ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานเหล็กไหล

[คัดลอกลิงก์]
41#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-21 19:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การตัดเหล็กไหลด้วยการเพ่งเทียนกสิณ

ผู้ที่จะทำการตัดเหล็กไหลด้วยวิธีการเพ่งกสิณได้จะต้องเป็นผู้ ที่มีความเข้าใจในเรื่องธาตุอย่างถ่องแท้โดยเฉพาะธาตุไฟ เพราะจะต้องสามารถควบคุมธาตุไฟให้เป็นไปตามความต้องการของตนได้รวมถึงจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจในธรรมชาติ ของเหล็กไหลได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการตัดเหล็กไหลด้วยวิธีนี้ จะใช้แค่เทียนอาคมที่เป็นเทียนขี้ผึ้งแท้เพียงเล่มเดียวเท่านั้น

เทียนขี้ผึ้งที่ใช้อาจจะชโลมไว้ด้วยน้ำผึ้งหรือไม่ก็ได้ เมื่อเตรียมเทียนอาคมเป็นที่เรืยบร้อยแล้วก็จุดเทียนเล่มดังกล่าว แล้วนำไปลนยังบริเวณรอบๆ รังเหล็กไหล ผู้ที่ทำการตัดเหล็กไหลจะต้องกำหนดจิตใช้อำนาจกสิณไฟเพื่อเร่งธาตุความร้อนของเปลวไฟจากเทียนเพียงเล่มเดียวให้เกิดอานุภาพความร้อนเท่ากับความร้อน ของเปลวไฟจากเทียนนับล้านๆเล่มให้ได้

รังเหล็กไหลที่ถูกลนด้วยเปลวไฟกสิณจะมีลักษณะสีแดง ฉานเหมือนเหล็กที่ถูกหลอมในเตาไฟ จากนั้นเหล็กไหลที่ยึดตัวอาศัยอยู่ในรังเหล็กไหลดังกล่าวก็จะยืดตัวออกมาจากรัง ในขั้นตอนนี้จะ ต้องมีการเตรียมของอันเป็นมงคล เช่น ผ้าขาวลงอาคมอักขระ อ่างน้ำผึ้ง อ่างน้ำมนต์ไว้สำหรับรองรับเหล็กไหลที่ยืดตัวออกมาจากรัง ซึ่ง เหล็กไหลที่ได้จากการตัดด้วยวิธีนี้จะมีสัณฐานคล้ายกับหยดนั้าอันเกิดจากการที่เหล็กไหลยืดตัวเองและเยิ้มหยดตัวลงมาก่อนที่ เหล็กไหลจะแยกตัวหลุดมาจากรังด้วยไฟกสิณนั่นเอง

เหล็กไหลที่ได้จากการตัดด้วยไฟกสิณส่วนมากมักเป็นเหล็กไหลเจ้าป่า(พญาเพชรดำ) หรือเหล็กไหลประเภทอุลกมณีและเมื่อนำเหล็กไหลที่ได้จากการตัดด้วยการใช้กสิณไฟจาก เปลวเทียนไปตรวจสอบก็จะพบว่าส่วนใหญ่เป็นหินที่มาจากนอกโลก โดยจะเป็นหินจำพวกสะเก็ดดาวและเนื่องจากเหล็กไหลดังกล่าวมีลักษณะที่เหมือนกับอุกกาบาตที่ตกลงมายังโลก ในบางครั้งจึงเรียกเหล็กไหลประเภทนี้ว่า "เหล็กไหลจากต่างดาว"
42#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-21 20:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การตัดเหล็กไหลเผยแพร่สู่สาธารณชน

เรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กไหลนั้นล้วนเป็นเรื่องราว ที่เร้นลับซับซ้อน เป็นที่น่าสนใจและน่าติดตามในมุมมองของคน โดยทั่วไป จนอาจกล่าวได้ว่าคนไทยมีความผูกพันใกล้ชิดกับธาตุ กายสิทธิ์ชนิดนี้มาก โดยจะเห็นได้จากพระเครื่องหรือวัตถุมงคล ในสมัยก่อนที่ต้องมีธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลปะปนเป็นมวลสารอยู่ บ้างไม่มากก็น้อย

