ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 11828
ตอบกลับ: 33
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ประกอบกรรมดี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-12 07:19







หลายๆท่านที่ศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม อาจจะเคยตำหนิ หรือ ต่อต้าน

หรือปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับการที่หลายๆท่านบูชาพระเครื่อง พระพุทธรูป

หรือของขลังวัตถุมงคลต่างๆ ว่าเป็นสิ่งงมงาย

โดยอ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติหรือเคยทรงสั่งสอนไว้

และไม่เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์หรือนิพพาน สิ่งที่พระพุทธองค์

สอนสั่งไว้เป็นหลักใหญ่แห่งปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์

คือ การทำทาน การถือศีล และการสวดมนต์ภาวนานั่งสมาธิวิปััสนากรรมฐาน




ซึ่งข้าพเจ้าลองพิจารณาดูก็เห็นว่าจริงอยู่ว่าการปฏิบัติธรรมให้ได้ผล

อย่างไม่ลดละในความเพียร อย่างถูกต้อง ย่อมได้พบกับนิพพานแน่ๆ

ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง แต่อาจลืมคิดกันไปว่าใน

หมู่คนมากมายที่เป็นพุทธศาสนิกชนนั้น สามารถแบ่งได้หลายกลุ่ม



กลุ่มแรกคือ..


กลุ่มที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย อาจหลงระเริงในสุข หรือคนที่เพียงแค่ต้องดิ้นรน

ปากกัดตีนถีบทำมาหากินเพื่อให้พ้นทุกข์ไปวันๆก็ไม่เหลือเวลาแล้ว

กลุ่มต่อมาคือกลุ่มที่เริ่มปฏิบัติธรรมบ้าง



กลุ่ม  2



กลุ่มที่ปฏิบัติธรรมจนเชี่ยวชาญพอควร กลุ่มสุดท้ายคืออริยสงฆ์

หรืออริยบุคคลที่พร้อมจะเข้าถึงพระนิพพานในไม่ช้า

อาจจะในชาตินี้หรือภพภูมิหรือชาติต่อๆไป



ดังนั้น..








พระสงฆ์เกจิอาจารย์บางรูปที่ท่านได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลนั้น

อาจเพื่อช่วยเหลือให้คนกลุ่มแรกๆที่ยังอีกนานกว่าจะได้ไปถึง

พระนิพพานหรืออาจไม่มีวันไปถึงเลยก็ได้ คนกลุ่มนี้จะได้มี

เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ในเวลาที่

เผชิญความทุกข์ที่เป็นอนิจจังจนขาดสติ เป็นการช่วยให้ผ่าน

พ้นความทุกข์เศร้าหมองไปได้..

และอาจเป็นกลวิธีที่ได้เข้าใกล้พระสงฆ์เข้าใกล้พระธรรมได้บ้าง

อย่างน้อยพระสงฆ์จะสอนให้ทำดีละชั่ว และสร้างบุญกุศล

เพื่อให้พระเครื่องวัตถุมงคลนั้นๆได้แสดงมหิธานุภาพได้



อย่างที่เราทราบกันว่า...


บ่อยครั้งโจรพกพาพระเครื่องที่มีพุทธคุณทางแคล้วคลาด หนังเหนียว

ก็ไม่อาจป้องกันคมกระสุนคมดาบจากเจ้าพนักงานตำรวจไปได้

เพราะพระพุทธคุณย่อมไม่ปกป้องคนชั่ว




ยกตัวอย่าง พระสงฆ์ในอดีตที่เชื่อกันว่าท่านเป็นอริยสงฆ์คือ...



สมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี


ท่านได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลไว้มากมายที่คนในยุคปัจจุบันเชื่อว่ามีพระพุทธคุณสูงยิ่ง

สามารถปกป้องคุ้มครองคนดีและส่งเสริมให้มีความเจริญรุ่งเรือง








หลวงปู่โตท่านเคยบันทึกไว้ความว่า...




วัตถุประสงค์ในการสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล

นั้นเพื่อให้คนที่บูชาที่ยังไม่ค่อยได้ปฏิบัติธรรม

หรือยังเพิ่งเริ่มต้นได้มี..


เครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้ประกอบกรรมดี




ดังนั้น



เมื่อมาลองพิจารณาเรื่องที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้คนห้อยพระเครื่องหรือบูชาวัตถุมงคล

เพราะแน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ไปสู่พระนิพพานหรือพ้นทุกข์




แต่...



พระพุทธองค์ก็ไม่เคยบัญญัติห้ามไว้ สิ่งใดที่ไม่มีในพระไตรปิฎก

ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีจริง

พระพุทธเจ้าเองยังเคยทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่าเป็นพระอรหันต์ที่มีอิทธิฤทธิ์มาก

แต่พระองค์ทรงห้ามมิให้พระสงฆ์แสดงอิทธิฤทธิ์

ให้คนทั่วไปได้เห็น ตามเหตุผลที่จะไม่กล่าวในที่นี้

ดังนั้นพระสงฆ์ที่เป็นอริยะสงฆ์ย่อมอาจมีฤทธิ์ที่จะอธิษฐาน

ให้พระเครื่องหรือวัตถุมงคลมีมหิธานุภาพพระพุทธคุณ

ต่อผู้พกพาและบูชาได้

ของผู้อ่านแต่ละท่านโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อ

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-12 06:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตัวอย่างพระสงฆ์ในยุคปัจจุบัน



หลวงพ่อหลวงปู่่ อีกหลายๆองค์ ท่านเน้นการสอนปฏิบัติด้านการสวดมนต์

วิปัสนากรรมฐานเพื่อช่วยให้คนพ้นทุกข์และส่งเสริมให้ชีวิตเจริญ มีความสุขมากขึ้น

ท่านไม่เน้นให้คนสนใจด้านพระเครื่องวัตถุมงคลมากนัก แต่ท่านก็ได้อธิษฐานจิต

หรือปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น และหลายๆท่านที่นำไปสวมคอ

พกพาด้วยความศรัทธาในองค์พระภิกษุสงฆ์ เชื่อว่ามีพลังพระพุทธคุณที่จะช่วยให้

แคล้วคลาดจากอันตราย ผ่านพ้นทุกข์ที่เข้ามา และมีความเจริญในสัมมาอาชีวะ

ทั้งนี้ผู้ที่ศรัทธานำไปบูชาส่วนใหญ่เชื่อว่าได้รับผลดีทางฤทธานุภาพด้านต่างๆ

เช่นแคล้วคลาดจากภยันตราย มีโชคลาภวาสนา สุขภาพแข็งแรง

และยึดมั่นในการทำความดี




แม้แต่วัดบวรนิเวศฯที่มีองค์สมเด็จพระสังฆราชฯประทับอยู่ก็

ได้สร้างพระเครื่องมากมาย ที่รู้จักกันดีคือพระไพรีพินาศ เป็นต้น



โดยสรุปนั้นข้าพเจ้าเชื่อว่าการปฏิบัติธรรมให้สมบูรณ์ถึงพร้อม

ตามแนวทางของพระพุทธเจ้าย่อมเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

เพื่อการพ้นทุกข์พบสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป




แต่สำหรับ


คนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้เริ่มหรือปฏิบัติธรรมยังไม่ถึงพร้อมและ

ยังมีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งพอในการเผชิญกับทุกข์ของชีวิตที่

เป็นอนิจจังนั้นย่อมอาจได้ประโยชน์จากการบูชาพกพา

พระเครื่องวัตถุมงคล เพราะอย่างน้อยๆพระพุทธคุณ

ของพระเครื่องวัตถุมงคลที่ได้มานั้น จะต้องควบคู่กับกันเป็นคนดี

ที่ทำบุญกุศลร่วมด้วยจึงจะส่งผลดีเต็มที่ ซึ่งช่วยให้คนกลุ่มนี้ยึดมั่น

ในการทำความดี และได้เข้าวัดวาอารามบ้าง





แต่สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าเชื่อคือหากเรามีความศรัทธาในพระเครื่องวัตถุมงคลแล้ว

อิทธิฤทธิ์พระพุทธคุณจะแสดงให้เราเห็นหรือสัมผัสได้ โดยเฉพาะวัตถุมงคล

ที่ได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจากพระอริยสงฆ์ดังที่ยกตัวอย่างไว้ข้างต้น





เรียบเรียงโดย "คุณหมอเนเน่"

