ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานเหล็กไหล

[คัดลอกลิงก์]
ขอบคุณคร๊าบ
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลนาคราช
เหล็กไหลนาคราช

เหล็กไหลนาคราชหรือเหล็กพญานาคราชนี้ถูกค้นพบที่บริเวณสระมรกต ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเขตป่าละอู อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิมที่ดินในบริเวณนี้เป็นที่รกร้างต่อมาได้ถูกปรับปรุงพื้นที่โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการปฏิบติกรรมฐาน จนกระทั่งได้มีการขุดที่ดินเพื่อทำการพัฒนา แต่เมื่อเริ่มขุดไปได้สักหน่อยก็ปรากฏมีตาน้ำผุดขึ้นมาซึ่งนับว่าเป็นเริ่องที่แปลกมาก เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่สูงอยู่บนยอดเขาอันยากที่จะมีตาน้ำผุดขึ้นมาได้ชาวบ้านบริเวณ ใกล้ไกลเมื่อทราบข่าวก็พากันขึ้นมาดูว่าจริงหรือไม่ที่มีตาน้ำอยู่บนยอดเขาซึ่งตามความเชื่อแต่โบราณนั้นตาน้ำในลักษณะนี้ถือว่าเป็นเส้นทางของพญานาคอันเป็นทางเชื่อมต่อไปสู่มิติของพญานาคได้

ต่อมาจึงได้มีการบวงสรวงองค์พญานาคราช และทราบจากผู้ที่มีญาณรู้ว่าพญานาคที่ดูแลสระแห่งนี้มีนามว่า "อรรคนาคินทร์" เป็น พญานาคราชที่บำเพ็ญตบะทางพระโพธิสัตวํซึ่งมีอิทธิฤทธิ์บารมีมาก และเป็นผู้ดูแลธาตุกายสิทธิ์หลายอย่างในบริเวณนั้น

สำหรับแร่เหล็กไหลนาคราชนี้ก็ถือว่าเป็นของสำคัญจากเมืองบาดาลสามารถพบได้เฉพาะบริเวณรอบๆ สระมรกตเท่านั้นโดย มีลักษณะเป็นเม็ดเหล็กมีความดำมัน บางก้อนเป็นสีน้ำตาลอมดำอมแดง หากดูเผินๆลักษณะของตัวแร่จะมีความคล้ายกับแร่ มันปูและแร่เม็ดมะขาม แต่จะแปลกไปกว่าตรงที่มีกระแสแม่เหล็กภายในตัวสูงอีกทั้งยังมีความแข็งและความเงามันมากกว่าแร่มะขามมาก

นอกจากนี้หากมีการอัญเชิญแร่เหล็กพญานาคราชลงประทับบนแผ่นน้ำ (คล้ายการอัญเชิญองค์พระธาตุเสด็จประทับบนแผ่นน้ำ) จะพบว่าแร่เหล็กพญานาคราชจะสามารถประทับลอยบนแผ่นน้ำได้เช่นเดียวกันทุกประการกับการประทับลอยบนแผ่นน้ำขององค์พระธาตุ โดยการประทับลงบนแผ่นน้ำของเหล็กพญานาคราชนี้จะมีลักษณะเป็นแอ่งบุ๋มลงไปปรากฏเป็นรัศมีโดยรอบองค์เหล็ก และเมื่อลอยอีกองค์หนึ่งลงไปก็ปรากฏว่าเหล็กพญานาคราชจะลอยเข้าหา กันคล้ายกับว่ามีแรงดึงดูดบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีอยู่ภายในองค์เหล็ก ความน่าอัศจรรย์คือโดยคุณสมบัติขององค์เหล็กนั้นเป็นธาตุเหล็กซึ่งไม่น่าจะลอยบนแผ่นน้ำได้เลย หากเทียบกับก้อนกรวดแล้วย่อมมีน้ำหนักผิดกันมาก ซึ่งก้อนกรวดที่มีขนาดเท่าๆ กัน หรือเล็กกว่าก็ยังไม่อาจลอยบน แผ่นน้ำได้ แต่เหล็กพญานาคราชกลับสามารถลอยบนแผ่นน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์ และสามารถลอยข้ามคืนข้ามวันได้อีกด้วย