ในราวปีพ.ศ.2537ได้มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับการติดตามพิสูจน์เหล็กไหลว่ามีจริงหรือไม่แพร่ ภาพออกสู่สาธารณชนจนกลายเป็นประเด็นที่ประชาซนทั่วไปให้ ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรายการดังกล่าวได้ไปถ่ายทำพิธีการ ตัดเหล็กไหลตามถ้ำต่างๆในประเทศไทย และนับเป็นครั้งแรกที่พิธีกรรมทางไสยศาสตร์อันเร้นลับได้ถูกเปิดเผยสายตาของประชาชน

พิธีกรรมการตัดเหล็กไหลที่ได้ไปบันทึกภาพในครั้งนั้นได้ กระทำขึ้นที่ถํ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี โดยมีบุคคลจากหลากหลาย สาขาอาชีพเข้าร่วมในการพิสูจน์และเป็นสักขีพยานด้วย อาจารย์ผู้ประกอบพิธีกรรมในการตัดเหล็กไหลครั้งนั้นก็เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ในการตัดเหล็กไหลเป็นอย่างมาก ซึ่งในครั้งนั้นท่านก็พร้อมที่จะร่วมพิสูจน์และให้ความร่วมมือในการถ่ายทำเป็นอย่างดี

การตัดเหล็กไหลในครั้งนั้นเป็นการตัดเหล็กไหลน้ำหนึ่ง ที่ไม่แข็งตัวเองตามธรรมชาติโดยการใช้กสิณไฟตัดด้วยเทียน เพียงเล่มเดียว ผู้ทำพิธีได้ไต่ปันไดไม้ไผ่ขึ้นไปจนถึงบริเวณก้อนหิน ที่เหล็ก1ไหลซ่อนตัวอยู่แล้วใช้เทียนลนไปยังบริเวณรังเหล็กไหล

ในเวลาไม่นานก็ปรากฏวัตถุอย่างหนึ่งที่มีสีดำเป็นมันเงาเคลื่อนที่ไปมา คล้ายของเหลวได้ยืดตัวออกมาจากซอกหินบริเวณที่ถูกเทียนลน ต่อหน้าสักขีพยานเป็นจำนวนมาก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเห็น เหมือนกันหมดว่าของเหลวสีดำนั้นเริ่มยืดตัวออกมาจากรังที่มีสีแดง ราวกับโดนไฟที่มีความร้อนจัดแผดเผา จากนั้นของเหลวสีดำดังกล่าว ก็หลุดตัวออกมาจากซอกหินตกลงมายังผ้าขาวที่ได้เตรียมรับเอาไว้ด้านล่าง


ในกลุ่มของสักขีพยานเหล่านั้นล้วนประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยา ตลอดจนเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี ทุกคนในที่ นั้นต่างก็ช่วยกันพิจารณาเหล็กไหลชิ้นที่ตัดมาได้ และทุกคนต่างก็ ยอมรับถึงสิงที่ได้ปรากฏแก่สายตาตัวเองว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ และไม่สามารถหาคำตอบในทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลยคณะพิสูจน์เหล็กไหลจึงได้นำเหล็กไหลชิ้นที่ตัดมาได้ไปตรวจพิสูจน์ ที่กรมทรัพยากรธรณีเพื่อที่จะได้ทราบว่าวัตถุชิ้นนี้คืออะไรกันแน่

ผลการตรวจสอบเหล็กไหลที่ได้จากการทำพิธีตัดในครั้งนั้น ปรากฏว่าวัตถุที่ได้นั้นไม่ใช่วัตถุธาตุบนโลก แต่มีลักษณะเหมือนกับ สะเก็ดดาวหรืออุกกาบาตที่ตกลงมายังโลกอันเป็นวัตถุธาตุที่อยู่ ในห้วงจักรวาลที่เดินทางผ่านกาลเวลาและระยะทางอันแสนยาวนาน มาจากนอกโลกกว่าจะเดินทางมาถึงยังโลกของเรา

อันที่จริงก็ยังมืวัตถุธาตุจากห้วงอวกาศที่เดินทางเข้ามายัง โลกอีกหลายชนิด บางชนิดเดินทางลงมาเป็นลำแสงแต่ไม่สามารถ หาตัววัตถุเหล่านั้นได้พบ บางชนิดที่มีขนาดใหญ่มากจึงไม่สามารถ เดินทางเข้ามายังชั้นบรรยากาศของโลกได้ด้วยวิธีการธรรมดา ดังนั้นการที่จะสามารถเดินทางมายังโลกได้ต้องอาตัยการเดินทางผ่านประตูมิติเวลา เนื่องจากการเดินทางผ่านประตูแห่งกาลเวลา จะทำให้เงื่อนไขของเวลาและระยะทางหมดไป