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ท่ีเชื่อถือศรัทธาในพระธรรม

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและเชื่อในพลังแห่งพระเครื่องวัตถุมงคล

โดยอ้างอิงจากเอกสารและคำสอนพระสงฆ์ที่ไม่อาจเอ่ยนาม


ดังนั้นโปรดพิจารณาตามความคิดเห็น
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-12 07:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-12 07:08

อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย




(ถาพถ่ายหลวงปู่ดุลย์ที่มีกายทิพย์ปรากฎเป็นภาพซ้อนที่หน้าอกของท่าน)





หลวงปู่เล่าว่า ครั้งหนึ่ง มีพวกสาธุชนปัญญาชน

กลุ่มหนึ่งมาสนทนาธรรมด้วย และถามท่านว่า

"วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ หลวงปู่จึงได้สร้าง

หรืออนุญาตให้สร้างเหรียญขึ้น?"




หลวงปู่จึงวิสัชชนาว่า...



"พวกท่านทั้งหลายแสดงความสนใจในการบำเพ็ญภาวนา ก็พากันบำเพ็ญภาวนาไป

ไม่ต้องไปห่วงไปสนใจกับวัตถุมงคลอันเป็นของภายนอกนี้ แต่สำหรับผู้มีจิตใจ

เพลิดเพลินอยู่ ยังยินดีในการเกิดตายในวัฏฏสงสาร ยังไม่สามารถหันมาสู่การ

ปฏิบัติธรรมได้ ก็ให้อาศัยวัตถุภายนอกเช่นวัตถุมงคลเช่นนี้เป็นที่พึ่งไปก่อน



***...อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย...***



ครั้นเขาเหล่านั้นประสบเหตุเภทภัยมีอันตรายแก่ตน และเกิดแคล้วคลาดด้วย

คุณแห่งพระรัตนตรัยก็ดี โดยบังเอิญก็ดี ก็จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาใน

พระพุทธศาสนาได้ในภายหลัง ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้....

เจริญงอกงามในทางที่ถูกต้องได้เอง

สำหรับผู้ที่มีศรัทธามากแล้วชอบการบำเพ็ญภาวนาจิตใจในธรรมปฏิบัติอันยิ่งๆ ขึ้นไป

ในเรื่องวัตถุมงคลนี้ หลวงปู่จะบอกตามสัจจธรรมว่า



"ไม่มีอะไร เป็นเพียงช่วยด้านกำลังใจเท่านั้น"




หลวงปู่มักกล่าวว่า     "เอาไปทำไม???"









  ของที่เป็นภาระต้องเอาใจใส่ดูแลของที่ต้องทิ้งเสียในภายหลัง"


แล้วท่านก็สอนเป็นปริศนาธรรมว่า...



"จงเอาสิ่งที่เอาได้ จงอย่าเอาสิ่งที่เอาไม่ได้"




ถ้ามองในแง่ของปุถุชนสามัญธรรมดาแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์แห่งคุณพระรัตนตรัยย่อมมี

ปรากฏเป็นอัศจรรย์ได้ ดังเช่นพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดาที่..



ได้ทรงแสดงแก่เหล่าเดียรถีย์นอกศาสนา...



ดังนั้น ความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัยจะบังเกิด

คุณประโยชน์อย่างไร? ขอท่านทั้งหลายพิจารณาถือเอาตามสมควรแก่ตนเทอญ???  




อตุโล ไม่มีใดเทียม
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-12 07:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




ศาสนาตั้งมั่นอยู่มาได้จนบัดนี้

ก็เพราะพิธีต่างๆ นี้ ทั้งนั้น

บางคนก็สร้าง อุโบสถ-ศาลา-กุฏิ

ถวายอุทิศให้แก่ผู้ตาย

วัดจึงเป็นวัดมาได้เท่าทุกวันนี้


ต้นไม้ถ้ายังเหลือแต่แก่น

ก็จะอยู่ได้ไม่นาน

ต้องมีเปลือก กระพี้

ห่อหุ้มบำรุงแก่นไว้ จึงไม่ตาย

พุทธศาสนาก็ฉันนั้น

เหมือนกัน

ต้องอาศัยศาสนาพิธีเหล่านี้แหละช่วยบำรุง

ห่อหุ้มไว้ จึงยืนนานมาถึงวันนี้...



หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-12 07:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-12 07:08





หลวงปู่ดู่ท่านสร้างพระเครื่องเพื่อบำรุงศรัทธา เติมเต็มมกำลังใจ สิ่งที่จะเป็น

"เครื่องมือ" ในการสร้างความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติสมาธิภาวนา

มากกว่าคำว่า...



“เครื่องราง”


  
    แม้ท่านจะกล่าวว่า....




"ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"







ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันท่านก็ไม่ให้ไปลุ่มหลงหรือ..

ยึดติดเสียจนละเลยเป้าหมายสำคัญของแต่ละชีวิต




"นั่นก็คือการพัฒนาให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-12 07:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การบูชาพระเครื่องนั้น จุดประสงค์ดั้งเดิมที่แท้จริงก็คือ...



การโน้มนำจิตใจให้ยึดเหนี่ยวกับคุณงามความดี สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี

คราวที่ท่านเริ่มทำพระเครื่องที่เรียกกันในยุคต่อมาว่า “พระสมเด็จ” ที่ปัจจุบันราคาแพง

ลิบลิ่วเป็นตัวเลขถึง 8 หลัก ก็เพราะต้องการให้ประชาชนเข้าถึงในพระพุทธศาสนา

โดยเริ่มจากการรักษาศีลก่อน หากศีลจะขาดก็ให้ยึดเอาพระเครื่องที่ท่านปลุกเสกไว้

นั้นแหละเป็นเครื่องเตือนใจยึดเหนี่ยวใจไม่ให้กระทำผิด


แต่อย่างไรก็ตาม “สิ่งสำคัญก็ยังไม่อาจเห็นได้ด้วยตา” พลังงานความศักดิ์สิทธิ์และ

บุญบารมีนั้นมีอยู่ในทุกหนทุกแห่งโดยเฉพาะในพระเครื่องที่ปลุกเสกด้วยพุทธมนต์

และมีพลังจิตแห่งความดีงามเคลือบแฝงอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะไปบอกได้ว่า

ไม่มีจริง เพียงเพราะเรามองไม่เห็นมันเท่านั้น


การบูชาพระเครื่องให้ได้ผลอย่างแท้จริงก็คือ ต้องมีศีลเป็นตัวนำและมีสติปัญญา

เห็นจริงก่อนว่า ทำดีแล้วย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว




คนชั่วต่อให้ห้อยพระสมเด็จปลุกเสกมา

วิเศษแค่ไหนพระท่านก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์

ไม่ปกป้องคุ้มครองคนเลวอย่างแน่นอน








หากเป็นคนดีมีศีลธรรมเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าหยิบจะจับอะไร

หรือแม้แต่ดื่มน้ำ น้ำแก้วนั้นก็ยังเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้


พระเครื่องเป็นวัตถุมงคลเสริมพลังให้คุณความดีที่เราเพียรสร้างมาได้ส่องแสงเปล่ง

พลังอานุภาพปรากฏชัดมากขึ้น เมื่อคนเราเห็นว่าทำดีได้ดีจริง ทำชั่วได้ชั่วจริง

ก็จะมีกำลังใจในการสร้างคุณงามความดีต่อไปได้

คนห้อยพระเป็นที่มีสติปัญญามีศีลกำกับ

ตกน้ำก็ไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ เดินทางไกลไม่หลงทาง









ทำงานใดก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระหนัก คบกับใครก็ไม่รู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าค่าตา

ทำการใดๆ ก็มีแต่คนเชื่อถือคล้อยตาม แขวนพระศีลพระธรรมไว้ในใจก่อน

ทำอะไรก็ย่อมเจริญก้าวหน้าร่ำรวยได้ทั้งสิ้น


ต้นไม้ถ้ายังเหลือแต่แก่น

ก็จะอยู่ได้ไม่นาน

ต้องมีเปลือก กระพี้

ห่อหุ้มบำรุงแก่นไว้ จึงไม่ตาย

พุทธศาสนาก็ฉันนั้น

เคยอ่านเจอจำได้แต่เนื้อหา แต่จำไม่ได้ว่าหลวงพ่อที่ไหนเทศน์ไว้  ขอบคุณเฮียศรที่ยกมาให้ทบทวนความรู้ครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ สาธุ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้