ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1988
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

การเดินตามพุทธองค์มีความผิดพลาดเพียง๒ประการเท่านั้น

[คัดลอกลิงก์]

การเดินตามพุทธองค์มีความผิดพลาดเพียง๒ประการเท่านั้น                                        การเดินตามพุทธองค์มีความผิดพลาดเพียง๒ประการเท่านั้น : วิปัสสนาบนหน้าข่าว  โดยพิสุทธิ์ เกรียงบูรพา               
              วงล้อแห่งธรรม (ธัมมจักร) แห่งพุทธะ ถูกเข็นเคลื่อนผ่านกาลเวลาในโลกมนุษย์มาแล้ว เป็นปีที่ ๒,๖๐๓ โดยเริ่มนับจากวันที่พระองค์ทรงตรัสสอนท่านอัญญาโกณฑัญญะจนบรรลุธรรม เป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรก เราจึงเรียกวันนั้นว่า อาสาฬหบูชา
              ผมอยากจะกราบแทบเท้าผู้สร้างภาพยนตร์ “พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก” จริงๆ งานชิ้นนี้ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนติดตามดูกันมากมาย (ดึงมวลชนให้ออกมาจากการเสพละครน้ำเน่า ที่ดูจะมีฉากตบจูบกันชัดเจน และรุนแรงมากขึ้นทุกที) นอกจากจะจรรโลงใจให้คนทีศีลธรรมแล้วยังจูงใจให้ชาวพุทธสนใจจะปฏิบัติธรรมกันมากขึ้นด้วย

              มีอยู่ฉากหนึ่ง ตอนที่พระพุทธเจ้ากำลังสาธยายดับอารมณ์โกรธของพระเจ้าสุทโทธนะ เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงหลานแกให้กลายเป็นสามเณรราหุล พระองค์ตรัสว่า ...
              “มีความผิดพลาดเพียง ๒ ประการ เท่านั้นในการเดินตามพระองค์ (พุทธะ) คือ ๑ ไม่เดินไปจนสุดทาง และ ๒ ไม่เริ่มเดินตั้งแต่ต้น”
              การเดินตามรอยพระพุทธองค์นั้น ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องของ “หลักการ” อะไรมากมาย เพียงตระหนักรู้ ตื่นจากหลับ ฝึกจิต บำเพ็ญตบะ สัมผัสมันด้วยประสบการณ์ตัวเอง (ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ) กระทั่งจิตเป็นอิสระ ถูกปลดปล่อยจากทุกข์ทั้งปวง ไม่มีกิเลสใดๆ ไร้โลภ-โกรธ-หลง ปราศจากความกลัวเกรงใดๆ ทั้งสิ้น ...


              “ไม่เดินไปจนสุดทาง” ... เป็นประโยคที่พุทธบริษัททั้งหลาย ต้องตั้งใจฟังกันให้ดีๆ ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก ฟังแล้วสะท้อนใจตัวท่านเองบ่อยๆ ตั้งนะโม โอม มหาพิจาณาทีเดียว ผมเห็นพระหลายต่อหลายรูป ผิดพลาดในหัวข้อนี้มานักต่อนักแล้ว หากทุกท่าน มั่นคงตามพุทธปณิธานเดินออกจากเรือน สู่ป่ามาบวชตามรอยพระพุทธองค์จริงๆ บวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ก็ควรสละ ละทุกสิ่ง เพื่อจะเดินไปจนสุดทาง ข้ามพ้นไปฝั่งโน้นกันได้ แต่พระส่วนหนึ่งที่ท่านไม่เดินไปสุดทาง ก็ด้วยยึดติดในอะไรบางอย่าง อาจจะออกจากเรือนแล้วก็จริง แต่มาสิงในเรือนใหม่ (กุฏิ) หลังใหญ่กว่าเก่าเยอะเลย, อาจจะไม่จับเงินแล้วก็จริง แต่จับสมุดบัญชีเงินฝากอันเป็นชื่อของตนแทน ซึ่งมีแต่ตัวเลขมหาศาล  อาจจะสละเวลาก่อร่างสถาปนาวัดและเครือข่ายขึ้นมามากมายก็จริง แต่วัดและที่ดิน ก็ตกเป็นชื่อ เป็นสินทรัพย์ของท่านหน้าตาเฉย  อาจจะสละยศ ตำแหน่งทางโลกมาก็จริง แต่มาอิงสมณศักดิ์ยศพระและคำสรรเสริญบูชา ซึ่งนำพาให้อัตตา ตัวกูของท่านนั้นยิ่งใหญ่คับโลกไปแล้ว ซะงั้น!

