ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม ฐานุสฺสโก) วัดดอนยายหอม ~

[คัดลอกลิงก์]

กราบนมัสการครับ

ขอบพระคุณข้อมูลครับ


วัวพยนต์ก็คือ วัวดินเหนียว
ผูกหุ่นนี้ทำให้นึกถึงพวกวูดูที่ผูกหุ่นฆ่าคนจริงๆ
แต่วิชาผูกหุ่นซี่งเป็นคัมภีร์เก่าแก่ตกทอดมาหลายชั่วคนในสำนักวัดดอนยายหอมนั้นมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คนเท่านั้น ไม่มีสำหรับทำร้ายคน
พระครูสมุห์อวยพร อธิบายว่า วิชาผูกหุ่นเป็นสมบัติของวัดดอนยายหอม สืบทอดผ่านมือผู้ศึกษาเล่าเรียนมานับร้อยกว่าปี ทุกวันนี้ยังมีอยู่ ใครสนใจสามารถขอดูได้จากพระครูสมุห์อวยพร
การสร้างหุ่นถ้าจะว่าไปแล้วไม่มีข้อจำกัดว่าจะต้องทำด้วยดินเหนียวอย่างเดียว จะสร้างขึ้นด้วยอะไรสุดแล้วแต่ความต้องการและความเหมาะสม เคยเห็นการผูกหุ่นจากขี้ผึ้ง จากฟางข้าวมาบ้างเหมือนกัน
วัวพยนต์ที่ปลุกเสกเสร็จแล้วถูกนำไปไว้ในลานนวดข้าว เมื่อวางวัวพยนต์ไว้แล้วสิ่งที่ปรากฏคือ เจ้าของข้าวไม่ต้องออกไปอดหลับอดนอนเฝ้าข้าวก็ได้ วัวพยนต์จะทำหน้าที่รักษาข้าวให้แทน
เคยมีขโมยเข้าไปลักข้าวแล้วโดนวัวพยนต์ไล่ขวิดแทบตาย จนปรากฏข่าวระบือไปทั่วดอนยายหอม ข้าวใคร ๆ ก็ไม่หาย เรียกว่าหมดเรื่องหมดกังวลไป
วัวพยนต์มีลักษณะคล้ายคลึงกับวัวธนู ต่างกันที่วัวพยนต์เป็นไปในทางป้องกัน แต่วัวธนูเป็นไปในทางจู่โจมทำร้ายผู้อื่น
คุณสมบัติของวัวพยนต์หลวงพ่อแช่ม นอกจากจะป้องกันทรัพย์สินแล้วยังเป็นไปในทางเมตตามหานิยม ดีเด่นทางทำมาหากิน ซื้อง่ายขายคล่อง
สมัยก่อนวัวพยนต์ทำด้วยดินเหนียว หรือตอกไม้ไผ่สานเป็นรูปวัว ทุกวันนี้วัวพยนต์หลวงพ่อแช่มทำด้วยโลหะ ใครไปที่วัดดอนยายหอม สามารถบูชามาไว้กับบ้านกับตัวได้ทันที
พระครูสมุห์อวยพรเล่าต่อไปอีกว่า ท่านได้เคยเห็นหลวงพ่อแช่มรักษาคนเป็นโรคฝีในท้อง (วัณโรคหรือเปล่าไม่ทราบ, ผู้เขียน) หายขาดใน 7 วัน วิธีรักษาก็คือผูกหุ่นผู้เจ็บขึ้นมาแล้วสอบถามหาตำแหน่งที่เจ็บปวด เมื่อรู้จักแล้วหลวงพ่อแช่มได้บอกให้ผู้ป่วยนั่งพนมมือนิ่งอยู่ และบอกว่า ทนเจ็บหน่อยนะ ต่อจากนั้นท่านได้ใช้มีดหมอขีดเขียนลงไปที่หุ่น (เข้าใจว่าจะเป็นการลงอักขระ, ผู้เขียน) บางทีก็เคาะที่พื้นกระดานกุฏิและในขั้นตอนสุดท้าย ท่านเอาตะปูตอกลงบริเวณที่คนป่วยบอกว่าเจ็บ ขณะตอกตะปูลงในหุ่นนั้น ผู้ป่วยสะดุ้งไปด้วย ภายหลังได้อธิบายว่าไม่เจ็บ เป็นแต่เสียว แต่เสียดบริเวณที่ตะปูตอกลงเท่านั้น ครั้นเสร็จพิธีกรรมทั้งหมด หลวงพ่อได้บอกว่าจะหายภายใน 7 วัน
ถ้าหากครบกำหนด 7 วันแล้วคนไข้ไม่มาหาท่าน ก็หมายความว่าหายจากโรคแล้ว ท่านก็จะถอนตะปูออกจากหุ่นที่ท่านเก็บไว้กับตัว เมื่อถอนตะปูออกจากหุ่นแล้วเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมในการรักษาอย่างแท้จริง หุ่นจะถูกนำไปทิ้ง
ลักษณะของการช่วยเหลือคนทุกข์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อเงินเปิดโอกาสให้หลวงพ่อแช่มทำแทนมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อแช่มยังมีฐานะเป็นพระลูกวัด
นี่คือการแบ่งเบาภาระ ธุระของผู้อาจารย์ซึ่งวางใจศิษย์ได้ถึงขนาดนั้น การมาถึงที่ขลังของหลวงพ่อแช่มมาได้อย่างไร