จากผลการพิสูจน์ที่ออกมายิ่งทำให้คณะพิสูจน์เหล็กไหลและ กลุ่มสักขีพยานไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเหล็กไหล คืออะไรกันแน่ เพราะหากธาตุชนิดนี้ไม่ใช่วัตถุธาตุบนโลกแล้วเหล็กไหล เดินทางมาจากที่ไหนและมาบนโลกเพื่อวัตถุประสงค์อะไร? นอกจากนี้ทางรายการยังได้แพร่ภาพพิธีกรรมการตัดเหล็กไหล ณ สถานที่อื่นๆอีกหลายครั้ง ซึ่งผลปรากฏว่าเหล็กไหลที่ได้ก็มีลักษณะที่ใกล้เคียงกันคือเป็นของเหลวสีดำเป็นมันเงาสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ราวกับเป็นสิงที่มีชีวิตเมื่อโดนไฟลนก็จะสามารถยืดตัวและหดตัวได้ เหล็กไหลน้ำหนึ่งนั้นจะมีลักษณะรูปพรรณสัณฐานเป็นของเหลวคล้ายปรอทและไม่ยอมแข็งตัวเองตามธรรมชาติ จนกระทั่งถูกตัดออกมาจากรังแล้วจึงจะแข็งตัว เหล็กไหลน้ำหนึ่งมีหลากหลายสีด้วยกัน แต่เท่าที่เคยพบก็มีสีดำ สีท้องปลาไหล สีเขียวอมดำ เขียวหัวเป็ด เขียวอมทอง เขียวปีกแมลงทับ สีน้าเงินอมดำ และไม่มีสี (เป็นแก้วใส)

แม้ว่าจะเคยมีรายการทางโทรทัศน์ได้เผยแพร่เรื่องราว เกี่ยวกับเหล็กไหลไปแล้วก็ตาม หากแต่เรื่องราวของเหล็กไหลนั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจหาคำตอบให้ได้และยังคง เป็นสิ่งที่เหนือความรู้และความคิดของคนโดยทั่วไปอีกมาก แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าเหล็กไหลจะเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ หรือขัดต่อหลักของธรรมชาติแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าวิทยาการความเบนโลกเรา ยังไม่อาจเข้าใจธาตุกายสิทธื้ที่มาจากนอกโลกชนิดนี้ได้ จึงมีเรื่องราว อันเร้นลับอีกมากมายของเหล็กไหลที่มนุษย์ยังคงไม่รู้
43#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-21 20:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การสร้างเหล็กไหล (การหุงเหล็กไหล)

นอกจากเหล็กไหลที่มีอยู่ตามธรรมชาติแล้วครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิความรู้ท่านยังสามารถสร้างเหล็กไหลจำลองขึ้นมาโดยเลียนแบบมาจากธาตุตามธรรมชาติบนโลก ซึ่งเราเรียกการสร้างเหล็กไหลจำลองนี้ว่า "การหุงเหล็กไหลหรีอการเล่นแร่แปรธาตุ"(การที่ทำให้ธาตุอย่างหนึ่งแปรสภาพกลายเป็นธาตุชนิดใหม่ขึ้นมา)

ตามตำรากล่าวว่าหากการหุงเหล็กไหลทำสำเร็จในช่วงฟ้าสางจะได้เหล็กไหลที่มีสีเขียวปีกแมลงทับ แต่หากหุงสำเร็จในช่วงเช้าตรู่ ขณะพระอาทิตย์กำลังขึ้นเป็นดวงสืแดงก็จะได้เหล็กไหลที่มีสีแดงเพลิง หรือหากหุงสำเร็จในช่วงสายที่พระอาทิตย์ส่องแสงกล้าแล้วเหล็กไหล ที่ได้ก็จะมีสีขาวเงินยวง เป็นต้น เรื่องอิทธิพลจากแสงอาทิตย์ที่มี ต่อการหุงเหล็กไหลจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกันความลึกลับตาม ธรรมชาติของเหล็กไหลและความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพระอาทิตย์ และพระจันทรนั้นยังคงเป็นสิงที่น่าค้นคว้าต่อไปแต่เรื่องการหุงเหล็กไหลนี้เข้าใจว่าน่าจะมาจากการที่ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนได้เคยเห็น เหล็กไหลตามธรรมชาติมาแล้ว จากนั้นจึงทำการหุงผสมธาตุต่างๆ

ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบเหล็กไหลในธรรมชาติ เท่ากับว่าเหล็กไหลที่ ปรากฏในโลกเรานี้ย่อมมีทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่เกิดขึ้น จากการเล่นแร่แปรธาตุของมหาโยคีในยุคก่อนๆนั่นเอง

หลากหลายตำนานเกี่ยวกับธาตุกายสิทธิ์ในโลกได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดก็ตามที่ได้ครอบครองวัตถุธาตุกายสิทธิ์ ผู้นั้นย่อมสามารถบรรลุ ความปรารถนาทั้งปวงบนโลกธาตุนี้ได้ วัตถุธาตุบางอย่างที่มีพลัง อำนาจในตัวเองนั้นจะสามารถปกป้องคุ้มครองและเป็นเสน่ห์เมตตา แก่ผู้ครอบครองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่ง,ในธรรมชาติก็มีวัตถุธาตุที่มี พลังอำนาจในตัวเองอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่นพวกคดจากพืชและลัตว์ เพชรหน้าทั่ง อัญมณีนพเก้า แก้วโป่งข่าม แต่ในบรรดาธาตุกายสิทธิ์ เหล่านั้นไม่มีสิงใดที่จะยิ่งใหญ่ทรงอานุภาพและเป็นตำนานที,เล่าขาน ไม่รู้จบเทียบได้กับธาตุกายสิทธิ์ที่มีชื่อว่า"เหล็กไหล"

บางตำนานกล่าวถึงการกำเนิดของเหล็กไหลว่าเกิดจาก อำนาจและวิชาของพระฤาษีที่ทรงฌานสูงสุดและเป็นผู้มีญาณหยั่งรู้ว่า ใต้พิภพนั้นมีแร่เหล็กที่ทรงอานุภาพมหัศจรรย์อยู่ และท่านฤาษีได้ใช้ กำลังฌานเรียกแร่เหล็กที่อยู่ใต้โลกเหล่านั้นมารวมตัวกันอยู่ตามถ้ำต่างๆ จนเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปคนในยุคต่อๆมาจึงได้ค้นพบแร่ มหัศจรรย์นี้ ซึ่งแร่ชนิดนี้สามารถทำตัวเองให้อ่อนนิ่มและยืดตัวเอง ไหลไปตามที่ต่างๆได้ และยังสามารถเคลื่อนทีผ่านทะลุแท่งหินตัน ๆ ได้คนโบราณจึงได้ขนานนามแร่พิเศษชนิดนี้ว่า"เหล็กไหล"อันหมายถึงธาตุเหล็กที่มีความมหัศจรรย์ในตัว สามารถทำตัวเอง ให้อ่อนนุ่ม และลื่นไหลไปมาได้

แต่นอกจากความเชื่อที่ว่าแร่เหล็กไหลนี้มาจากธาตุลี้ลับที่อยู่ ใต้พื้นพิภพแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความเชื่อที่เกี่ยวกับกำเนิดเหล็กไหล บนโลกนั้นคือความเชื่อที่ว่าเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์เป็นธาตุชนิดพิเศษที่มาจากมิติอื่นเชื่อกันว่ามหาฤาษีในยุคก่อนๆ ได้เข้าฌานเพื่อทำการ ขอธาตุกายสิทธิ์โว้สำหรับปกป้องโลกให้พ้นจากภัยพิบัติ เมื่อพระเจ้าผู้สร้างโลก คือ พระศิวะ พระพรหมธาดา และพระนารายณ์ได้รับรู้ถึง แรงอธิษฐานจากกำลังฌานของพระฤาษี พระองค์จึงทรงประทานธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งมาให้ในลักษณะของก้อนอุกกาบาต แต่การมาของก้อนอุกกาบาตในครั้งนี้มิได้พุ่งเข้าชนโลกเหมือนอุกกาบาตโดยทั่วไป หากแต่เป็นการเดินทางโดยผ่านประตูแห่งมิติเวลาเข้ามายังโลก