              ที่แย่ไปกว่านั้น คือการยึดติดของท่านเหล่านั้น มักจะแน่นเหนียวมากกว่าสมัยยังเป็นฆราวาสอยู่ด้วยซ้ำ จนไม่สนคนไล่ กล่าวว่าศีลไม่บริสุทธิ์ หรือไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แม้กระทั่งพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชจะระบุชัดว่าเป็นปราชิก!
              นี่กระมัง ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ไม่เดินให้สุดทาง

มีอีกฉากหนึ่ง ตอนที่พระพุทธเจ้า ช่วยเด็กชายโคปัน ลูกพ่อค้าวาณิช ออกจากจากบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ ซึ่งเปลวไฟอันร้อนแรง กำลังโหมไหม้รอบบ้าน เหลือช่องหน้าต่างเล็กๆ ใหญ่พอแค่เด็กจะรอดออกมาได้ เด็กน้อยโคปัน ก็กำลังเพลิน เล่มตุ๊กตาดินปั้นอยู่ อย่างไม่สนใจเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อ ต่อเมื่อพระพุทธเจ้า ได้เข้ามาส่งพระสุรเสียง เรียกออกไปเท่านั้น เด็กน้อยก็ทำตาม ปีนช่องหน้าต่าง รอดจากอัคคีภัยมาได้อย่างหวุดหวิด     จากพ่อค้าวาณิชผู้เป็นพ่อ ที่พูดจาดูถูกดูแคลนพระพุทธเจ้า เมื่อแรกพบ เกิดศรัทธา และเริ่มสำนึกผิด พระองค์จึงเทศน์สอนว่า ...

              “คนในโลกนี้ ก็เหมือนกับเด็กน้อยโคปัน กำลังเพลินอยู่ในโลก โดยไม่สนกองเพลิง (กิเลสตัณหา) ที่กำลังรุมเร้า เข้ามาเผาตน ข้าฯก็ได้แต่สอนสัจธรรม และชี้ทางสู่ความเป็นอิสระจากกองทุกข์ สุดแท้แต่ว่า ใครจะได้ยินเสียงของข้า แล้วทำตาม ก็จะรอดพ้นจากอันตราย  ส่วนคนที่ไม่ฟังและไม่ยอมเดินตามนั้น สุดท้ายก็จะต้องตายในกองเพลิง โลภะ-โทสะ-โมหะ"

              นี่กระมัง ความผิดพลาดข้อที่ ๒ ที่ว่า ... ไม่เริ่มเดินตั้งแต่ต้น ... เพราะมัวหลงอยู่ในโลก เมาหมกอยู่กับความเพลิน (นันทิ) มัวแต่เจริญหู เจริญตาอยู่กับกองวัตถุนิยม จนไม่สนใจกระทำจิตภาวนา ต่อให้มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติอีกร้อยพระองค์ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้

              หากชาวพุทธได้พิจารณาความผิดพลาดทั้ง ๒ ประการนี้ให้ถ้วนถี่แล้วไซร้ กงล้อแห่งธรรมของพระพุทธองค์ ก็จะถูกเข็ญให้เดินต่อไปให้เร็วยิ่งๆ ขึ้น ปฏิบัติธรรมกันให้มากขึ้น ถือเป็นการบูชาอันสูงสุด ที่จักทำให้เราหลุดออกจากความผิดพลาดสองประการนี้อย่างแน่นอน

              ไม่เห็นทุกข์ จมสุขเพลิน
              ไม่เริ่มเดิน ตามพระพุทธองค์ (๑)
              คือประมาท เมาใหลหลง
              จึงจมจ่อม ในโลกีย์กาม
              เห็นทุกข์แล้ว อยากหลุดพ้น
              แต่ไม่ทน เดินจนสุดทาง (๒)
              จิตของท่าน จึงอ้างวาง
              คือสองประการ ความผิดพลาด ฉกาจฉกรรณ์ฯ


- See more at: http://www.komchadluek.net/detai ... thash.mqLNFQgc.dpuf
เยี่ยมมากครับ...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้