อีกทั้งยังสามารถลอยเกาะกันเป็นกลุ่มและจะไม่เข้าชิดติดขอบแก้วหรือภาชนะ ที่ใส่แต่อย่างใด หากแต่จะลอยอยู่กึ่งกลางภาชนะที่เราใส่ไว้นั้นจนกว่าจะจมลงไปถือว่าเป็นเหล็กมหัศจรรย์ในตระกูลเหล็กไหลอย่างหนึ่งที่หาได้ยาก

ครูบาอาจารย์จัดว่าเหล็กไหลพญานาคราชเป็นธาตุกายสิทธิ์ จากเมืองบาดาลที่มีอานุภาพครอบคลุมหลายด้านคือดีทั้งเป็นสื่อชักนำ แก้วแหวนเงินทองเข้ามาหา ป้องกันอันตรายทั้งจากอสรพิษและภูตผีปีศาจ สามารถกันเภทภัยทั้งปวงไม่ให้เข้ามากล้ำกรายได้ ดังนั้นหากวัตถุมงคลชนิดใดได้นำเอาเหล็กพญานาคราชนี้ฝังไว้ย่อมเป็นมหามงคล คงกระพัน และกันอันตรายได้เป็นอย่างดี หรือจะบูชาไว้ภายในผอบเหมือนการบูชาพระธาตุก็ได้ หากผู้ที่บูชามีจิตศรัทธาในองค์เหล็กไหลนาคราชแล้วองค์เหล็กก็อาจสำแดงปาฏิหาริย์แผ่รัศมีออกมาให้เห็น หรืออาจเสด็จมาเพิ่มเช่นเดียวกับการเสด็จมาขององค์พระธาตุซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย่ยิ่ง


ที่มา [size=13.1999998092651px]http://thaimetalamulet.blogspot.com/2012/04/blog-post_6251.html

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Marine เมื่อ 2015-8-14 20:40

[size=13.1999998092651px]เหล็กไหลสะเก็ดดาวหรืออุลกมณี
เหล็กไหลสะเก็ดดาว
สะเก็ดดาวเป็นเครื่องรางกายสิทธิ์ที่มนุษย์เรานับถือมานานนับหมื่นๆปี จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นเครื่องรางของขลังชนิดแรกของโลกที่คู่กับอารยธรรมของมนุษย์เรานอกจากสะเก็ดดาวจะเป็นเครื่องรางที่เก่าแก่แล้วสะเก็ดดาวยังเป็นเครื่องรางที่ถูกจัดอยู่ในจำพวกเหล็กไหลด้วย ดังนั้นจึงมีเหล็กไหลหลายชิ้นที่เมื่อตัดมาแล้วพบว่า เนื้อหินมีลักษณะคล้ายดั่งสะเก็ดดาวมาก ชนิดที่ว่าถ้าวางรวมกันแล้วไม่มีทางแยกออกว่าชิ้นไหนเป็นสะเก็ดดาวชิ้นไหนเป็นเหล็กไหลตัดอย่างแน่นอน

จากความเชื่อที่ว่า "แท้จริงแล้วเหล็กไหลน่าจะมาจากนอกโลก" ดังนั้นวัตถุธาตุที่มาจากนอกโลกอย่างสะเก็ดดาว ซึ่งมีเนื้อธาตุที่เห็นได้ว่า เป็นแก้วใสสิดำสนิทและมีผิวขรุขระก็น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเหล็กไหลด้วยเช่นกัน อำนาจจากเหล็กไหลสะเก็ดดาวหรืออุลกมณีนี้เป็นที่เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ไนทางป้องกันสายฟ้าฟาด กันไฟ กันเสนียดจัญไรทั้งหลาย รวมถึงภูตผีปีศาจและยังเป็นเมตตามหานิยมอย่างเอกอุ สามารถ คุ้มครองป้องกันเวลาเดินทางได้เป็นอย่างดี ชาวอีสาน ชาวส่วย และคนคล้องช้าง ต่างก็ให้ความนับถือในเครื่องรางชนิดนี้ว่ามีอิทธิฤทธิ์ในการป้องกันอาถรรพณ์จากพงไพรได้