ใครเป็นอาจารย์ของท่าน
ระหว่างปี 2470 สมัยบวชพระใหม่ๆ นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการศึกษาวิชาอาคมขลัง เพราะว่าจังหวัดนครปฐมระหว่างปี 2470 มีครูบาอาจารย์ทางด้านนี้มากมาย แต่ละองค์นับว่าเยี่ยมยอดทั้งสิ้น
ครูบาอาจารย์สมัยนั้นแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นพระเถระ (ผู้ใหญ่) แล้วก็หาได้ว่างธุระธุดงค์ไม่ ทุกปีจะออกธุดงค์เป็นวัตรประจำ ซึ่งเรื่องนี้ทราบจากหลวงปู่โต๊ะว่า ท่านเองก็ได้โอกาสเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือเสมอ ถือเป็นวัตรปกติธรรมดาของพระสงฆ์สมัยนั้น และเมื่ออกธุดงค์แล้ว ที่ขาดไม่ได้หรือมักไม่ขาดคือการเดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ในเขตเมืองกาญจนบุรี ซึ่งที่นี่คือที่ชุมนุมพระสงฆ์จากทั่วทุกสารทิศ ครูบาอาจารย์ตัวกลั่นก็ชุมนุมอยู่ที่นี่ด้วย
ที่ไหนก็ตามหากมีการชุมนุมแล้ว ย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถแก่กันและกันเป็นธรรมดา ดังนั้นวิชาความรู้ทางขลัง ไสยศาสตร์อาคม ก็ถูกถ่ายทอดสอนกันอยู่ที่นี่ หลวงพ่อแช่มได้ความรู้ความสามารถเพิ่มเติมจากที่นี่เช่นกัน ถ้าหากประทับใจครูบาอาจารย์องค์ใดก็อาจติดตามท่านกลับวัดของท่านเพื่อศึกษาเพิ่มเติมก็ได้
เรื่องครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อแช่มจึงไม่อาจระบุชัดเจนได้ว่ามีใครบ้าง
แต่สำหรับครูบาอาจารย์ที่แน่ชัดในสายสำนักดอนยายหอม แล้วสามารถบอกได้ว่าหลวงพ่อแช่มมีหลวงพ่อเงินเป็นอาจารย์ ซึ่งหลวงพ่อเงินได้เล่าเรียนเพียรศึกษาต่อจากหลวงพ่อฮวบ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม องค์ที่ 1 และจากโยมพ่อของหลวงพ่อเงินเอง
สำหรับหลวงพ่อแช่มนั้น นอกจากจะศึกษาวิชาความรู้จากหลวงพ่อเงินแล้ว ยังมีหลวงพ่อรุ่งอีกองค์หนึ่งเป็นผู้อบรมสั่งสอน ซึ่งหลวงพ่อรุ่งก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงพ่อเงินคือมีหลวงพ่อฮวบเป็นอาจารย์เช่นเดียวกัน แต่หลวงพ่อรุ่นที่มีชื่อปรากฏอยู่นี้จะเป็นหลวงพ่อรุ่งวัดทำกระบือหรือเปล่าไม่ทราบ ยังไม่มีเวลาตรวจสอบดู
หลวงพ่อแช่มได้กล่าวถึงการเรียนสมถกรรมฐานของท่านในสมัยแรกว่า ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ดีว่ามีพระอาจารย์รุ่งคอยควบคุมช่วยเหลืออยู่นานปี
ลูกศิษย์ท่านหนึ่งเล่าว่าเคยได้ยินหลวงพ่อเงินเตือนหลวงพ่อแช่มว่า
คุณแช่ม ระวังไฟไหม้กุฏินะ
เรื่องนี้ตัวเขาสงสัยมาก จึงได้เฝ้าสังเกตดูหลวงพ่อแช่มอย่างใกล้ชิด เห็นว่าตอนกลางคืนมักมีแสงสว่างสดใสแผ่กระจายในกุฏิ บางทีก็ปรากฏเป็นแสงพุ่งขึ้นลง เมื่อย่องเข้าไปแอบดูก็เห็นเพียงหลวงพ่อแช่มนั่งอยู่ตรงหน้าเทียนเล่มเดียวเท่านั้น
ว่ากันง่าย ๆ ก็เรียกว่านี่คือ กสิณไฟ
เรื่องของกสิณ มีตำราอธิบายมากแล้วว่ามีกี่ห้อง กี่อย่าง ผู้อ่านสามารถค้าอ่านได้ทั่วไป
