ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3996
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เรื่องเล่าจากหลุมศพ "อาถรรพ์แห่งป่าเขา"

[คัดลอกลิงก์]

หลายท่านอาจเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับป่าเขาลำเนาไพรกันมาบ้างไม่มากก็น้อยและเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาถรรพ์แห่งป่าเขาอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อของผมจึงมั่นใจได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง

ประมาณเกือบ ๒๐ปีที่ผ่านมาขณะนั้นพ่อของผมยังเป็นโสด อายุได้ประมาณ๒๗-๒๘ปี ยังอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมของท่านคือที่จังหวัดนราธิวาส ใต้สุดของประเทศไทย

ที่นั่นจะมีเทือกเขาอยู่เทือกหนึ่ง คือเทือกเขาสันกาลาคีรีและหมู่บ้านที่พ่ออยู่ก็จะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับบริเวณตีนเขาแห่งนี้ ชาวบ้านโดยส่วนใหญ่ก็จะไปขึ้นหาของป่า ล่าสัตว์ป่ามาทำอาหาร อันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนแถบถิ่นนั้น

การขึ้นไปหาของป่าของคนแถบนั้นสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อจำกัดที่ทุกคนทราบดีก็คือ เขาห้ามขึ้นเขาหลังจากเวลา4โมงเย็นไปแล้ว เหตุผลที่ห้ามก็เพราะหากขึ้นเขาไปหลังจากเวลานี้จะทำให้กลับลงมาไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน และแน่นอนเมื่อหลังจากที่เข้าสู่ช่วงพลบค่ำแล้ว อันตรายนานัปการอาจเกิดขึ้นได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อของผมได้ฝ่าฝืนข้อห้ามนี้ เพราะคิดว่าจะขึ้นไปบนเขาไม่สูงจนเกินไปนัก ขึ้นไปเพียงเพื่อจะขึ้นไปเก็บผลหมาหรากไม้ซึ่งปลูกไว้ที่เชิงเขาสูงจากพื้นราบราวหนึ่งกิโลเมตรเพียงเท่านั้น

พ่อกับเพื่อนๆอีกสองคนจึงเดินขึ้นเขาไปด้วยเหตุผลดังกล่าวแม้ว่าขณะนั้นจะเป็นเวลาบ่าย4โมงกว่าๆแล้วก็ตาม เมื่อพ่อของผมกับเพื่อนๆเดินขึ้นไปจนถึงจุดหมายปลายทาง คือบริเวณที่ได้ทำการปลูกต้นผลไม้ต่างๆไว้ เพื่อนของท่านคนหนึ่งก็ได้ปีนขึ้นไปเก็บลูกสะตอบนต้น เพื่อจะนำกลับไปทำอาหารกินแต่ระหว่างที่กำลังปีนป่ายเพื่อเก็บลูกสะตออยู่นั้นเอง ก็เกิดผลัดตกลงมาจากต้น ร่างหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง โดยบริเวณหัวได้ไปฟาดกับโขดหินภูเขา ทำให้เพื่อนของพ่อคนนั้นเสียชีวิตทันที

แรงกระแทกทำให้บริเวณหัวถึงกับแบะแยกออกเป็นแผลฉกรรจ์ มันสมองไหลทะลักออกมานอกกะโหลก เลือดสดๆพุ่งกระฉูดออกมาจนชุ่มโชกไปทั่วบริเวณ ตายสนิทโดยไม่มีโอกาสที่จะรอให้ใครได้ทำการช่วยเหลือเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นมันทำให้พ่อผมและเพื่อนอีกคนที่เหลืออยู่ ต่างก็อยู่ในภาวะตกใจเป็นอันมาก แรกๆถึงกับทำอะไรไม่ถูกกันเลย จนกระทั่งเมื่อรวบรวมสติกลับคืนมาได้ จึงได้ปรึกษากันว่าอย่างไรเสียก็ต้องนำศพของเพื่อนลงจากเขากลับไปยังหมู่บ้านให้ได้ เพราะหากขืนทิ้งศพไว้อย่างนั้นมีหวังต้องถูกสัตว์ป่ากัดกินจนเหลือแต่ซากอย่างแน่นอน
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-1-15 11:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อคิดได้ดังนั้นพ่อกับเพื่อนจึงได้ช่วยกันตัดไม้เพื่อนำมาทำเป็นคานหามศพ ซึ่งกว่าจะจัดการกับศพเพื่อนได้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงพลบค่ำเข้าไปแล้ว ทีองฟ้าที่เคยสว่างไสวก็ค่อยๆถูกความมืดแผ่ปกคลุมมาทีละน้อย จนในที่สุดก็มืดสนิทในช่วงระหว่างที่พ่อกับเพื่อนอีกคนหามศพเพื่อนกลับลงมาจากจุดเกิดเหตุบนเขา อุปสรรคของการเดินทางเริ่มเกิดขึ้นเมื่อรอบบริเวณตกอยู่ในความมืดสนิททำให้การเดินทางกลับทำได้ยากลำบากมาก พ่อกับเพื่อนจึงตกลงกันว่าจะเข้าไปพักที่เพิงแห่งหนึ่งซึ่งปลูกอยู่ไม่ห่างไปนัก เพิงดังกล่าวนี้ก็เป็นเพิงที่พ่อกับเพื่อนได้ช่วยกันปลูกทิ้งไว้นานแล้วเพื่อไว้ใช้สำหรับเป็นที่พักระหว่างที่ขึ้นมาปลูกพืชผักกผลไม้บนเขาแห่งนี้นั่นเอง เพราะหากขืนเดินต่อไปคงต้องหลงป่าแน่นอน