เหล็กไหลสะเก็ดดาวเป็นเหล็กไหลที่มิธาตุน้ำอยู่ในตัวสูง และมีพลังงานเย็นในตัว เชื่อกันว่าหากผู้ใดได้สวมใส่หรือพกพาเหล็กไหลชนิดนี้ จะทำให้สามารถใช้โทรจิตได้ดี มีพลังจิตเข้มแข็งขึ้น และสามารถรับคลื่นทางจิตในอากาศได้ดีขึ้นกว่าเดิม



ที่มา [size=13.1999998092651px]http://thaimetalamulet.blogspot.com/2012/04/blog-post_8193.html


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลในพระธาตุ


เหล็กไหลในพระธาตุถือกันว่าเป็นของแปลก หากผู้ใดได้ครอบครองเหล็กไหลในพระธาตุโดยเฉพาะอย่างยิ่งหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด พระธาตุพระโมคคัลลา พระสารีบุตร และพระสิวลี จึงถือว่าเสมือนหนึ่งมีเหล็กไหลอยู่กับตัวเพราะภายในหินพระธาตุ ขององค์พระสาวกแต่ละองค์จะมี "หัวใจพระธาตุ" ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานเป็นสีดำบางองค์เป็นสีแดง บางองค์ก็เป็นแก้วผลึกหัวใจพระธาตุคือส่วนที่เชื่อถือกันว่าเป็นเหล็กไหล มีข้อสันนิษฐานว่าเหล็กไหลในพระธาตุเกิดขึ้นจากการที่เหล็กไหลถูกห้มตัว ด้วยหิน หรืออาจจะเป็นการสร้างรังของเหล็กไหล หรือจะเป็นไปด้วย

อำนาจของเทวดาททีปกปักรักษาองค์พระธาตุ หรือจากอำนาจ ธรรมชาติสร้างสรรค์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ที่สำคัญคืออานุภาพ ของเหล็กไหลในพระธาตุนั้นเป็นคงกระพัน มหาอุดเป็นเยี่ยมและยังเป็นของทางร่มเย็นเป็นสุขอีกด้วย เหล็กไหลในพระธาตุแทบทุกชนิดจะมีพลังเย็นอยู่กับตัวเป็นหลักและโดยมากองค์พระธาตุเหล่านันมักพบอยู่ในแท่นพระธาตุ ที่มีลักษณะเป็นดอกบัวหรือพบอยู่ตามแท่งหินโดยฝังตัวอยู่เป็นเม็ดๆเต็มไปหมด และมักพบว่าแช่อยู่ในนาหรือมีทางนาไหลผ่าน ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดว่ามีอาโปธาตุหรือธาตุน้ำอยู่ในตัวสูงจึงเหมาะกับผู้ที่ปฎิบัติกรรมฐาน หากผู้ใดพกไว้กับตัวจะเป็นทั้งเมตตา มหาอุด และแคล้วคลาด นอกจากนี้ยังสามารถบันดาลให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข และยังมีอำนาจในทางบำบัดรักษาโรคได้ดีด้วยเช่นกัน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลตาแรด
เหล็กไหลตาแรด
เหล็กไหลตาแรดพบในเทือกเขาตาแรด ที่จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ที่พบในครั้งแรกคืออดีตเจ้าอาวาสของวัดถ้ำแฝดตั้งแต่องค์ก่อนๆ แต่เหล็กไหลตาแรดมาเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยที่หลวงพ่อสัมฤทธิ์คัมภีโร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และสืบเนื่องมาจนถึงพระอาจารย์วัชระ เอกวัณโณเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เหล็กไหลตาแรดมีคุณสมปัติเด่นทางด้านคงกระพันเป็นยอด โดยเฉพาะทำให้เนื้อหนังทนทานต่อของมีคมได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจและอสรพิษทั้งปวงได้ เหล็กไหลตาแรด จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ หรือสัณฐานกลมเล็กๆ สีดำคล้ายนิล ถ้าเอาแม่เหล็กมาล่อจะดูดติด คนทั่วไปมองเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นนิล

