกระทั่งหมดพันกหาปนะนั่นแหละ

เชื่อว่าคนเขาขาย ให้อยู่แล้วเพราะปกติราคามันไม่ถึงนั้น ราคาไม่ถึงกหาปนะซะด้วยซ้ำไป หนึ่งกหาปนะในปัจจุบันถ้าเทียบอันตรากับ ๔ บาท หรือ ๑ ตำลึง แต่อย่าลืมว่า ๔ บาทโบราณนี่ค่ามหาศาลนะ คราวนี้พระสีวลีท่านเป็นชายตัดฟืน บังเอิญวันนั้นไปเจอรังผึ้งเข้าก็เลยตัดรังผึ้งแบกมาด้วย

พอมาถึง ประตูเมืองบรรดาเจ้าของทานทั้งหลายที่มารออยู่ พอเห็นเข้าก็ขอซื้อ บอกว่านี่พ่อคุณเราขอซื้อผึ้งรวงของท่านในราคา ๑ กหาปนะจะขายมั้ย? พระสีวลีท่านได้ยินท่านก็สะดุดใจ ท่านเป็นคนฉลาดถึงจะจนแต่ก็ฉลาด ของราคาไม่ถึงทำไมให้แพงจัง ลองแกล้งขยักเอาไว้หน่อยซิ ไม่ขาย พอไม่ขายอย่างนั้น ๒ กหาปนะ ๔, ๘ กหาปนะให้ไล่ขึ้นไปเรื่อย ท่านก็ไม่ขายจนกระทั่งถึง ๑,๐๐๐ กหาปนะนะท่านก็ไม่ขาย บรรดาคนที่ไปรอก็หมดปัญญา นายเขาให้มาแค่พันเดียว ก็บอกว่าแล้วท่านคิดราคาเท่าไหร่ถึงจะขาย

พระสีวลีก็ถามว่าท่านต้อง การรวงผึ้งเห็นปานนี้ไปเพื่อกิจอะไร ถ้าท่านบอกเราแล้ว เราถึงจะกำหนดราคาได้ เขาก็บอกว่าจะทำบุญถวายพระพุทธเจ้ากันต้องการที่จะถวายของทุกอย่างที่สมควร แก่สมณะบริโภคให้มีให้ครบถ้วน ขาดน้ำผึ้งสดอย่างเดียวถึงได้มาดักรอซื้อ แพงแค่ไหนก็จะซื้อเพื่อให้ได้ทำบุญ พระสีวลีบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ขายแต่ให้ไปแจ้งกับนายของเธอว่า ถ้าอนุญาตให้เราทำบุญด้วยน้ำผึ้งรวงนี้ เราก็จะให้ฟรี ๆ เขาก็วิ่งอ้าวไปบอกเจ้านาย เจ้านายก็โมทนาและก็อนุญาตให้ร่วมด้วย กลายเป็นว่าของทุกอย่างมี ขาดน้ำผึ้งสดอย่างเดียว แล้วพระสีวลีได้ทำบุญปิดท้าย

คราวนี้ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้าและ อานุภาพของทานครั้งนั้น น้ำผึ้งรวงเดียวครั้นแล้วพอพระทุกองค์ทั้ง ๆ ที่พระมาตั้งมากมายมหาศาลเพราะมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พอแก่พระทุกองค์ เขาบอกว่าในสมัยนั้นหลังจากที่ทุกคนทำกาละ คือตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นเทวดา

คราว นี้พระสีวลีท่าน ท่านไม่ได้เกาะกันเหนียวแน่นแบบนั้น ท่านก็เลยลงมาเกิดเป็นพระสีวลี ในชาติที่ท่านมาเกิดก็ใช้หนี้กรรมเก่าหน่อยหนึ่งเพราะว่า อดีตชาตินานมาแล้วท่านเคยเป็นพระมหากษัตริย์ไปล้อมบ้านล้อมเมืองเขาอยู่ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน แต่ว่าด้วยอานุภาพบุญทำให้ไม่รู้สึกลำบากเลย คลอดออกมาก็ ๗ ขวบกว่า ๆ ประเคนของพระได้เลย แล้วก็ขอบวช แค่พระปลงผมให้เสร็จก็เป็นพระอรหันต์

เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วเป็น ผู้ที่เลิศกว่าภิกษุอื่นในด้านลาภมาก เหตุที่เลิศกว่าภิกษุอื่นในด้านลาภมาก พระพุทธเจ้าบอกว่า เพราะทำบุญปิดท้ายรายการเสริมทุกอย่างของคนอื่นเขาให้บริบูรณ์ ตัวเองก็เลยบริบูรณ์ไปด้วย ถ้าไม่มีของท่าน แล้วจะขาด มีของท่านแล้วถึงจะสมบูรณ์บริบูรณ์ท่านก็เลยรับเอาอานิสงส์นั้นไปเต็ม ๆ

ถึง ขนาดที่พระพุทธเจ้าจะไปเยี่ยม พระเรวัตตะที่เป็นน้องชายคนเล็กของพระสารีบุตรท่านไปจำพรรษาอยู่ที่ป่า ตะเคียนถามทางกับพระอานนท์ว่า หนทางที่จะไปถึงพระเรวัตตะนั้นไกลมั้ย? พระอานนท์ตอบว่า ถ้าเป็นทางตรงปราศจากโคจรคามเพื่อบิณฑบาตมีแต่เหล่าอมนุษย์เป็นระยะทางแค่ ๖๐ โยชน์ แต่ถ้าเป็นทางอ้อมสะดวกสบายด้วยหนทางและการโคจรบิณฑบาตเป็นระยะทาง ๑๒๐ โยชน์ มากกว่าเท่าหนึ่ง พระพุทธเจ้าบอกว่า อานันทะดูก่อนอานนท์ สีวลีได้ไปด้วยหรือไม่? พระอานนท์บอกว่าไปด้วยพระเจ้าข้า เพราะเขามีการจัดพระเพื่อตามพระพุทธเจ้าไปด้วย พระพุทธเจ้าบอกว่า อานันทะดูก่อนอานนท์ ถ้าสีวลีไปด้วยเราไปทางตรงกัน ไม่มีที่บิณฑบาตไม่มีอะไรมีแต่อมนุษย์ก็ไปกัน

พอท่านไปปรากฏว่าบรรดา เทวดาทั้งหลายที่เคยร่วมบุญในครั้งนั้น พอเห็นเข้าก็พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเดินทางไปในป่าแล้ว ก็รีบไปตกแต่งสถานที่ โยชน์หนึ่งตั้งศาลาไว้หลังหนึ่งให้เพียงพอกับพระทั้งหมด โยชน์หนึ่งเตรียมสถานที่เอาไว้ โยชน์หนึ่งเตรียมสถานที่เอาไว้ ก็เลยกลายเป็นว่าระยะทาง ๖๐ โยชน์ ปกติพระพุทธเจ้าเดินทางครึ่งวัน งวดนั้นเดินซะ ๒ เดือน

แล้วเรื่องของอานุภาพบุญก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ มากปกติใคร ๆ ก็จะต้องแย่งกันทำบุญถวายต่อพระพุทธเจ้าแต่ปรากฏว่าบรรดาเทวดาที่เป็นเพื่อน ร่วมบุญในครั้งนั้นตั้งหน้าตั้งตาเอามาถวายพระสีวลีองค์เดียว แต่ว่าของนั้นก็มากพอที่พระสีวลีถวายต่อพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมด แล้ว ยังเหลือเฟืออยู่จะเป็นอย่างนี้ไปตลอด ๒ เดือนระยะทาง ๖๐ โยชน์ ปรากฏว่างวดนั้นเดินซะ ๒ เดือนรอเทวดาเขาทำบุญ

คราวนี้พระสีวลี นิพพานไปแล้วหลวงพ่อท่านบอกว่า ผล บุญใดก็ตามนะที่เป็นของพระอรหันต์ท่าน โดยเฉพาะพระอรหันต์ที่เป็นเอตะทัคคะคือ มีความเป็นเลิศพิเศษในทางใดทางหนึ่ง ถ้าเราบูชาท่านผลบุญที่ท่านไม่ต้องใช้แล้วเพราะท่านเข้านิพพานแล้วผลบุญนั้น จะมีสำเร็จแก่เราด้วย ดังนั้นเขาถึงได้บอกกันว่าคนที่บูชาพระสีวลีส่วนใหญ่จะมีลาภมากคือ ท่านไม่จำเป็นต้องใช้ลาภอันนั้นแล้วเข้านิพพานไปแล้วกุศลที่ท่านทำก็เลยตก ถึงผู้ที่บูชาท่านด้วย



สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้