ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3293
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พญาเอรกปัตตนาคราช

[คัดลอกลิงก์]
[color=#05214 !important][backcolor=transparent !important]ตายจากพระสงฆ์ไปเกิดเป็นพญานาคมีนามว่า "พญาเอรกปัตตนาคราช"[backcolor=transparent !important][size=13.3333330154419px]

ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธกัสสป" ได้มีภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาอยู่ในถํ้าติดชายทะเล คือภูเขาชายทะเล เวลานั้นคนมีอายุถึง ๔๐,๐๐๐ ปี ท่านบวชเป็นพระจำศีลภาวนานานถึง ๒๐,๐๐๐ ปี ยังเป็นพระปุถุชนคนธรรมดาที่เรียกว่า "สมมุติสงฆ์"

วันหนึ่งท่านอาบนํ้าอยู่ชายทะเล มีเรือสำเภาลำหนึ่งแล่นมาช้าๆ เพราะลมอ่อน เฉียดเข้ามาใกล้ที่ท่านอาบนํ้า ท่านเห็นตะไคร่นํ้าจับข้างเรืออยู่มันยาวมาก เรือเดินทะเลต้องเดินทางกันเป็นเดือนๆ ตะไคร่ก็จับมาก ท่านก็เลยนึกสนุกขึ้นมาโผกายไปจับตะไคร่นํ้า ปล่อยให้เรือลากไปตามอัธยาศัย ร่างกายของท่านหนัก ตะไคร่ไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้จึงหลุดออกมา ตัวท่านก็หลุดออกมาจากเรือแต่ไม่เป็นไรเพราะนํ้าตื้น

การพรากของเขียว คือการทำให้ตะไคร่นํ้าหลุดออกจากที่เดิม พระพุทธเจ้าทรงปรับเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่มีโทษไม่เหมือนกับอาบัติปาจิตตีย์การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้นลงนรก แต่ปาจิตตีย์การพรากของเขียวให้พลัดพรากจากที่เดิมของท่านก็คือ ท่านเป็นพระอยู่องค์เดียวจึงไม่มีการแสดงอาบัติ คือไม่มีโอกาสระงับโทษนี้ เวลาตายอาบัติก็คาใจนิดเดียวเท่านี้ การจำศีลภาวนาของท่านไม่มีผลให้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดาหรือพรหม แต่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นพญานาค ด้วยอำนาจแห่งการบำเพ็ญบารมีมานานถึง ๒๐,๐๐๐ ปี และมีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงมีสภาวะเป็นทิพย์มีความเป็นอยู่คล้ายเทวดา มีที่อยู่เป็นทิพย์ มีเครื่องบริโภคเป็นทิพย์ มีสมบัติอันเป็นทิพย์แต่ทว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานมีนามว่า "พญาเอรกปัตตนาคราช" ก็เพราะว่ามีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนนาคธรรมดา มีสภาพเหมือนตะไคร่นํ้าคือ ทั้งตัวรุ่มร่ามนุงนังไปหมด เหมือนตะไคร่นํ้าลอยนํ้า

ต่อมาพญาเอรกปัตตนาคราชก็ได้ นางนาควิกา คือนาคนารีอีกตัวหนึ่งมาเป็นคู่ครอง มีลูกสาวมีนามว่า "นางนาคมาณวิกา" ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงอุบัติขึ้น พญานาคตนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นนาคแต่มีอารมณ์ใจเป็นทิพย์ มีความคิดอยู่เสมอว่าเมื่อไรหนอพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่จะทรงอุบัติขึ้น ท่านมีอายุนานเหลือเกินเพราะท่านเกิดเป็นนาคในสมัยสมเด็จพระพุทธกัสสป และพระองค์ทรงนิพพานไปแล้ว สิ้นเวลาเป็นล้านๆ ปี ท่านพญานาคตนนี้ก็ยังมีอายุยืนเป็นพญานาคอยู่ ถ้าหากว่าท่านตายจากความเป็นนาค ความดีเดิมปรากฏก็จะบันดาลให้ท่านเป็นเทวดาได้ แต่ทว่าอายุของท่านมันนานเกินไป แต่จิตใจก็ยังน้อมไปด้วยกุศล