สำหรับกสิณไฟของหลวงพ่อแช่มนั้นท่านได้กรุณาอธิบายว่า สมัยพุทธกาลก็มีการเจริญเตโชกสิณแล้ว ผู้เจริญเตโชกสิณต้องสร้างอุปกรณ์ขึ้นเองทั้งหมด เช่น หาไม้แก่นชนิดที่มียางไม้ติดไฟได้มาผึ่งให้แห้ง ตัดเป็นท่อนๆ เอาไปวางไว้ที่โคนไม้หรือประจำตามความเหมาะสม จุดไม้นั้นได้ติดไฟ เอาเสื่อลำแพนเจาะรูกลม ๆ ถ้าไม่มีเสื่อจะใช้แผ่นหนังสัตว์หรืออะไรก็ได้เจาะเป็นรูปเหมือนกัน วางกั้นไฟกับตัวผู้เจริญเตโชกสิณ แล้วนั่งเพ่งไฟที่ทะลุผ่านรู
กรรมวิธีละเอียดพิสดารกว่านี้ก็มี แต่ของดไว้ไม่กล่าวถึง
นั่นเป็นวิธีเจริญเตโชกสิณสมัยก่อน ส่วนสมัยนี้สะดวกสบายกว่ามาก เพียงหาสถานที่สงบสงัดกับเทียนเล่มเดียวก็ใช้ได้
หลวงพ่อแช่มได้กล่าวว่า
ลูกผู้ชายเมื่อทอดทิ้งความเพียรเสียแล้ว จะพึงได้รับคุณวิเศษแม้แต่เพียงนิดหน่อยนั้น ข้อนี้ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้เลย
                                                   
File0354(1).gif








เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2528 คุณวิสิทธิ์ เจริญอิทธิกุล นักเขียนใหม่แห่งนิตยสารพระเครื่องโพธิ์ทองได้ดำริที่จะเขียนประวัติพระเถราจารย์องค์สำคัญในประเทศไทย จึงมาคิดว่า น่าจะเริ่มที่หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ทั้งอยากจะพิสูจน์ทดสอบด้วยว่า หลวงพ่อแช่มท่าจจะมีอภิญญาจิตฤทธิขลังสมดังคำร่ำลือหรือไม่ คุณวิสิทธิ์จึง ติดตามคุณฮึกหาญ ประวัติโยธิน ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดไปกราบหลวงพ่อแช่ม จนถึงวัดดอนยายหอม
โดยหลังจากที่ได้นมัสการกราบหลวงพ่อแช่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสัมภาสน์บรรดาศรัทธาสาธุชนที่กำลังรุมล้อมขอพึ่งบารมีอยู่นั้น  ก็ให้มีชายคนหนึ่งมากราบนิมนต์หลวงพ่อแช่มว่า”มีเรื่องด่วน ให้ไปที่หลังวัดหน่อย”  หลวงพ่อแช่มก็ด่วนด้วย ติดตามโยมไปในทันทีเหมือนกัน ซึ่งคุณวิสิทธิ์ก็มิได้สนใจอะไรมาก เพราะมัวแต่สัมภาสน์ญาติโยมเพลิน จนไม่ช้านาน คุณฮึกหาญก็ตะโกนเรียกคุณวิสิทธิ์ให้รีบเอากล้องมาถ่ายภาพสำคัญที่น้อยคนนักจักเคยเห็นโดยด่วนที่สุด  ซึ่งคุณวิสิทธิ์ได้เขียนถึงตอนนี้ไว้ว่า
“เมื่อไปถึงยังบริเวณลานหลังวัด  ภาพที่ผู้เขียนเห็นก็เป็นภาพที่ชวนให้ฉงนยิ่งนักม้ารุ่น(ทราบภายหลังว่าชื่อ"กำไล") รูปร่างเปรียวกำลังผกโผนพยศอย่างเต็มที่ ผู้บังคับม้าต้องพยายามต่อสู้กับการสะบัดดิ้นของมันอยู่ โดยมีหลวงพ่อแช่มยืนสงบสำรวม ใบหน้ามีแววยิ้ม มองดูอาชาพยศด้วยความปราณี (สังเกตดูเวลาหลวงพ่อแช่มเห็นสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็กๆ ท่านจะอมยิ้มอย่างปราณีเสมอ)
แต่”เจ้ากำไล”
ม้ารุ่นหาได้ละพยศไม่ มันย่างสามขุมเข้ามาใกล้โดยมีชายผู้เป็นเจ้าของพยายามรั้งมันไว้สุดกำลัง  แต่มันกลับยิ่งเพิ่มพยศเข้ามาใกล้กับหลวงพ่อ  ซึ่งท่านยืนก้มหน้าเพ่งมองที่พื้นดินสงบนิ่ง คล้ายกำลังทำสมาธิภาวนาอะไรสักอย่าง
เมื่อเจ้ากำไลเผชิญหน้าหลวงพ่อในครั้งแรก มันหาละพยศไม่ ยังคงพยศเมามันตามประสาของม้ารุ่น  ผู้เขียนเองกับชาวบ้านหลายๆคนที่กำลังหวาดเสียว เกรงว่าหลวงพ่อจะได้รับอันตราย เพราะสองขาหน้าของเจ้ากำไลยกขึ้นห่างจากร่างหลวงพ่อไม่เกิน 1 วา (4 ศอก หรือราว 2 เมตร)
