ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2426
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เมื่อแจกแล้ว ′ดราม่า′ เชิญมาอ่านฟิน ๆ ใน ′ประวัติศาสตร์(ปฏิทิน)′ สังคมสยาม-ไทย

[คัดลอกลิงก์]
เมื่อแจกแล้ว ′ดราม่า′  เชิญมาอ่านฟิน ๆ ใน
′ประวัติศาสตร์(ปฏิทิน)′ สังคมสยาม-ไทย



วันที่ 06 มกราคม  พ.ศ. 2559 เวลา 17:05:58 น.




กลายเป็นประเด็นรับปีใหม่ขึ้นมาทันที เมื่อมีกระแสข่าวห้ามแจกปฏิทิน ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ ถึงขนาดมีทหาร-ตำรวจ เข้าควบคุม รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการใช้ภาพใบหน้า ‘นักการเมือง’ ใส่บนปฏิทิน  เช่นเดียวกับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว  มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ในทางจารีตประเพณีของไทย  ภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนปฏิทินแขวนฝาผนังบ้านมอบให้แก่ผู้คนในปีใหม่นั้น  ต้องเป็นภาพที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อคนในชาติ”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  รวมทั้งความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าว นำไปสู่การตั้งคำถาม  และย้อนกลับไปค้นหาความเป็นมาของการตีพิมพ์ปฏิทิน (แขวนผนัง) ในเมืองไทยว่า  แท้จริงแล้วอาจมีความหลากหลายมากกว่าที่คิด ทั้งยังมีความเป็นมาน่าสนใจไม่ใช่น้อย

แรกมีปฏิทินไทยยุคปลาย  ร.3

การพิมพ์ปฏิทินมีขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2385  (ปลายสมัย รัชกาลที่ 3) ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ทรงฯโปรดให้พิมพ์ปฏิทินภาษาไทย โดยโปรดเกล้าฯ  เปลี่ยนจากปฏิทินจันทรคติมาใช้ปฏิทินสุริยคติ ครั้นสมัยรัชกาลที่ 5 มีการใช้ปฏิทินเกรกอเรียนตามแบบสากล โดยเดือนแรกของปีคือเดือนเมษายน และเดือนสุดท้ายของปีคือมีนาคม  และปรับมาใช้รัตนโกสินทรศก และพุทธศักราชตามลำดับ

จนกระทั่งในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม  ได้มีการปรับเปลี่ยนปฏิทินอีกครั้งโดยปรับให้วันที่ 1 มกราคม  เป็นวันขึ้นปีใหม่และเป็นวันเริ่มต้นของปีแทนที่รูปแบบเดิม โดยวันขึ้นปีใหม่ในรูปแบบนี้เริ่มใช้ในปี  พ.ศ. 2484

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปฏิทินที่พิมพ์ในเมืองไทย เรียกว่า "ประนินทิน" ขายเล่มละ 4 บาท  ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของปฏิทินไทย การพิมพ์ปฏิทินเล่มยังมีการจัดทำต่อมา ในหลายรูปแบบ  ซึ่งมีการบอกน้ำขึ้น-น้ำลง ดิถีดวงจันทร์ และปฏิทินภาษาจีนร่วมด้วย และมีช่องว่างให้บันทึกเล็กน้อย  ในรูปแบบของ ไดอารี่ หรือ "สมุดบันทึกประจำวัน" ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรด ฯ ให้พิมพ์ ‘ปฏิทินพก’ เล่มเล็กๆเป็นของชำร่วย สำหรับพระราชทานแก่ขุนนางที่ลงนามถวายพระพร ในวันขึ้นปีใหม่  และปฏิทินก็ได้รับความนิยมสืบมา




ปฏิทินธนาคารไทยพาณิชย์ พ.ศ.2523

′ภาพจำ′ หลากหลายในปฏิทินแขวนผนัง

หลังจากนั้น  หน่วยงานเอกชนมีการพิมพ์ปฏิทินแจก โดยเฉพาะหน่วยงานใหญ่ๆ อย่างธนาคาร บริษัท ห้างร้าน  เพื่อแจกลูกค้าในช่วงปีใหม่ โดยมีการใช้ภาพบนปฏิทินที่หลากหลาย ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงยิ่ง คือ  ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์  ซึ่งถือเป็นภาพอันเป็นสิริมงคลเมื่อได้รับในช่วงปีใหม่ นอกจากนี้ ยังมีภาพของอดีตบูรพมหากษัตริย์ไทย  รวมถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม  รวมถึงภาพดารานักแสดงก็ได้รับความนิยมกว้างขวาง โดยทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ  จะให้ดาราในสังกัดของตนมาเป็นแบบในการถ่ายปฏิทิน ซึ่งมีทั้งภาพเดี่ยว ภาพพระเอก-นางเอกคู่ขวัญ  ไปจนถึงภาพหมู่ ซึ่งยังปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีรูปแบบการถ่ายและโพสต์ท่าแตกต่างกันไปตามยุคสมัย  เช่น ในอดีตนิยมแนวฝรั่ง ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม และท่วงท่า ปัจจุบันหันมาฮิตแบบเกาหลี  จนมีบรรดาแฟนคลับตั้งข้อสังเกตว่า ก๊อปปี้เกาหลีมาทั้งดุ้นจนเป็นดราม่าเล็กๆกันมาแล้ว

