เจอโครงสร้างลึกลับใต้นครวัดอีกแล้ว

Sornpraram

เจอโครงสร้างลึกลับใต้นครวัดอีกแล้วโดย

คุณนิติ นวรัตน์ 21 ธ.ค. 2558 05:01







จันทร์วันนี้ เริ่มอบรมฟรี “มัคคุเทศก์อาสาพาเที่ยวสระแก้ว” มีผู้บรรยายหลายท่าน เช่น ภาคเช้า ผวจ.สระแก้ว และ ผอ.วิทยาลัยชุมชนสระแก้ว ภาคบ่าย ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “อาเซียนกับการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว” โดยวันนี้ จะเล่าเรื่องกรุงหริหราลัย จะโชว์ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงวิธีเชื่อมโยงกับไทย ที่วิทยาลัยชุมชนสระแก้วครับ
เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยค้นคว้าหาสิ่งก่อสร้างโบราณหรือของที่สูญหายไปในสมัยโบราณ อย่างเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2558 โคลอมเบียพบซากเรือซานโจสที่จมเมื่อ ค.ศ.1708 หรือ 307 ปีที่แล้ว ในเรือมีทั้งทองคำ เงิน และสมบัติอื่นอีกเป็นจำนวนมาก
หรืออย่างที่นครวัด จ.เสียมเรียบ ของกัมพูชา ขณะนี้มีผลการศึกษาของศาสตราจารย์โรลันด์ แฟลทเชอร์ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ และนายดาเมียน อีแวนส์ นักวิจัยด้านโบราณคดีจากเอกอล ฟรองเซส์ เด็กตรีม ออคริยองต์ ของฝรั่งเศส ที่ใช้เลเซอร์สแกนไลดาร์ (LiDAR) เจาะลึกไปถึงโครงสร้างพื้นดินของนครวัด เห็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นเกลียวขดสี่เหลี่ยม+ โครงสร้างขนาดใหญ่จากหินทรายที่ยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร กว้าง 600 เมตร+ซากของหอสูงที่ทำจากหินทรายและศิลาแลง 8 หอ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของนครวัด+กลุ่มบ้านเรือนและสระที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของคนรับใช้ในวิหาร ฯลฯ
ตอนนี้ โลกเชื่อว่านครวัดที่สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมัน ที่ 2 เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เรื่องนี้ ไม่ใช่เขมรพูดเองนะครับ แม้แต่พ่อผมและนักท่องเที่ยวอีก 4 คนที่บุกป่าฝ่าดงขึ้นไปบนเทือกเขาพนมกุเลน และได้ไปสำรวจกรุงหริหราลัยที่กินบริเวณกว้างถึง 20 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,500 ไร่ (ใหญ่กว่านครวัด นครธม) และเก่าแก่กว่าสมัยนครวัด 300 ปี
นอนกลางดิน กินกลางทราย นั่งมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำลุยป่า กินอยู่ลำบากแต่ได้เห็นกรุงนี้ด้วยตาก็คุ้มแล้วครับ สิ่งที่ได้พบมีทั้งละอาง-ปรอเจียว (ถ้ำค้างคาว) สระดำเรย ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ใช้ประกาศเอกราชว่าไม่ขึ้นกับอาณาจักรศรีวิชัย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปมากกว่าหนึ่งพันปี แต่ช้าง สิงห์ และกบ ที่แกะจากหินยังสมบูรณ์ อาจจะเป็นเพราะถูกปกคลุมด้วยป่าทึบมาพันกว่าปี เพิ่งมาถางป่ารอบๆ สิ่งก่อสร้างกันไม่ถึง 2 ปีนี่เอง
ผู้คนที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับเรื่องการค้นพบกรุงหริหราลัยตั้งแต่แรก เล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่ยังปกคลุมด้วยป่าทึบ สิ่งก่อสร้างพวกนี้มีตะไคร่จับเขียวอื๋อ แต่เมื่อถางป่าออก แสงแดดส่องเข้าไปถึง ภายในไม่กี่วันบางปราสาทก็เปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างน่าอัศจรรย์
คณะของพ่อยังได้ไปที่ปราสาทกรอเบยกราบ อาศรอมมหาเอยเซย (อาศรมมหาฤาษี) เปิงเอยเซย ที่เมื่อพันปีที่แล้วน่าจะเป็นแอ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถึงทุกวันนี้ก็ยังมีตาน้ำที่ผุดมาจากตรอกหินและมีรูอาศรอม หรือรูอาศรม ที่เกิดจากการเจาะหินเอาไว้เก็บสมบัติ
เมื่อนั่งมอเตอร์ไซค์เลี้ยวลดคดเคี้ยวเข้าไปในป่าทึบ ซึ่งบางตอนมีแต่ลำแสงรางๆ ส่องลอดลงมาถึงพื้น ก็ไปเจอเปิงตะบาล
ที่มีการแกะสลักภาพมหาเทพบางองค์บนหิน เช่น เปรียะวิษณุ (พระวิษณุ) เปรียะศิเวียะ (พระศิวะ) เปรียะคะเนสะ (พระคเนศ) ฯลฯ
จุดสูงสุดบนมเหรทรบรรพตคือที่ตั้งของปราสาทอารามโรงเจิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ประกาศตัวว่าเป็นเทพกลับชาติมาเกิด มิใช่เป็นแค่กษัตริย์ที่สื่อสารกับเทพเหมือนกับกษัตริย์ในอาณาจักรฟูนัน และอาณาจักรเจนละ
บริเวณ 20 ตารางกิโลเมตรที่เป็น The Lost City เริ่มจากเสาบองโกลเสยมา หรือเสาเสมาบอกเขตเมือง ซึ่งภายในมีทั้งกำแพงกรง (กำแพงกรุง) ปราสาทเปิงเกร ปราสาทโอพออุง ปราสาทโอทะมอดับ ปราสาทจ๊บเจรย ฯลฯ
ทริปที่แล้ว ใช้เวลานานถึง 4 วัน 3 คืน พ่อผมไปแนะนำบริษัททัวร์ของกัมพูชาว่าให้ลดเวลาให้เหลือแค่ 3 วัน 2 คืน ให้ตัดการนอนในหมู่บ้านชนบทออกไป ให้เปลี่ยนจากนอนป่า มานอนวัดเต็นท์ในบริเวณวัด ส่วนอาหารการกินก็ไปปรับปรุงให้ดีขึ้น และจะไปติดตามผลคำแนะนำระหว่างวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ 8-10 มกราคม 2559 ท่านใดสนใจไปลำบากด้วยกันก็ติดต่อที่คุณชวิกา 09—2430—6363 หรือรับ id line ที่ @LGJ0596P เพื่อเข้าไปดูรูปและกำหนดการ ก็ได้ครับ
จันทร์วันนี้ ใครอยากฟัง ก็เชิญที่สระแก้วครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

http://www.thairath.co.th/content/551561

oustayutt

ขอบคุณครับ

Sornpraram

Nujeab

Sornpraram