หลวงพ่อกลับยืนนิ่งแล้วเพียงแต่ยกมือขึ้นสูงประมาณระดับใบหน้าของหลวงพ่อ ท่าทางคล้ายกับว่ากำลังห้ามไม่ให้เจ้ากำไลคลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้  แล้วสิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตของผู้เขียนก็บังเกิดต่อหน้าของผู้เขียนพร้อมๆกับสายตาอีกหลายๆคู่ที่เพ่งมองอย่างพิศวงนั่นเองก็คือ
เพียงแต่ที่หลวงพ่อยกมือขึ้นเท่านั้น  เจ้ากำไลก็คลายพยศทันที มันกลับทรุดสองขาหน้า ก้มหัวของมันลงแนบพื้นดินแทบเท้าของหลวงพ่อ คล้ายกับเป็นการคารวะขอสมาลาโทษต่อความไม่ประสาของมันที่ได้กระทำสิ่งที่ไม่บังควรต่อพระสงฆ์ที่มีแต่เมตตาธรรมเยี่ยงหลวงพ่อ
เจ้ากำไล หลังจากที่ได้แสดงคารวะต่อหลวงพ่อแล้ว มันก็ละพยศลงไปมาก ผู้เขียนได้บอกท่านที่เป็นเจ้าของบอกให้มันทำความเคารพหลวงพ่ออีก เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพเก็บไว้ให้มากที่สุด  ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง คราวนี้เพียงแต่บอกว่า “กำไล กราบหลวงพ่อ” มันจะทรุดเท้าลงที่แทบเท้าของหลวงพ่อ ซึ่งท่านก็ยืนอมยิ้มมองดูเจ้ากำไลที่เปลี่ยนมาเป็นม้าแสนรู้แทนแล้วด้วยแววตาปราณี  ปากท่านก็พูดว่า “ดีจ้ะ ดีจ้ะ” มันจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่บอกมัน จนหลวงพ่อขอตัวไปนั่งรับแขกต่อไป...”


หลวงปู่แช่ม
วัดดอนยายหอม

         ผมได้ไปกราบหลวงปู่แช่มครั้งแรก  ประมาณปี30หรืออาจหลังจากนั้นนิดหน่อย  ช่วงนั้นไปกับเพื่อนๆเช่ารถตู้ไปตระเวนกราบเกจิสายนครปฐม  ก็เริ่มจากองค์นี้และก็ไม่ผิดหวัง  หลวงปู่นั่งต้อนรับญาติโยม  บริเวณหน้ากุฏิท่านใครไปกราบท่านก็จะมีวัตถุมงคลเช่นเหรียญหลวงพ่อเงิน เสมาเหรียญเล็กๆ  ผ้ายันต์ที่ใช้ผ้าจีวรห่อม้วน(2ผืน)เข้าด้วยกันและมัดด้วยเชือกจระเข้ขบที่เลื่องลือของท่าน  แจกทีละเป็นกำมือ  ถ้ามีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆไปกราบท่านจะหยอกโดยเอาเหรียญเดาะเล่นในมือ  แล้วเด็กก็จะเดินเตาะแตะไปคว้าเหรียญจากมือท่าน ดูแล้วน่ารักสุดๆ  ผมไปกราบท่านหลายครั้ง  บางครั้งก็ได้เหรียญเสมาใหญ่รูปท่านเองหรือเหรียญรูปไข่หน้าหลวงพ่อเงิน หลังหลวงปู่แช่มปี16ที่ท่านปั๊มออกมาอยู่เรื่อยๆ......เหรียญไม่มีราคาเล่นหา  แต่รับมากับมือ
            ตรงหน้าที่หลวงปู่นั่ง  จะมีกระปุกแป้งเจิมและไม้เจิมอันเล็กๆ  ใครบูชาวัตถุมงคลท่านก็จะเจิมให้ด้วยแป้งกระปุกนั้น  ใครให้ท่านเจิมมือเจิมหน้า ท่านก็สงเคราะห์ให้ ยุคนั้นใครออกจากวัดดอนยายหอมจะมีสัญลักษณ์หน้าผากขาวติดออกมาทุกคน  แต่ที่ผมประทับใจก็ตอนท่านเจิมพระบูชา  ท่านจะพูดว่า.......นี่พระสังกัจจายน์ของใคร.....นี่หลวงพ่อเงินของใคร......แล้วที่ติดหูติดตาจนทุกวันนี้ก็ตอนท่านเจิมรูปเหมือนท่านเอง  แล้วพูดว่า....นี่อาตมาของใครมารับไป.......เห็นแล้วชอบเลยกดมาซะ 2 อาตมา
             ผู้ชายที่ไปหาท่าน  ท่านจะเรียกว่าเถ้าแก่  ส่วนผู้หญิงท่านจะเรียกคุณนาย (หลวงปู่เรียกผมมาหลายปีแล้ว  ตอนนี้ผมเป็นเฒ่าแก่แล้วครับ)
           ถ้ามีใครนำของไปถวายท่าน  หลังจากท่านรับประเคนแล้ว  ท่านจะแบ่งคืนมาให้บางส่วน  บอกว่าเอากลับมากินกันท่านเสกให้แล้ว
หลวงปู่แช่ม  วัดดอนยายหอม
          เขาเล่าว่า..........
