ตำนานของ วัฏฏะกะปะริตตัง สมัยหนึ่ง สมเด็จพระศาสดาเสด็จจาริกไปใน แว่นแคว้นมคธ เพื่อบิณฑบาตพร้อมด้วยพระสาวกตามเสด็จเป็นอันมาก ครั้นเสด็จกลับหลังจากทำภัตรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก เสด็จเข้าไปทรงประทับเจริญสมณธรรมในป่าแห่งหนึ่ง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่าขึ้นในทิศทั้งสี่ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ บ้างก็บอกว่าจะพากันไปช่วยดับไฟ บ้างก็บอกว่าเรามาช่วยกันจุดไฟเพื่อสกัดไฟกันดีกว่า ยังมีพระภิกษุผู้เป็นเถระบางรูป กล่าวเตือนขึ้นว่า พวกเราจะตระหนกตกใจไปไย พระบรมสุคตเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยกับเราที่นี่ เราควรจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พระองค์ทรงแนะนำเรื่องนี้จะดีกว่า
ภิกษุทั้งหลายจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วทูลเรื่องไฟป่าให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระบรมสุคตเจ้าเมื่อทรงทราบ จึงได้ทรงเสด็จลุกขึ้นยืนทอดพระเนตรไฟในทิศทั้ง ๔ ในทันทีนั้นไฟป่าที่พระบรมสุคตเจ้า ทรงหันไปทอดพระเนตร ได้ดับไป ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีไฟลุกอยู่ แล้วจุ่มลงไปในน้ำ ไฟนั้นได้ดับลงในฉับพลันฉันนั้น โดยรอบพื้นที่ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๑ กิโลครึ่ง
ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงกล่าวสรรเสริญพุทธธานุภาพ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก
องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสว่า การที่ไฟไหม้มาถึงภูมิประเทศนี้ โดยรอบ ๑๖ กรีส แล้วดับไปหาใช่พุทธานุภาพของพระองค์แต่ชาตินี้ไม่ ไฟป่าที่ไม่ มีชีวิตย่อมดับไปเพราะกำลังแห่งสัจจะวาจาของเราที่มีมาแล้วแต่อดีต
ครั้นแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงเรื่องที่มีมาแล้วแต่อดีต ความว่า ในอดีตสมัยเมื่อพระองค์ ยังทรงเสวยพระชาติเป็น พญานกคุ้มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ ก็ได้อาศัยอยู่ในป่า แคว้นมคธ วันหนึ่งพ่อและแม่พญานกคุ้มพากันออกไปหาอาหาร ปล่อยให้ลูกนกคุ้มอยู่ในรังตามลำพัง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่า ปรากฏขึ้นมาจากทิศทั้ง ๔ รอบรังของลูกนกคุ้ม อยู่ห่างจากรัง ๑๖ กรีส หรือหนึ่งกิโลครึ่ง ขณะนั้นลูกนกคุ้ม ได้รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวงรอบของไฟป่า จึงเหลียวหาบิดามารดา ก็ไม่เห็นลูกนกคุ้มจึงคิดว่า โดยปกติธรรมดาสัตว์ เมื่อตัวลูกมีภัยก็ต้องอาศัยพึ่งพิงพ่อแม่ แต่บัดนี้พ่อแม่เรามิได้อยู่เสียแล้ว เราคงจะต้องพึ่งพิงอิงอาศัยตัวเอง ลูกนกคุ้มนั้นจึงตั้งสัจจะวาจาว่า
คุณของศีลมีอยู่
คุณของธรรมมีอยู่
คุณของสัจจะวาจานี้ก็มีอยู่จริง
ปีกทั้งสองข้างเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้
เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้
บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้มิได้อยู่กับเรา
นี้เป็นสัจจะวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป
ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐานของลูกนกคุ้ม ไฟป่าที่ไหม้มาทั้ง ๔ ทิศ ก็ดับลงโดยพลัน ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีเพลิงลุก แล้วจุ่มลงในน้ำฉะนั้น ไฟนั้นก็พลันดับไปในทันที องค์สมเด็จพระชินศรีจึงทรงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า แต่บัดนั้นจวบจนถึงกาลนี้ ไฟป่าก็มิอาจเผาไหม้เข้ามาถึงเขตนี้ได้อีกเลย ซึ่งมีอาณาเขตโดยรอบ ๑๖ กรีส โดยประมาณ ๑ กิโลครึ่ง นี้แหละภิกษุทั้งหลาย เป็นอานุภาพของพระโพธิสัตว์ที่มีอยู่ในตัวนกคุ้ม ผู้บำเพ็ญบารมี จนได้มาเป็นเราตถาคตในปัจจุบัน
|