วันหนึ่งท่านเกิดไม่สบายใจคิดว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงอุบัติขึ้นในโลกแล้วหรือยัง ทนไม่ไหวจึงได้เรียกลูกสาวคือ นางนาคมาณวิกาให้แปลงเป็นมนุษย์สาวสวย ตัวท่านเองก็แผ่พังพานให้ลูกสาวยืนอยู่บนพังพานของท่าน แล้วก็ร้องเพลงเป็นพุทธภาษิต ที่ท่านแต่งขึ้นโดยตั้งจิตคิดว่า เพลงนี้มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะทรงแก้ได้ คนธรรมดาไม่สามารถจะแก้ได้ เพลงของท่านเป็นพุทธภาษิตที่ สมเด็จพระพุทธกัสสป ตรัสไว้ ท่านจำได้เพราะจิตเป็นทิพย์

เมื่อท่านแผ่พังพานลอยขึ้นมาในน่านนํ้า นางนาคมาณวิกาก็ร้องเพลงที่พ่อแต่งให้ โดยมีสัญญาว่า "ถ้าใครร้องเพลงแก้เพลงนี้ได้ เราจะยอมเป็นภรรยา" รูปร่างหน้าตาของลูกสาวท่านสวยมาก ไม่ว่าใครๆ ที่ทราบข่าวก็พากันไปร้องเพลงแก้ เมื่อร้องเพลงแก้แล้วนางก็ตอบว่า "ไม่ถูก" ท่านพ่อก็เป็นพยานบอกว่า "ยังไม่ถูก" ถ้าร้องเพลงแก้ถูกเมื่อไรก็ยกลูกสาวของเราให้เป็นภรรยาทันที เพราะสภาวะท่านเป็นทิพย์ ท่านก็พูดภาษาคน

อุตตรมาณพบรรลุพระโสดาบัน

ต่อมาองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงเห็นว่า อุตตรมาณพ ซึ่งเป็นคู่ครองกันมากับนางนาคมาณวิกา จะได้เป็นพระโสดาบัน เวลานั้นอุตตรมาณพได้ยินข่าวเขาลือว่า นางนาคมาณวิกามีรูปร่างหน้าตา ทรวดทรงสวยยิ่งกว่ามนุษย์ใดๆ ในโลกที่จะพึงสวยเท่า มาร้องเพลงให้คนแก้ ถ้าใครแก้ได้จะยอมเป็นภรรยา จึงได้ศึกษาว่าเพลงเขาร้องว่าอย่างไร ก็ตั้งใจจะร้องแก้ ก็เดินออกจากบ้านไป เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงทราบอุปนิสัยว่าเขาจะได้ พระโสดาปัตติผล พระองค์จึงได้ไปนั่งดักกลางทาง ครั้นอุตตรมาณพเห็นพระพุทธเจ้าจึงเข้าไปถวายนมัสการเพราะรู้จัก พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสถามว่า "เธอจะไปไหน"

อุตตรมาณพจึงได้กราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้าจะไปร้องเพลงแก้นางนาคมาณวิกา"
พระพุทธเจ้าทรงทราบแล้วว่าเขาเป็นเนื้อคู่กัน เขาจะต้องเป็นคู่ครองกันแน่ และอีกประการหนึ่ง เมื่อเป็นคู่ครองกันแล้วได้ฟังเทศน์ของพระองค์ เขาจะได้บรรลุพระโสดาปัตติผลองค์สมเด็จพระทศพลทรงต้องการอย่างเดียวคือพระโสดาปัตติผล ให้เขาเจริญเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า พระองค์จึงตรัสถามอุตตรมาณพว่า "เพลงที่เธอจะไปร้องแก้ เธอจะร้องว่าอย่างไร" อุตตรมาณพจึงเล่าให้พระพุทธเจ้าฟัง พระองค์จึงได้บอกว่า "แก้แบบนี้ไม่ถูก ต้องแก้แบบนี้" แล้วพระองค์ก็ทรงผูกเพลงเป็นพุทธภาษิตไปให้ร้องเพลง และอุตตรมาณพก็ไปขอรับอาสาจะร้องเพลงแก้ นางนาคมาณวิกาก็ร้องเพลงคำถาม อุตตรมาณพก็ร้องเพลงแก้







ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลดีๆครับ
ขอบคุณค่ะ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้