ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3515
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อานิสงค์กฐิน

[คัดลอกลิงก์]

ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี
ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี
วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ
ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น"มหาทุคคตะ"
ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ"
เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง
เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป
ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระปทุมมุตระ"
วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐิน เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี
(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี)
จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน
แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน

และ
อานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

"โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐิน
ไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน
ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา
หรือนางฟ้า 500 ชาติ"

นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า
จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย
เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์
จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ
แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ
แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ
หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ

คำว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป
เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ
แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"
เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ
หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ

ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว
บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้
นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้
จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้
จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้

ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท
โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง
รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด
คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ

สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง
ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน
แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ
(1) จุลกฐิน

(2) ปกติกฐิน
(3) มหากฐิน
กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน
แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

คำว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้
คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า ที่เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว
คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้
สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน












2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-11-17 16:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รู้หรือไม่......?
โบราณมีคติว่า ถวายทานเช่น กฐิน ผ้าป่า ให้นำน้ำผึ้ง หรือน้ำตาล ถวายในกองทานด้วยเพื่ออานิสงค์ ถึงลาภสักการะที่จะเกิดจากอานิสงค์ของบุญนั้น
ที่มาของคติ
น้ำผึ้ง.......พระสีวลีในอดีตชาติเคยถวายทานกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ...ด้วยน้ำผึ้ง .....เป็นเหตุให้เลิศด้วยลาภ
น้ำตาล.....ท้าวเวสสุวัณ ในอดีตชาติ เป็นเจ้าของโรงงานน้าตาล ถวายทานแก่พระพุทธเจ้านามว่า พระกัสสปะพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้าได้เกิดเป็นโชติปาลมานพ (อ่านว่า โช-ติ-ปา-ละ อยู่วรรณะพราหมณ์)...เหตุเเห่งมหาทานน้ำตาลทำให้ท้าวเวสสุวัณ เป็นเจ้าแห่งทรัพย์
การถวายของสองสิ่งเป็นการรำลึก ต่อบุญบารมี กับมหาทานของ อริยะสาวกผู้เลิศใน ลาภสักการะสมบัติ......เป็นบุญอนุโมทนา




https://www.facebook.com/profile.php?id=100007083851500&fref=ts
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-2-28 15:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้