แต่เมื่อนำมาเจียระไนจะดูคล้ายก้อนโลหะสีดำมันสวยแวววาว บางคนนิยมเอามาทำเป็นเครื่องประดับก็มี ในการนำเหล็กไหลตาแรดมาใช้ด้วยวิธีการหลอมแร่นั้นจะ สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อผู้หลอมต้องมีวิชาบังคับธาตุสี่ เช่นเดียวกับการ หลอมเหล็กไหลชนิดอื่นๆ อย่างเหล็กไหลย้อย เหล็กไหลหยดหรือ โคตรเหล็กไหลทรหด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากในการจะนำเอาเหล็กไหลตาแรดมาใช้ ดังนั้นจึงนิยมนำ เหล็กไหลตาแรดมาใช้ในสามรูปแบบด้วยกัน รูปแบบที่หนึ่งคือนำเอาก้อนดิบๆ ของเหล็กไหลตาแรดมาพกไว้กับตัวเหมือนการคล้องพระเครื่อง รูปแบบที่สองคือนำเอาเหล็กไหล ชนิดนี้มาฝังลงในองค์พระเครื่อง หรือนำมาบดรวมกับมวลสารที่ใช้ใน การสร้างองค์พระและรูปแบบสุดท้ายซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดคือ การนำเอาเหล็กไหลชนิดนี้มาเจียระไนเป็นเม็ดเล็กๆ ขนาดเท่าหัวไม้ขีดแล้วนำมาฝังไว้ในร่างกายคนเรา

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แร่มะขาม

แร่มะขามเป็นเหล็กไหลกายสิทธิ์อีกชนิดหนึ่ง แต่เนื่องจากแร่มะขามมีลักษณะเหมือนเม็ดมะขามเป็นอย่างมาก ชาวบ้านที่ขุดพบจึงเรียกว่า "แร่เม็ดมะขาม" ตามลักษณะที่ค้นพบ บรรดาฤาษี หรือผู้ทรงวิทยาคุณในสมัยพันกว่าปีก่อนต่างนิยมแสวงหาแร่ชนิดนี้ เพื่อที่นำมาใช้สร้างเป็นพระ โดยค้นพบหลักฐานจากพระรอดลำพูนว่าภายในองค์พระบางองค์ได้มีการฝังเม็ดแร่ชนิดนี้เอาไว้รวมทั้งพระซุ้มกอและพระนางพญาก็ได้มีการนำเอาแร่ชนิดนี้มาบดเป็นมวลสารในการสร้างด้วยเช่นกัน

แร่เม็ดมะขามเป็นของดีทางคงกระพันและแคล้วคลาดจากศาสตราวุธเป็นหลักแร่มะขามจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพระธาตุเหล็กไหล ซึ่งพระธาตุเหล็กไหลก็คือเหล็กไหลที่หลุดออกมาจากรัง เป็นเม็ดๆ และมีลักษณะสัณฐานกลมคล้ายกับพระธาตุของพระสาวกอย่างพระธาตุของพระโมคคัลลาและพระธาตุของพระสารีบุตร จึงนิยมเรียกเหล็กไหลสัณฐานนี้ว่าพระธาตุเหล็กไหลตามลักษณะที่ใกล้เคียงกับพระสาวกธาตุนั่นเอง
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้าวตอกพระร่วงหรือเป๊ก

ข้าวตอกพระร่วง


ข้าวตอกพระร่วงเป็นเหล็กไหลที่พบในแถบภาคเหนือ พบมาก ที่จังหวัดลำพูน เป็นต้น คุณแม่ๆบุญเรือน โตงบุญเติม ซึ่งเป็นผู้ที่มี สมาธิแก่กล้าและเป็นที่นับถือศรัทธา มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่าน เป็นผู้ที่ค้นพบข้าวตอกพระร่วงที่จังหวัดสุโขทัย โดยท่านได้นิมิต เห็นแร่กายสิทธิ์ชนิดนี้ และได้ติดตามนิมิตนั้นจนค้นพบแร่กายสิทธิ์ ดังกล่าว จึงได้นำแร่กายสิทธิ์นั้นมาทำการอธิษฐานจิตทำให้มีฤทธิ์ ในทางป้องกันภยันตรายได้เป็นอย่างดี และยังสามารถนำมาแช่ในน้ำ เพื่อทำน้ำมนต์รักษาโรคได้อีกด้วย

