ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1625
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

สุนทรพจน์โอบามา : ผู้ปกครองที่กลัวประชาชนของตนเองจะค่อยๆ เสื่อมไป

[คัดลอกลิงก์]

สุนทรพจน์โอบามา :

ผู้ปกครองที่กลัวประชาชนของตนเอง
จะค่อยๆ เสื่อมไป




เมื่อ 29 ก.ย. เว็บไซต์นิตยสารนิวสวีก ตีพิมพ์สุนทรพจน์ที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งที่ 70 ในวันที่ 28 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก โดยส่วนหนึ่งเอ่ยถึงประชาธิปไตย ว่า ประชาธิปไตยอาจปรากฏในรูปแบบต่างกันในพื้นที่ต่างกันของโลก แนวคิดหลักที่ประชาชนจะได้ปกครองตนเองนั้นขึ้นอยู่กับการแสดงออกของรัฐบาลต่อวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เฉพาะของตนเอง แต่ความจริงในทางสากลนั้นเป็นที่ประจักษ์แจ้งในตัวเอง

ไม่มีผู้ใดต้องการถูกกักขังทั้งที่เคารพสันติ ไม่ควรมีสตรีคนใดถูกทำร้ายโดยผู้กระทำลอยนวลอยู่ได้ ไม่มีเด็กผู้หญิงคนใดควรถูกขัดขวางไปโรงเรียน เสรีภาพในการร้องทุกข์อย่างสงบต่อผู้มีอำนาจนั้นต้องปราศจากความกลัวในกฎหมายที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ความคิดแบบนี้ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง วัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง แต่เป็นรากฐานสำหรับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ และเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย

ผมตระหนักว่าในหลายพื้นที่ในโลกมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างหนึ่งว่า ผู้นำที่แข็งแกร่งต้องไม่ยอมให้เกิดปรปักษ์ ผมไม่เห็นด้วย ผมเชื่อว่ารัฐบาลที่พยายามกดฝ่ายที่ต่อต้านอย่างสันตินั้นไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งเลย หากเป็นการแสดงให้เห็นความอ่อนแอ และแสดงให้เห็นความกลัว ประวัติศาสตร์บ่งบอกว่า ผู้ปกครองที่กลัวประชาชนของตนเองจะค่อยๆ เสื่อมสลายไป แต่สถาบันที่แข็งแกร่งสร้างจากความยินยอมพร้อมใจกลับคงอยู่ยืนยาว แม้ตัวบุคคลจะจากไป

นี่เป็นเป็นคำอธิบายได้ว่าผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุด จากจอร์จ วอชิงตัน ถึงเนลสัน แมนเดลา ยกระดับความสำคัญในการสร้างสถาบันทางสังคมให้เป็นประชาธิปไตยและก้าวหน้า มากกว่าการกระหายในอำนาจ ผู้นำที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้อยู่ในตำแหน่งจะล้มเหลวในการสร้างประเทศเพื่อประชาชน เพราะไม่มีผู้นำคนใดที่จะอยู่ไปได้ตลอด อำนาจแบบนั้นยึดติดอยู่กับประโยชน์ของตัวเองมากกว่าจะปรับปรุงในสิ่งที่อ้างว่าจะทำให้ดีขึ้น” ผู้นำสหรัฐกล่าว

นายโอบามากล่าวต่อว่า "ประชาธิปไตยอาจน่าอึดอัดใจ ประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ บางครั้งอาจจะรวน แต่ประชาธิปไตยเป็นการดิ้นรนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายสิทธิให้ประชาชนมากขึ้น ให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียง และเป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นประเทศที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก
ประชาธิปไตยทำให้นานาประเทศแข็งแกร่งขึ้น พรรคฝ่ายค้านชิงอำนาจอย่างสันติได้ผ่านการเลือกตั้ง ประเทศนั้นก็เริ่มแนวคิดใหม่ เมื่อสื่อมวลชนมีเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน เสนอเรื่องราวคอร์รัปชั่น การล่วงละเมิด เพื่อให้เป็นที่รับรู้และนำไปสู่การกำจัดปัญหาเหล่านี้ เมื่อชุมชนพลเมืองเติบโตก้าวหน้า ชุมชนต่างๆ ก็แก้ปัญหาในสิ่งที่รัฐบาลแก้เองลำพังไม่ได้

นี่เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าเป็นความแข็งแกร่งที่สุดของอเมริกา ไม่ใช่ทุกคนในอเมริกาจะเห็นด้วยกับผม นั่นเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย ผมเชื่อว่าเมื่อคนเดินไปบนถนนของเมืองนี้ (นิวยอร์ก) ในตอนนี้ จะผ่านทั้งโบสถ์คริสต์ โบสถ์ยิว วัด มัสยิด ที่ผู้คนเข้าไปสักการะอย่างเสรี ประเทศเราเป็นกระจกเงาของผู้อพยพ เป็นความหลากหลายของโลก สิ่งที่เป็นจริงในอเมริกานี้เป็นจริงสำหรับประชาธิปไตยแท้จริงที่มีวุฒิภาวะทั้งมวล และไม่ได้เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ

เรารักชาติได้โดยไม่ไปข่มผู้อื่น เราปลาบปลื้มกับอัตลักษณ์ของตนเอง ศาสนาของเรา ชาติพันธุ์ของเรา ประเพณีของเรา โดยไม่ต้องดูถูกดูแคลนผู้อื่น ระบบของเราตั้งอยู่บนหลักการว่า อำนาจที่เบ็ดเสร็จจะฉ้อฉล แต่ประชาชน-สามัญชน-คือความดีงามขั้นพื้นฐาน ให้คุณค่าครอบครัว มิตรภาพ ศรัทธา และเกียรติ ในการทำงานหนัก และเป็นส่วนที่ตรวจสอบความสมดุล รัฐบาลเป็นส่วนที่สะท้อนความดีงามนี้ได้

ผมเชื่อว่า อนาคตเราจะแสวงหาร่วมกัน เชื่อในเกียรติของคนทุกคน เพื่อเชื่อว่าเราเชื่อมความแตกต่างของเราได้ และเลือกที่จะร่วมมือกันแทนความขัดแย้ง นี่ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นความแข็งแรง เป็นความสำคัญจริงในโลกที่เชื่อมโยงกันนี้"

ที่มาแหล่งช่าว http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1443547715
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้