การสร้างเหล็กไหล
เมื่อครั้งแรกที่ธาตุนี้มาถึงโลกมันยังคงเป็นของเหลวที่มี ลักษณะสีดำข้นสามารถลื่นไหลไปตามที่ต่างๆได้ ต่อมาธาตุเหล่านี้ ได้แยกย้ายตัวเองไปตามล่วนต่างๆของโลก ทั้งใต้ดิน ในถ้ำ และ ในน้ำที่ห่างไกลจากผู้คน เพื่อรอคอยเวลาจนกว่าจะมีผู้ที่มีพลังจิต มาค้นพบและนำเอาไปใช้ประโยชน์ในการช่วยโลกให้พ้นจากภัยพิบัติ ต่างๆเหล็กไหลในยุคแรกนั้นได้เคลื่อนตัวไปตามสถานที่ต่างๆ และ ได้สร้างรังสร้างอาณาจักรของตนเองจนเกิดเป็นสายแร่และเป็นแร่ เหล็กไหลตระกูลต่างๆ ขึ้นบนโลก ในที่สุดก็ได้กลายเป็นตำนานของ ธาตุกายสิทธิชนิดต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีบางตำราได้กล่าวถึงต้นกำเนิดของเหล็กไหล ไว้ว่าเกิดขึ้นจากการเล่นแร่แปรธาตุของมหาฤาษีในยุคก่อนๆ ซึ่งพอ จะสรุปได้ว่าเหล็กไหลนั้นน่าจะมีในธรรมชาติมาแต่เดิม โดยเหล็กไหลอาจเป็นวัตถุธาตุชนิดพิเศษที่เดินทางมาจากนอกโลก หรือเดินทาง มาจากต่างมิติภพภูมิแล้วได้หลบซ่อนตัวอยู่ตามธรรมชาติ จวบจน เมื่อธาตุชนิดนี้ได้ถูกค้นพบและศึกษาค้นคว้าโดยมนุษย์ผู้มีภูมิปัญญา ต่อมาเหล่าพระมหาฤาษีที่ทรงฌานอันแก่กล้าจึงได้คิดสูตรรวมธาตุ เพื่อสร้างธาตุใหม่ที่มีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลตามธรรมชาติขึ้น

เซึ่อได้ว่าพระฤาษีในยุคโบราณท่านคงสำเร็จวิชาการรวมธาตุและ การเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงสุดจนสามารถรวมธาตุที่ทรงฤทธิ์เหมือน เหล็กไหลชั้นยอด รวมถึงวิชาขั้นรองๆลงมาในการรวมธาตุ จึงเกิดเป็น เนื้อเมฆสิทธิ์และเมฆพัตร ซึ่งเนื้อธาตุเหล่านี้ก็มาจากตำนานของการ เล่นแร่แปรธาตุเหล็กไหลนี่เอง การที่โบราณจารย์ท่านพยายามผสม ธาตุเพื่อให้เกิดฤทธิ์อำนาจในตัวเองดุจเดียวกับเหล็กไหลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จึงทำให้บังเกิดเนื้อธาตุเหล่านื้ขึ้นมาและเป็นที่รู้จักกันดี ในวงการพระเครื่องปัจจุปัน

ตำนานเรื่องราวของเหล็กไหลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจหาข้อสรุป ที่มีความแน่ชัดตายตัวลงได้เพราะในช่วงเวลาที่ล่วงเลยมานานกว่า แสนปีนั้น เหล็กไหลได้มีการพัฒนาตัวเองและปรับตัวเองไปตาม ธรรมชาติในแต่ละยุคที่เปลี่ยนไป อีกทั้งครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิความรู้ เกี่ยว เนื่องกับ เหล็กไหลก็มีการพัฒนาวิชาการเล่นแร่แปรธาตุรวมทั้งสูตรวิชาบางอย่างที่เคยหายสาบสูญไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรและเป็น ปัจจัยให้เรื่องราวของเหล็กไหลซับซ้อนยิ่งขึ้นจนยากที่จะหาข้อสรุปลงได้ ในแต่ละตำนานต่างก็มีจุดยืนและเอกลักษณ์ของตนมีทั้งข้อดี และข้อเสียซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่มีตำนานใดที่กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ผิดหรือถูกต้องทั้งหมด