ข้าวตอกพระร่วงหรือเป็กนี้เป็นแร่กายสิทธิ์ที่มีความแปลก คือมักมีรูปพรรณสัณฐานเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเอาแม่เหล็กมาล่อ จะดูดไม่ติด แต่ถ้าเจียระไนเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วอาจดูดติดได้ทาง ภาคเหนือถือกันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นเหล็กไหลกายสิทธิ์ที่ขึ้นชื่อ ทางด้านคงกระพัน กันอสรพิษ และกันเขี้ยวงาเป็นที่สุด คนสมัยก่อน จะโปรยข้าวตอกพระร่วงไว้รอบคูเมืองและกำแพงเมือง เพื่อป้องกัน อาถรรพณ์ของผีป่า เสนียดจัญไร และข้าศึกศัตรู

ตามตำนานเมืองสุโขทัยกล่าวว่า พระร่วงเจ้าวาจาสิทธิ์ได้ทำพิธีปลุกเสกข้าวตอกพระร่วง หลังจากนั้นได้นำไปโปรยรอบๆ กำแพงเมืองสุโขทัยเพื่อความเป็นสิริมงคล หรืออย่างในสมัยพระนางจามเทวีก็ได้นำเอาแร่ชนิดนี้มาสร้างเป็น พระรอด พระคง พระเลื่อง พระลือ อันเป็นพระที่ดีทางคงกระพันด้วยกันทั้งสิ้น ในสมัยต่อมามีครูบาร์อาจารย์และผู้ทรงวิชาอีกหลายท่านนำเอาแร่เหล็กกายสิทธิ์นี้ นักรบสมัยก่อนยังนิยมแสวงหาข้าวตอกพระร่วงเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องรางสำหรับพกติดตัวกันทั้งนั้น

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 20:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลนาคา หรือศิลานาคา

แร่เหล็กไหลนาคา

เหล็กไหลนาคานับเป็นแร่กายสิทธิ์ในตระกูลเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งเหล็กไหลนาคามีรูปร่างไม่แน่นอนบ้างกลมมนบ้างเรียวยาว มีน้ำหนักเหมือนเหล็ก มีสีเทาอมดำหรือสีเขียวอมดำ ที่น่าแปลกคือ เหล็กไหลนาคาจะมีกระแสแม่เหล็กอ่อนๆ ในตัวเอง เมื่อนำเหล็กไหล นาคาเข้าใกล้เหล็กชิ้นเล็กๆ จะสามารถดูดเหล็กชิ้นเล็กๆติดขึ้นมา อย่างน่าอัศจรรย์


เหล็กไหลนาคาสามารถกักเก็บพลังงานความร้อนแล้วคาย พลังงานดังกล่าวออกมาได้ เมื่อตั้งเหล็กไหลนาคาทิ้งไว้กลางแสง แดดนาน ๆ เหล็กไหลนาคาจะส่งแสงสีเรืองๆ ออกมาและหากเราตั้ง เหล็กไหลนาคาไว้ในที่เย็น ๆ เพียงพักเดียวเท่านั้นตัวเหล็กก็จะเย็นจัด เมื่อสัมผัสจะหนาวเข้าไปจนถึงกระดูก แสดงให้เห็นว่าเหล็กไหลนาคา เป็นเหล็กที่มีความไวต่ออุณหภูมิเป็นอย่างมาก เพราะสามารถดูดซึม ความร้อนและความเย็นได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถแผ่พลังงานที่ สะสมออกมาได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