จะเห็นได้ว่า ปฏิทินแขวนผนังมีความทรงจำที่หลากหลาย ทั้งเรื่องของความเป็นสิริมงคล ความสวยงาม  และสิ่งบันเทิงใจในด้านต่างๆ




ปฏิทินแขวนผนังของ "สบู่ลักส์" พ.ศ.2520 ที่ใช้ดาราหญิงชื่อดังเป็นเเบบ


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-1-7 09:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปฏิทินโป๊  เหตุเกิดจากยุค ‘สงครามเย็น’

ปฏิทินแขวนผนังอีกหนึ่งแนว ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้  เพราะถูกสังคมหยิบยกมาจงใจแซวแบบแสบๆคันๆสนั่นโลกโซเชียล กับคำกล่าวที่อ้างถึงจารีตของปฏิทินแขวนผนัง  นั่นก็คือ ปฏิทินโป๊ยั่วยวนชวนน้ำลายหก ที่ได้รับความนิยมยาวนานหลายสิบปี  จนกลายเป็นบันทึกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมไทย

พิพัฒน์ กระแจะจันทร์  อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้สนใจปฏิทินโป๊ในเชิงวิชาการ บอกว่า  มีธุรกิจอยู่ 2 ประเภทที่ชอบแจกปฏิทินโป๊ ได้แก่ ธุรกิจเหล้าเบียร์ กับธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องยนต์ รถ  น้ำมัน โดยมีที่มาจากการรับอิทธิพล ‘วัฒนธรรมอเมริกัน’ ในยุคสงครามเย็น

ปฏิทินโป๊ชุดแรก ผลิตใน  พ.ศ. 2502 โดยสุรายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งยังไม่โป๊เต็มขั้น เพราะนางแบบสวมกางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตพับแขน  แล้วเอาชายเสื้อผูกด้านหน้า ฟังดูอาจไม่เร้าอารมณ์เท่าไหร่ แต่ในยุคนั้นถือว่า “หวิว” แล้ว

2 ปีต่อมา มีพัฒนาไปสู่ “ชุดว่ายน้ำ”แบบวันพีช (เต็มตัว) แต่ยังสวมกางเกงขาสั้นทับอยู่ จากนั้นอีกหลายปี  จึงกลายเป็นชุดว่ายน้ำแบบบิกินนี่ เผยให้เห็นสัดส่วนชัดเจน กระทั่ง พ.ศ. 2519 จึงบรรลุเข้าสู่ยุคปฏิทิน “นู๊ด”อย่างแท้จริง คือเปลื้องผ้าเห็นเนื้อหนังมังสาแบบเต็มตา แน่นอนว่า เป็นงานแนวสุรา คือ  วิสกี้ยี่ห้อไก่แดง  ซึ่งได้รับความฮือฮาจนทำให้มีปฏิทินแขวนผนังในลักษณะนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง

พิพัฒน์ กล่าวว่า  พอไทยรับวัฒนธรรมแบบอเมริกันในสมัยสงครามเย็นเข้ามาก็เริ่มเกิดปฏิทินโป๊ขึ้น เพราะสังคมมันเปิดมากขึ้น  และรับวัฒนธรรมพวกนี้อย่างตรงไปตรงมาถึงจะอายๆ อยู่บ้างในระยะแรกๆ เริ่มแรกเลย  ปฏิทินชุดแรกนี่ผลิตขึ้นในปี พ.ศ. 2502  เป็นปฏิทินเหล้ายี่ห้อหนึ่งเข้าใจว่าคงเป็น "แม่โขง" ถามว่าโป๊หรือเปล่า มองว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นไทยแต่งตัวไม่ได้แตกต่างจากปฏิทินโป๊หรือนู้ดสมัยนั้นเลย คือ  ตอนนั้นนางแบบแค่ใส่กางเกงขาสั้นและใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นพับแขนแล้วเอาชายมา ผูกเข้าด้วยกัน  แค่ก็หวิวแล้ว

มาถึง พ.ศ.2504 เริ่มกลายชุดว่ายน้ำแบบวันพีชสีขาวแต่ยังใส่กางเกงขาสั้นให้กับ "แม่โขง" แต่สังเกตได้ว่ายังไม่ได้เว้าไปถึงเอวเลย จนปี พ.ศ. 2511 นางแบบก็เริ่มใส่ทูพีชกัน  แต่ที่ดังมากที่สุดคือ โขมพัสตร์ อรรถยา  ซึ่งถ่ายปฏิทินชุดว่ายน้ำทูพีชสีเหลืองให้กับสุรากวางทองเปิดให้เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน

"แต่ที่นับเป็นการเปิดศักราชของปฏิทินโป๊หรือนู้ดอย่างแท้จริงเลยก็คือในปีพ.ศ.2519วิสกี้ยี่ห้อ′ไก่แดง′ได้จับดาราดังสมัยนั้นคือศิริขวัญ นันทศิริ มาเปลื้องผ้า จนมีดาราหลายคนถ่ายปฏิทินแนวนี้กันเป็นแถว แต่ว่ามีอยู่ชุดหนึ่ง  เธอใส่ชุดตำรวจแล้วปลดกระดุมเม็ดบน 2-3 เม็ด ทำให้ตำรวจถึงขั้นยื่นหนังสือประท้วง ในช่วงปี พ.ศ.  2530-2533 ปฏิทินโป๊ฮิตกันมาก แต่ที่พูดถึงกันมากคือในปี 2533 ปฏิทินที่ดาริน กรสกุล (รูปที่ 4) ถ่ายให้กับแม่โขง เป็นชุดเปียกน้ำสีขาวเห็นจุก ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น  กระทรวงมหาดไทยจึงสั่งห้ามตีพิมพ์และเผยแพร่ภาพที่มีลักษณะยั่วยุทางเพศ  ทำให้ปฏิทินโป๊ซบเซาไปสักพัก” อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ เล่าอย่างออกรส




ปฏิทินนู้ดเเขวนผนังของแบตเตอร์รี่ 3K พ.ศ.2537

วิกฤต ′ต้มยำกุ้ง′ ทำนู้ดซบเซา

ด้านสินค้าประเภทเครื่องยนต์กลไกไม่น้อยหน้า  จัดนางแบบหุ่นงามมาพรีเซ้นต์ผลิตภัณฑ์ผ่านปฏิทินแขวนผนังเช่นกัน  และก็ฮิตฮอตเคียงคู่เครื่องดื่มจำพวกสุราเรื่อยมา จาการศึกษาของพิพัฒน์ พบว่า ในปี พ.ศ.2537 มีปฏิทินนู้ดของแบตเตอร์รี่ 3K มือนางแบบข้างหนึ่งเอาไปปิดส่วนล่าง อีกมือถือแบตเตอร์รี่  แต่ไม่ได้เอาไปบังหน้าอก เลยไม่รู้จะเลือกมองอะไรดี ในช่วงเดียวกัน พ.ศ.2538 ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเริ่มต้นดึงนางแบบมาถ่ายปฏิทินกัน เช่น มรกต มณีฉาย มาถ่ายปฏิทินรถยนต์รถบรรทุก FUSO ตามมาด้วยจักรยานยนต์ KAWASAKI ซึ่งได้ อัครนี แดงใส มาถ่ายปฏิทิน

"แต่แล้วปฏิทินโป๊ก็ต้องซบเซาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง  ทำให้ต้องลดเงินค่าโฆษณาลง จนกระทั่งปี พ.ศ.2544 เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว  จึงเริ่มมีการถ่ายปฏิทินนู้ดกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นยุคของลูกครึ่งฝรั่ง เช่น วิชุดา พินดัม, มิเชล  วอร์กอร์ด, ซินดี้- สิรินยา เบอร์บริดจ์ หลังจากนั้นปฏิทินนู้ดหรือโป๊ก็ทำกันมาเรื่อยๆ ครับ  ที่พอจะดังหน่อยก็คือปฏิทินนู้ดของ Club F ที่เริ่มต้นทำเมื่อปี พ.ศ.2548 เป็นของเบียร์ลีโอ  ปฏิทินทำให้ยอดขายสุราเพิ่มสูงขึ้นมาก จนบางที่พิมพ์ปฏิทินไม่ทันเลยทีเดียว แม้แต่ ตั๊น-จิตภัสร์  ภิรมย์ภักดี ก็ยังเคยนำปฏิทินของเบียร์ลีโอไปแจกที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วมานี้เอง"พิพัฒน์ กล่าว

ส่วนประเด็นการห้ามแจกปฏิทิน ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ พิพัฒน์วิเคราะห์ว่า  กรณีปฏิทินทักษิณ ปัญหาอยู่ตรงที่ทักษิณถูกทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง  หน่วยงานราชการก็เลยตีความกันไปใหญ่โต”

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่มากกว่า ปฏิทินแขวนผนัง  แต่ยังบันทึกประวัติศาสตร์สังคมไว้อย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ห้ามแจกปฏิทิน ‘นักการเมือง’ ในพุทธศักราช 2559 นี้

ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่จะต้องถูกจดจารไว้ด้วยเช่นเดียวกัน


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452074012

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้