          มีคณะศรัทธาธรรมจากนครปฐม  ไปกราบหลวงปู่แหวน  ถึงวัดดอยแม่ปั๋ง  เชียงใหม่ เมื่อหลวงปู่แหวนรู้ว่ามาจากนครปฐม  ท่านก็บอกว่าทำไมต้องดั้นด้นมาไกลถึงขนาดนี้  ที่นครปฐมก็มีพระดี ชื่อท่านแช่ม อยู่วัดดอนยายหอม
            น้ำมนต์หลวงปู่แช่ม  เทไม่ออกจากขวด(ตำนานน้ำมนต์เทไม่ออก  มีเรื่องที่ไปอ้างกันหลายวัด  แต่เรื่องของหลวงปู่แช่ม  มีบันทึกในหนังสือประวัติหลวงปู่ฉบับของวัด และญาติห่างๆของผมที่อยู่ละแวกวัดกลางบางแก้ว ก็เล่าให้ฟัง ซึ่งครอบครัวนี้เดิมขึ้นกับหลวงปู่เพิ่ม  เมื่อสิ้นหลวงปู่เพิ่ม ก็มาเทใจให้หลวงปู่แช่มจนหมด)โดยเล่าว่าในสมัยที่หลวงพ่อเงินยังอยู่ มีชายคนนึงจะไปขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อเงิน แต่ท่านติดกิจนิมนต์นอกวัด  พระในวัดจึงแนะนำให้ไปขอกับหลวงปู่แช่มก็ได้  หลังจากได้รับใส่ขวดมาแล้ว  เมื่อจะพ้นประตูวัดเห็นหลวงพ่อเงินนั่งรถกลับมา  จึงจะเทน้ำมนต์หลวงปู่แช่มทิ้ง  แต่น้ำมนต์หาได้ไหลออกจากขวดไม่  จนต้องยอมสยบกับความขลังว่า......หลวงพ่อเล็กก็ขลังไม่แพ้หลวงพ่อใหญ่......
         เชือกจระเข้ขบผูกข้อมือเส้นเล็กๆ  คุ้มครองสาวโรงงานรอดตายจากการถูกยิงไม่เข้า(ในหนังสือประวัติฉบับของวัดมีระบุชื่อบุคคลในข่าวไว้ด้วย)
         หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญที่โด่งดังเรื่องเชือกเบญจรงค์ ได้รับวิชานี้จากหลวงปู่แช่ม  โดยในหนังสือที่อ่านเจอบอกว่า  ท่านเรียนถักจากหลวงปู่ใจและเรียนผูกกับหลวงปู่แช่ม  ซึ่งปมไหมเบญจรงค์หลวงปู่หยอดก็เป็นแบบเดียวกับปมของเชือกจระเข้ขบของหลวงปู่แช่ม
           ในช่วงที่หลวงปู่แช่มยังอยู่  นอกจากการต้อนรับญาติโยมอย่างเสมอภาคกันแล้ว  ตอนที่จะกราบนมัสการลาท่าน  ท่านจะพรมน้ำมนต์ให้พร้อมกับให้พรที่ดูเรียบง่ายแต่กินใจดังนี้.......ขอให้เฮงๆรวยๆ  ร้ายๆซวยๆจงไปซะให้หมด  อย่าได้มารบกวนญาติโยมทั้งหลาย  เกี่ยวกับการทำมาค้าขาย ก็ขอให้ซื้อง่ายขายคล่อง เงินทองไหลมาเทมา  ถ้าทำราชการ ก็ขอให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ได้เงินได้ทองเยอะๆ ขอให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขทั่วๆกันนะ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง..........