เหล็กไหลนาคาไม่ใช่เหล็กไหลทรหดตามที่หลายคนเข้าใจกัน เหล็กไหลนาคามักพบในแถบภาคอีสานและภาคเหนือโดยมากพบตาม ริมแม่น้ำโขง จึงเรียกว่า "เหล็กไหลนาคา" หรือ "ศิลานาคา" เหล็กไหลนาคาเป็นของที่มีคุณหลายด้าน ทั้งเป็นคงกระพัน ป้องกันอันตรายใช้ปรับธาตุในตัวเพื่อรักษาโรค บำบัดความเจ็บป่วย และอาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ ทั้งยังสามารถกันเรื่องภูตผีปีศาจและอสรพิษ ทั้งปวงได้เป็นอย่างดี ผู้ที่กำองค์เหล็กชนิดนี้บ่อยๆ จะส่งผลให้มี สุขภาพดี สามารถทนร้อนและทนหนาวได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ไม้หินแก่นเหล็ก

ไม้หินแก่นเหล็กจัดอยู่ในจำพวกเหล็กกายสิทธิ์บางท่านนับถือ ว่าไม้หินแก่นเหล็กเป็น"เหล็กไหลทรงฤทธิ์" ตามตำรากล่าวว่าไม้หิน แก่นเหล็กคือไม้สักหรือไม้ตะเคียนหรือไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ซึ่งจมอยู่ ใต้ดินโดยไม่เน่าเปีอยจนกระทั้งเวลาผ่านไปยาวนานนับล้านปีจึงกลับกลายสภาพเป็นกึ่งหินกึ่งเหล็กอย่างเช่น คดไม้สัก ซึ่งมีหลาย ๆ ชิ้น ที่แม่เหล็กสามารถดูดติดได้และถือว่าเป็นแร่กายสิทธิ์ที่เข้าจำพวก เหล็กไหลเช่นกัน เนื่องจากภายในไม้หินแก่นเหล็กจะมีตบะบารมีของเทพอสูร ที่มีฤทธิ์อยู่ อำนาจจากไม้หินแก่นเหล็กจึงดีเด่นทางด้านคงกระพัน ด้านมหาอำนาจ และยังมีอำนาจทางสะกดสัตว์ป่าทุกชนิด

ไม้หินแก่นเหล็ก


ในสมัยก่อนพรานป่าที่รู้พระเวทย์จะแสวงหาไม้หินแก่นเหล็กมาทำตะขอ สับช้างหรือเป็นเครื่องรางคู่กาย เมื่อร่ายพระเวทย์หรือคาถาปลุก จะทำให้เกิดอำนาจในทางข่มอาถรรพณ์ของป่าและสามารถสะกด สัตว์ใหญ่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ไม้หินแก่นเหล็กยังเป็น ธาตุที่มีความเย็นในตัวเองสูงมาก และยังสามารถแผ่พลังทางด้าน รักษาบำบัดได้ดีเช่นกัน จึงเป็นธาตุอัศจรรย์อีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำ มาอาราธนาแล้วแช่ในน้ำเพื่อทำน้ำมนต์รักษาโรค

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โคตรเหล็กไหลย้อย

โคตรเหล็กไหลย้อย

โคตรเหล็กไหลย้อยเป็นเหล็กไหลที่คล้ายคลึงกับเหล็กไหลหยด สามารถกล่าวได้ว่าโคตรเหล็กไหลย้อยนั้นเป็นต้นกำเนิดหรือเป็นโคตรเหล็กไหลของเหล็กไหลหยดก็ได้ โดยมากโคตรเหล็กไหลย้อยจะมีขนาดใหญ่ตั้งแต่กำปั้นขึ้นไปมีทั้งสีดำและสีออกน้ำตาลแดง บางชิ้น เมื่อนำมาขัดจะเงาออกสีเงินยวงอย่างน่าประหลาด ซึ่งถือว่าเป็นของขลังตามธรรมชาติที่อยู่ในประเภทเหล็กไหลเช่นกันโคตรเหล็กไหลย้อย และเหล็กไหลหยดมักพบตามพื้นใต้ดินหรือตามซอกผา และมีเจ้าที่เฝ้าหวงแหนอยู่ จึงต้องทำการพลีขอเสียก่อน