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
44#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-21 20:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

45#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-21 20:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

46#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-21 21:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

น้อยคนที่จะได้ครอบครองครับ
48#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-22 23:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เกร็ดความรู้เรื่องเหล็กไหลสุวรรณราชา(ทองปลาไหล) ที่ท่านอาจมองข้ามไป

เหล็กไหลทองสุวรรณราชา หรือ ทองปลาไหล ที่เรียกกันติดปาก บางส่วนที่ท่านไม่เคยรู้ว่าจริงๆๆแล้วได้แยกกรณีออกเป็น 2 ประเภทเท่าที่ ข้าพเจ้าได้พิสูทธิ์จากข้อเท็จจริงมา ตามหลักวิทยาศาสตร์ได้มีหลายท่านนำเอา เหล็กไหลทองปลาไหลไปเข้าห้องพิสูจน์ตามวิทยาศาสตร์ปรากฎว่า มีธาตุที่เป็นทองแดง เสียส่วนใหญ่และธาตุอื่นประกอบซึ่งไม่มีส่วนประกอบของทองคำเลย แต่ทำไมกลับสีทองคำได้อย่างอัศจรรย์ นั้นคงอนุมานได้ว่าเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละถ้ำประกอบด้วยทั้งอาจารย์ผู้อัญเชิญเหล็กไหลประกอบกัน ข้าพเจ้าแบ่งออกให้พอศึกษาได้ 2 ประเภทคือ
1. เหล็กไหลทองปลาไหล ชนิด แม่เหล็กดูดติด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการอนุมานจิตของอาจารย์ผู้เชิญผนวกกับเจ้าถ้ำพร้อมด้วยเทพเทวดาที่รักษา จึงทำให้เหล็กไหลทองปลาไหลมีธาตุกายสิทธิ์อันสามารถที่แม่เหล็กดูดติดได้จึงเรียกได้ว่า หายากกว่า ชนิดที่ดูดไม่ติดเป็นแน่ๆๆ แต่ต้องมาจากการอัญเชิญเท่านั้นนะทุกท่าน มีความพิเศษเฉพาะตัวของธาตุ เป็นข้อบงชี้ด้วยทางกายภาพ
2. เหล็กไหลทองปลาไหล ชนิด แม่เหล็กดูดไม่ติด ซึ่งได้มีอาจารย์หลายๆๆท่านอัญเชิญออกมาจากถ้ำได้มามากเช่นเดียวกัน ก็เป็นธาตุกายสิทธิ์ตามตารางธาตุที่ เนื้อทองและเนื้อทองแดง แม่เหล็กไม่สามารถดูดติด เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มีธาตุไม่ติดแม่เหล็ก เป็นปกติทั่วไป
ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้มิได้บัญญัติอาไรชนิดใดๆๆขึ้นมาใหม่ เพียงแต่แนะนำท่านผู้ชอบเล่นหาเช่าบูชาเหล็กไหลแต่ละชนิดได้ถูกทางเผื่อได้มีทางเลือกในการเช่าบูชาเสาะหา เพราะได้มีการเกิดขึ้นจริง มีองค์เหล็กไหลทองปลาไหลที่แม่เหล็กดูดติดจริง. ตามภาพที่ได้นำมาประกอบบทความนี้
(บทความนี้ เขียนขึ้นตามความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านให้เป็นแนวคิด บทความนี้ ข้าพเจ้าเกริกพล ฝอยทอง ได้เขียนขึ้นเพื่อให้ความรู้และอนุญาติสามารถเผยแพร่ความรู้ได้ ไม่ผิดกฏหมายครับท่าน)


  ที่มา Facebook : เกริกพล ฝอยทอง




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
49#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-24 19:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เหล็กไหล (1) ตำนานธาตุกายสิทธิ์ | 23-08-58 | ไทยรัฐนิวส์โชว์ | ThairathTV


วันแรกครับ มีทั้งหมด 5 ตอน จะทะยอยนำมาลงครับ

50#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-25 20:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เหล็กไหล (2) ตำนานธาตุกายสิทธิ์ | 24-08-58 | ไทยรัฐนิวส์โชว์ | ThairathTV
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้