.........สาธุ   ขอกราบน้อมระลึกถึงหลวงปู่ และจารึกไว้ในความทรงจำตลอดกาล.......
หลวงปู่แช่ม  วัดดอนยายหอม
         หลังจากไปหาในช่วงแรกๆประมาณ3ครั้ง  ผมก็ว่างเว้นไปประมาณ 3-4ปี  กลับไปหาใหม่อีกครั้ง  หลวงปู่ผอมซูบไปถนัดตา  บริเวณใกล้ๆที่ท่านนั่งต้อนรับญาติโยม  มีป้ายกำหนดเวลาเข้ากราบนมัสการหลวงปู่  แต่ดูท่านไม่ได้แยแสกับคำแนะนำของแพทย์เลย  ผมไปทีไรก็เจอท่านนั่งอยู่ที่เดิม  ไม่เคยเห็นท่านลุกไปไหนเลย  ในชีวิตไปกราบท่านร่วม 10ครั้ง  ผมเจอท่านทุกครั้ง มีอยู่ครั้งนึงที่เกือบไม่ได้เจอ เพราะท่านไปกิจนิมนต์  ผมตั้งท่าจะกลับอยู่แล้ว  เจอท่านลงจากรถและเห็นมีญาติโยมรออยู่  ท่านก็รีบเข้าประจำตำแหน่งท่านทันที  ไม่มีแม้แต่จะนั่งพักเหนื่อยหรือเข้าห้องน้ำก่อนมาสงเคราะห์ผู้ศรัทธา
          ถึงแม้ท่านจะผอมไปมาก  แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือความเมตตาเกินประมาณของท่าน  และวัตถุมงคลที่ท่านแจกให้ก็เป็นแบบเดิมๆ  ผมได้มาจนต้องบอกท่านว่า.......หลวงปู่ครับ  ผมได้มาเยอะแล้ว อยากได้ของก้นย่ามหลวงปู่บ้าง.....คิดว่าท่านจะล้วงลงไปในย่ามหาอะไรมาให้  แต่ผิดคาด  หลวงปู่ยื่นย่ามมาให้ทั้งใบแล้วบอกว่า.....เอ้า  ลองหาดู มีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า.....ปรากฏว่า ในย่ามหลวงปู่มีเพียงสายสิญจน์1ม้วน และมีด 1เล่ม ไว้สงเคราะห์ทำมงคลคล้องคอและด้ายผูกข้อมือให้ญาติโยม  นอกจากนั้น มีเหรียญเสมาหลวงพ่อเงินเหรียญเล็กๆแบบที่ท่านแจก  อยู่ก้นย่าม 1เหรียญ  และมีกระเป๋าเงินที่มีแบงค์10 แบงค์20 ติดกระเป๋าอยู่ไม่กี่ใบ   สำหรับกระเป๋าเงินของท่าน  ท่านก็ไม่เคยใส่ใจว่ามีเงินอยู่ในกระเป๋าหรือไม่ มีอยู่เท่าไหร่  ผมเคยเจอคนสติไม่ดีที่ท่านสงเคราะห์อยู่ในวัด  เข้ามายกมือไหว้ท่าน  แล้วบอกว่า......หลวงพ่อ  ขอตังค์หน่อย...ท่านก็หยิบกระเป๋าเงินทั้งใบส่งให้เฉย  ไม่สนใจเลยว่าหมอจะหยิบไปเท่าไหร่
         ครับ.......นี่ล่ะ  อริยะเมตตา  ที่ผมเลือกไปกราบเป็นองค์แรก  ผมเลือกไม่ผิดเลยใช่ไหม??
