ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6876
ตอบกลับ: 11
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"ถูกราชภัย ถูกถอดสมณศักดิ์ "

[คัดลอกลิงก์]
"ถูกราชภัย ถูกถอดสมณศักดิ์ "

มูลเหตุแห่งการย้ายไปอยู่วัดโคนอนของพระภาวนาโกศล (หลวงปู่รอด) ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ วัดนางนอง วรวิหาร เล่ากันว่า หลวงปู่รอดไม่ยอมถวายอดิเรก นับเป็นความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะเมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงถวายผ้าไตรเสร็จสิ้นแล้ว พระสงฆ์ต้องถวายอดิเรกตามธรรมเนียมพระราชประเพณี แม้หลวงปู่เอี่ยมซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระปลัด ได้เตือนให้ถวายอดิเรกแล้ว แต่ท่านก็ยังนิ่งเฉยเสีย เป็นที่โจษจันกันมากว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วมาก เสด็จออกมานอกพระอุโบสถทันที แล้วทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า “เขาถอดยศเราๆ”
ต่อมาอีกไม่นาน ก็ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ถอดพระภาวนาโกศล (หลวงปู่รอด) ออกจากสมณศักดิ์ ในฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเรียกพัดยศคืน หลวงปู่รอดท่านจึงได้ย้ายกลับไปอยู่วัดบ้านเกิดที่ห่างไกลจากความเจริญ คือ วัดโคนอน ซึ่งอยู่ในคลองขวางฝั่งตะวันตก ภาษีเจริญ และได้มรณภาพที่วัดแห่งนี้
ผู้คนพากันโจษขานว่า เหตุที่หลวงปู่รอดท่านไม่ยอมถวายอดิเรกในคราวนั้น เป็นการเอาอย่าง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือท่านขรัวโต ที่กล้าเตือนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างไม่หวั่นเกรงภัยใดๆ และท้ายที่สุดพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ไม่ทรงกริ้ว ทั้งยังทรงตรัสว่า “ยอมให้ท่านขรัวโตผู้เดียว”
แต่เมื่อมีเชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ไปสอบถามท่าน ณ วัดโคนอน หลวงปู่รอดท่านตอบว่า สาเหตุที่ท่านไม่ยอมถวายอดิเรกนั้น เป็นเพราะท่านไม่พอใจในการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แบ่งแยกพระสงฆ์ของไทยออกเป็น ๒ นิกาย คือ มหานิกาย กับ ธรรมยุติกนิกาย อันเป็นสาเหตุให้คณะสงฆ์แตกแยกกัน
เมื่อความทราบถึงพระเนตร พระกรรณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นว่า หลวงปู่รอดผู้นี้ยอมสละสมณศักดิ์เพื่อบูชาพระวินัย ท่านเป็นผู้ไม่เห็นแก่ลาภยศทั้งปวง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สัตบุรุษ คือ ท่านเจ้ากรมสังฆการี นำพัดยศและสมณศักดิ์มาถวายคืนให้กับหลวงปู่รอด เพื่อให้ดำรงสมณศักดิ์ดังเดิม แต่หลวงปู่รอดท่านไม่ยอมรับ และได้พูดกับสังฆการีว่า
“ใครเป็นผู้ถวายแก่อาตมา แล้วใครเล่าที่ขอคืนไป บุรุษท่านจงเอากลับคืนไปเถิด”








ถูกใจ ·  · แชร์ · 1,88515


สาธุครับ พระสมัยก่อนท่านยินดีในพระวินัยมากกว่าชื่อเสียงและการยกย่องทางโลก
ธี ตอบกลับเมื่อ 2015-2-10 14:32
สาธุครับ พระสมัยก่อนท่านยินดีในพระวินัยมากกว่า ...

แล้วพระทุกวันนี้ล่ะครับ ท่านยินดีเรื่องใด หนอ



Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-2-12 07:24
แล้วพระทุกวันนี้ล่ะครับ ท่านยินดีเรื่องใด หนอ

คงเป็นดังคำครูบาอาจารย์ท่านว่า

วัดป่ากลายเป็นวัดบ้าน
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-2-12 20:57
คงเป็นดังคำครูบาอาจารย์ท่านว่า

วัดป่ากลายเป็นวัดบ้าน

กล่าวไว้ว่าอย่างไร คร๊าบ โผม  
แต่เมื่อมีเชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ไปสอบถามท่าน ณ วัดโคนอน หลวงปู่รอดท่านตอบว่า..
สาเหตุที่ท่านไม่ยอมถวายอดิเรกนั้น เป็นเพราะท่านไม่พอใจในการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แบ่งแยกพระสงฆ์ของไทยออกเป็น ๒ นิกาย คือ มหานิกาย กับ ธรรมยุติกนิกาย อันเป็นสาเหตุให้คณะสงฆ์แตกแยกกัน
เมื่อความทราบถึงพระเนตร พระกรรณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นว่า หลวงปู่รอดผู้นี้ยอมสละสมณศักดิ์เพื่อบูชาพระวินัย ท่านเป็นผู้ไม่เห็นแก่ลาภยศทั้งปวง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สัตบุรุษ คือ ท่านเจ้ากรมสังฆการี นำพัดยศและสมณศักดิ์มาถวายคืนให้กับหลวงปู่รอด เพื่อให้ดำรงสมณศักดิ์ดังเดิม แต่หลวงปู่รอดท่านไม่ยอมรับ และได้พูดกับสังฆการีว่า
“ใครเป็นผู้ถวายแก่อาตมา แล้วใครเล่าที่ขอคืนไป บุรุษท่านจงเอากลับคืนไปเถิด”


lnw ตอบกลับเมื่อ 2016-4-9 07:20
กล่าวไว้ว่าอย่างไร คร๊าบ โผม

วัดป่าจะกลายเป็นวัดบ้าน วัดบ้านจะกลายเป็นวัดเมือง มันจะเละเทะกันไปหมด

ครูบาอาจารย์ผู้มีอัตมีธรรม นับวันจะยิ่งหายาก ให้พากันรีบปฏิบัตินะ

หลวงตาที่ผมนับถือท่านว่าไว้งี้
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-4-9 11:42
วัดป่าจะกลายเป็นวัดบ้าน วัดบ้านจะกลายเป็นวัดเมือง  ...

lnw ตอบกลับเมื่อ 2016-4-9 07:23
แต่เมื่อมีเชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ไปสอบถามท่าน ณ วัด ...

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้