"โคตรเหล็กไหลย้อย" จะมีลักษณะแปลกตาพอๆ กับโคตร เหล็กไหลงอกและโคตรเหล็กไหลทรหด คือมีลักษณะเหมือนน้ำตา เทียนไหลทับถมกันบางชิ้นจะเรียบเป็นแผ่นใหญ่มีลักษณะคล้ายงูเลื้อยไปมา อาจารย์บางท่านจึงเรียกว่า "เหล็กไหลนาคา" หรือบางชิ้นก็เหมือนน้ำตาเทียนที่ละลายแล้วแข็งตัวเป็นเหล็ก จัดเป็นของมีอาถรรพณ์ที่พวกยักษ์ป่าและอสูรต่างนับถือกันว่าเป็นกายสิทธิ์จึงมักติดตามเฝ้าหวงแหน ดังนั้นผู้ที่จะเอาโคตรเหล็กไหลชนิดนี้ได้จึงต้องเป็นผู้ที่มีบุญบารมี นอกจากนยังต้องบวงสรวงทำความพอใจให้แก่ดวงจิตวิญญาณที่เฝ้าดูแลอยู่ด้วย โคตรเหล็กไหลย้อยบางชิ้นมีความน่าอัศจรรย์มาก

เพราะสามารถทอสีเป็นสีรุ้งหรือทอแสงออกเป็นสีทองก็มี ชาวบ้านจึงมักเรียกว่า"ทองคำดำ" ครูบาอาจารย์ที่มีฌานมีญาณได้ตรวจดูโคตรเหล็กไหลย้อยแล้วพบว่าเป็นสิ่งที่มีอำนาจฌานของฤๅษีประจุอยู่ด้วยจึงมักพลีขอต่อเจ้าที่นำมาใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระเครื่อง ส่วนผู้ที่มีวิชามักหาโคตรเหล็กไหลย้อยมาทำเป็นส่วนผสมในการหลอมทำธาตุกายลิทธิ์แต่ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีอาคมบังคับธาตุได้ เพราะหากไม่มีวิชาเล่นแร่แปรธาตุแล้วตัวแร่จะหนีหายสลายเป็นเถ้าธุลีหมด ปัจจุบันมีการนำเอาแร่ชนิดนี้

มาสร้างเป็นเครื่องรางก็มี เช่นนำเอาแร่ชนิดนี้มาแกะเป็นฤาษีและมา สร้างเป็นพระเนื้อผง ทั้งทำการปลอมแร่ให้เป็นกายสิทธิ์เหล็กไหลเทียบ ที่มีฤทธิ์อำนาจคล้ายคลึงกับเหล็กไหลน้ำหนึ่ง คือดีทั้งทางโชคลาภ ทำมา ค้าขาย และป้องกันอุบัติภัยได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสี ในตัวเองให้เป็นสีเขียวปีก แมลงทับหรือ เป็นสีทอง เหลือบ เขียวอม เหลือง ได้อย่างน่าอัศจรรย์






การพิจารณาโคตรเหล็กไหลย้อยว่าเป็นเนื้อชั้นดีหรือไม่นั้น ให้ดูที่น้ำหนักและผิวพรรณ เพราะหากมีน้ำหนักเบาและพบว่ามีรูพรุนมากอีกทั้งสีผิวไม่เป็นมัน กระด้าง และดูซีดแสดงว่าเป็นเหล็กไหลย้อย ประเภท เหล็กไหลตายซาก ซึ่งจัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับขี้เหล็กไหล แต่หากสียง ดำ เงา เป็นมันวาว และเนื้อตันก็ยังจัดว่า เป็นโคตรเหล็กไหล ชั้นดีทีฤทธิ์ในตัวมาก เรียกอีกอย่างว่า "พญาเหล็ก" ซึ่งมีอำนาจทาง มายาล่องหนหายตัวหรือทำให้ศัตรูเห็นเป็นหลายคน ดีทั้งทางแคล้ว คลาดและคงกระพัน แต่ถ้าเป็นพวกเหล็กตายซากจะมีพลังงานในตัวที่อ่อน เพราะเชื้อเหล็กตายเกือบจะหมดอยู่แล้ว ต้องเอาไปปนผสม ทำเป็นพระเครื่องแล้วปลุก เสกให้ดีจึงจะสามารถมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้