         กราบหลวงปู่แช่ม   ยังรำลึกถึงอยู่ไม่เสื่อมคลาย      
หลวงปู่แช่ม  วัดดอนยายหอม
          ในช่วงปลายชีวิตหลวงปู่  สมัยเหรียญเจ้าสัวเฟื่องฟู  มีออกกันเป็นร้อยเป็นพันวัดในยุคนั้น  ส่วนใหญ่จะเลียนแบบเจ้าสัวหลวงปู่บุญ  วัดกลางบางแก้วแทบจะเป็นฝาแฝด  มีดัดแปลงบ้างก็ให้มีโค้ดหรือยันต์ด้านหลังที่แตกต่าง  วัดดอนยายหอมก็มีสร้างออกมา2พิมพ์  พิมพ์หนึ่งเป็นทรงคล้ายของวัดกลางบางแก้ว  แต่ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์  ส่วนอีกพิมพ์ที่ผมชอบคือพิมพ์ที่ประยุกต์เหรียญหล่อชินราชหลวงพ่อเงิน  และด้านหลังระบุว่า...เจ้าสัว  หลวงพ่อแช่ม....ผมว่างาม,ลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ดี
            ช่วงนั้นผมเข้าไปที่วัดแล้วบูชาเหรียญเจ้าสัวทั้ง2พิมพ์  และให้หลวงปู่เจิมให้  ตอนนั้นคนที่เข้าไปกราบท่านค่อนข้างมาก  ผมจึงไม่ได้คุยเป็นส่วนตัว  รอเมื่อผู้คนซาลง ผมจึงจะเข้าไปกราบลาท่าน แล้วถามท่านว่า...หลวงปู่  สร้างเหรียญเจ้าสัวด้วยหรือครับ.....ท่านพยักหน้า  และร้องเรียกกรรมการวัดว่า.....ทิดๆ  เอาเหรียญเจ้าสัวมาแจกโยมเขาคนละเหรียญ  เร็ว.....ผมเกรงใจท่าน  ต้องบอกท่านว่า.....ไม่ต้องครับหลวงปู่  ผมบูชามาแล้วทั้ง2พิมพ์......(ในช่วงนั้น  วัตถุมงคลส่วนใหญ่ของท่าน  ค่าบูชาหลักสิบยกเว้นพระกริ่ง,พระบูชาและพระตระกูลเนื้อแร่ทั้งหลาย  แต่เหรียญเจ้าสัวตั้งราคาทำบุญไว้ที่300  หลวงปู่จะแจกให้เฉย)
         ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม  ต่อจากหลวงพ่อเงิน  ตอนบวชดูเหมือนหลวงพ่อเงินจะเป็นพระกรรมวาจาจารย์ให้ด้วย  แต่ท่านไม่วัดรอยเท้าครูบาอาจารย์  มีวัตถุมงคลรุ่นหนึ่งของท่าน ที่ผมเห็นครั้งแรกแล้วอดยิ้มไม่ได้  เป็นพระผงสมเด็จด้านหลังเป็นรูปเหมือนท่านเองครึ่งองค์  กรรมการวัดยุคนั้นเรียกว่าพระสมเด็จเงินล้าน  แต่ของจริงด้านหลังใต้รูปหลวงปู่  ประทับตัวอักษรว่า....แช่มล้าน.....ท่านไม่ใช้คำว่าเงินล้าน อาจเพราะเป็นชื่อครูบาอาจารย์ แต่ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ  ทั้งแช่มชื่นและมีเงินล้าน......ทั้งรวยและมีความสุข   ใครบ้างไม่ชอบ
หลวงปู่แช่ม  วัดดอนยายหอม
           นอกจากจะเป็นพระเกจิที่แสดงออกด้านเมตตาอย่างสูงแล้ว  ด้านพลังจิตของหลวงปู่แช่ม ก็นับว่าไม่ธรรมดา  เหรียญรุ่นสุดท้ายของท่านที่สร้างเพื่อหาทุนสร้างโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม  พระครูอวยพรหลานท่านจะจัดพุทธาภิเษกหมู่  ท่านบอกกับพระครูอวยพรว่า......ฉันกับพระครู2คนก็พอแล้ว.......แล้วในวันปลุกเสกที่ท่านนั่งเสกกับพระครูอวยพร  บนศาลาหอสวดมนต์  ท่านก็อัดซะหลังคาหอสวดมนต์ระเบิด
              แม้แต่มรณภาพ  ก็ไม่รบกวนศิษย์ให้เดือดร้อน........ในวัย87ของหลวงปู่ไม่มีอาการให้เห็นว่าท่านอาพาธหนัก  ถึงขนาดต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเลย   แต่ใครบ้างจะคิดว่า เช้ามืดวันที่9ธันวาคม 2536หลวงปู่ได้ละสังขารในกุฏิของท่าน  โดยไม่ได้สร้างภาระเรื่องค่ารักษาพยาบาลหรือความกังวลให้กับวัดและลูกศิษย์  มีแต่ทุกคนที่รู้ต่างก็ช็อคไปตามๆกัน  ไม่อยากจะเชื่อ  แต่ก็เป็นไปแล้ว  เมื่อมรณภาพยังฝากความทรงจำด้วยการมรณภาพอย่างสงบ  ด้วยท่าสีหไสยาสน์.......สิ้นสงสัยในองค์หลวงปู่  
              หลวงปู่แช่มมรณภาพด้วยวัย87ปี 67พรรษา ญาติห่างๆผมที่อยู่นครปฐม  รื้อฟื้นความจำให้ผมว่าคนนครปฐม ถูกหวยกันเกือบยกจังหวัด เพราะงวดนั้นหวยออก 67
           จากวันที่หลวงปู่มรณภาพไปแล้ว  นับเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว  เมื่อ2-3ปีที่ผ่านมาผมแวะเข้าไปวัดดอนยายหอม  ก็ขอชมเชยทางวัดที่อนุรักษ์บริเวณที่หลวงปู่เคยต้อนรับญาติโยมไว้เหมือนเดิม  ต่างกันแค่เพียงมีรูปบานใหญ่ตั้งไว้แทนองค์หลวงปู่  ซึ่งก็นับว่าเหมาะสมแล้ว เพราะสถานที่ตรงนั้นไม่มีผู้ใดเหมาะสมที่จะประทับ  ยกเว้นแต่เพียงอริยะเมตตาแห่งดอนยายหอมรูปนี้รูปเดียวเท่านั้น  ถึงจะมีรูปบานใหญ่แทนองค์หลวงปู่  ทุกครั้งที่เห็นอดคิดถึงความเมตตาที่เคยได้รับมาในอดีตไม่ได้    ณ.วันนี้ ไม่มีแล้ว หลวงปู่ที่เจิมมือเจิมหน้าให้ศิษย์ ไม่ได้ยินพรที่เป็นเอกลักษณ์......ขอให้เฮงๆรวยๆ.......มานานแสนนานแล้ว
              หลวงปู่แช่ม วัดดอนยายหอม พระเกจิรูปแรก ที่ผมเลือกไปนมัสการจากการรู้จักจากหนังสือพระ พระเกจิที่ผมเลือกให้เจิมรถคันแรกในชีวิตของผม  จากวันนั้น....วันแรกที่ไปกราบหลวงปู่  จวบจนวันนี้  ยังไม่มีเกจิรูปไหนที่จะทัดเทียมหลวงปู่ได้ในเรื่องของความเมตตา
..............กราบนมัสการหลวงปู่
โดย chanunt
สาลิกาลิ้นทอง

คือสิบกว่าปีก่อน ตอนที่หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมมรณภาพใหม่ๆ มีเพื่อนของพี่ชายแฟนผม แกเป็นญาติหลวงพ่อแช่ม มานั่งเล่าให้ฟังว่า ตอนแกบวชที่วัดดอนยายหอมแล้วจะสึก หลวงพ่อแช่มถามว่าเอาเหรียญรุ่นหนึ่งมั๊ย ท่านยังพอมีเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่พี่เขาไม่เอา หลวงพ่อเลยถามว่างั้นอยากได้อะไร แกเลยได้ทีรีบตอบว่าจะเอาสาลิกาลิ้นทอง หลวงพ่อแช่มได้ยินแล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ จากนั้นก็ถามกลับมาว่ารู้ได้อย่างไรว่าหลวงลุงมี(หมายถึงได้วิชานี้ไว้) พี่เค้าก็ตอบว่าเดาเอา หลวงพ่อแช่มก็ถามต่อไปว่าทำไมอยากได้ พี่เขาก็เลยเล่าเรื่องพ่อของเขาให้หลวงพ่อแช่มฟังว่าในสมัยหลวงพ่อเงิน ได้ลงที่ฟันกับลิ้นให้พ่อเค้า  จากนั้นมาพ่อเขาก็ได้เมียมากมายแต่ที่เอามาอยู่ด้วยก็สาม เมียคนที่สาม ก็คือแม่ของพี่เขานั่นเอง แต่อีกไม่นาน ตอนพ่อเขาซึ่งอายุกว่า๖๐ปีก็ได้เด็กอายุ๑๖มาเป็นคนที่๔อีก ทีนี้แม่เขาเกิดทนไม่ได้จึงไปฟ้องและต่อว่าหลวงพ่อเงินว่าเป็นเพราะท่านนั่นแหล่ะไปลงสาลิกาลิ้นทองให้ไอ้...(ชื่อพ่อของพี่เขา).....มัน  ถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำเอาหลวงพ่อเงินต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการมาถึงบ้านโยม......(พ่อของพี่เขา).... พอเจอหน้ากันเท่านั้นแหล่ะ หลวงพ่อเงินท่านก็พูดว่า โยม..(ชื่อ)....ไอ้ที่หลวงอาเคยลงสาลิกาลิ้นทองให้ไว้นั่น หลวงอาขอคืนนะ พอกล่าวเสร็จหลวงพ่อเงินท่านก็เดินกลับวัดไป ปรากฏว่ารุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง พอตื่นขึ้นมาพ่อของพี่เขาฟันร่วง๔ซีกเลย และ๔ซีกนี้คือซีกที่หลวงพ่อเงินเคยลงสาลิกาไว้ให้เมื่อหลายสิบปีก่อน
                                ศิษย์อริยะ
                                                                                                                  ที่มา , คุณมงคลชัย เหล่างาม
เมื่อคืนฝันถึงท่านโดยที่ก่อนนอนก็ไม่ได้คุยหรือนึกถึงเลย ยังงงอยู่ว่ามีนัยหรือว่าธาตุแปรปวนเลยฝันเรื่อนเปื่อย
สาธุครับ
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-10-18 15:26
เมื่อคืนฝันถึงท่านโดยที่ก่อนนอนก็ไม่ได้คุยหรือนึกถ ...


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้