พอเดินมาถึงเพิงพักหลังที่ว่านี้ พีอก็ได้วางศพเพื่อนไว้บนแคร่ไม้ จากนั้นก็ได้จุดบุหรี่สูบนั่งคุยกับเพื่อนว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป จะรอจนกระทั่งเช้าค่อยลงไปหรือจะนั่งรออยู่ที่นี่ เพราะมั่นใจว่าคนที่บ้านและชาวบ้านคงจะต้องพากันขึ้นมาค้นหาและช่วยเหลือ เพราะหลายคนรู้ว่าพ่อและเพื่อนๆขึ้นมาบนเขาตั้งแต่แรกแล้ว.......ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะรอการช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทั้งคู่จึงนั่งคุยกันอยู่อย่างนั้น และช่วงหนึ่งเพื่อนของพีอก็เหลือบไปเห็น "รังผึ้งแห้ง"แขวนอยู่ที่เสาเพิงพัก จึงเกิดความคิดว่า......น่าจะจุดรังผึ้งแห้งเพื่อใช้ทำคบเพลิงส่องแสงสว่าง แทนที่จะจุดไฟแชคเป็นช่วงๆอย่างที่ได้ทำมาก่อนหน้านี้

คบเพลิงจากรังผึ้งแห้งใช้งานเป็นอย่างดี มันทำให้สามารถมองเห็นบริเวณเพิงพักได้ค่อนข้างชัดเจน....พ่อจึงนำคบเพลิงมาปักไว้ตรงเหนือศีรษะของศพเพื่อน......ซึ่งการทำเช่นนั้น......มันทำให้มองเห็นสภาพศพ.....ขอเพื่อนได้ถนัดตาเหลือเกิน.......
ไปเรื่อยๆๆโดยไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงสิ่งใดๆๆและรู้ตัวด้วยซ้ำว่า.........ขณะนั้นท่านและเพื่อนได้กำลังฝ่าฝืนกฎแห่งป่าเขาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เข้าเสียแล้ว...........และผลของมันกำลังจะปรากฏออกมาให้ประจักษ์ในอีกไม่กี่นาทีนี้.................(ฮือออออออ)

ในระหว่างที่พ่อกับเพื่อนั่งคอยความช่วยเหลือจากชาวบ้านอยู่นั่นเองสิ่งผิดปกติบางอย่าได้เกิดขึ้นใกล้ๆๆๆๆตัวของท่านอย่างไม่คาดคิดมาก่อน............นั่นก็คือ............ศพของเพื่อนที่เพ่ิงตายไปได้.....ค่อยๆลืมตาขึ้น....ทีละน้อยๆๆๆๆ.....ตอนแรกพ่อก็ยังไม่รู้ตัวจนกระทั่ง.......เมื่อนัยตาของศพเบิกกว้างขึ้นและกลอกกลิ้งไปมาทำให้พ่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนั่นเป็นครั้งแรก
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-1-15 11:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นัยน์ตาของศพกลอกไปมาอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดมันก็เหลือกกลับขึ้นไปด้านบนจนเหลือให้เห็นเพียงตาขาวอย่างเดียวไม่เพียงเท่านั้นลิ้นของศพที่ห้อยจุกอยู่ที่ปากที่บวมเจ่อเพราะแรกกระแทกขณะตกลงมาจากต้นสะตอก็ค่อยๆๆๆกระดุกกระดิกทีละน้อนจนกระทั่งมันเปลี่ยนสะภาพเป็นการแลบลิ้นกวาดไปมาราวกับกำลังลิ้มรสเอร็ดอร่อยของคราบเลือดที่เกาะตัวแห้งอยู่ที่รอบๆๆๆริมฝีปากก็ไม่ปาน สิ่งที่พ่อเห็นกับตาตัวเองขณะนั้นมันทำให้ท่านร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจสุดขีดจนเพื่อนของท่านที่กำลังนึ่งอยู่บริเวณปลายเท้าของศพสะดุ้งโหยง เมื่อเพื่อนถามว่าเกิดอะไรขึ้นพ่อก็บอกออกไปตามความจริงอย่างที่ได้เห็นแต่เพื่อนของท่านกลับหาว่าพ่อตาฝาดเพราะเขาไม่ได้เห็นอะไรอย่างที่พ่อเห็นเลยทั้งที่นั่งอยู่ใกล้ๆๆกัน

ศพเพื่อนพ่อกลับมาอยู่ในลักษณะเดิมในขณะที่เพื่อนพ่อเป็นฝ่ายจ้องมองบ้างมันจึงยิ่งทำให้เพื่อนพ่อมั่นใจว่าพ่อผมตาฝาดไป และตัวพ่อเองก็พยายามที่จะคิดอย่างนั้นหากเหตุการณ์มันจบลงในลักษณะดังกล่าว..................แต่มันหากเป็นเช่นนั้นไม่เพราะเพียงแค่อีกอึดใจต่อมาก็ได้เกิดกระแสลมพัดอื้ออึงเข้ามาในเพลิงพักพร้อมๆๆกับเสียงๆหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางกระแสลม ลักษณะของเสียงเป็นเสียงดังครืดคราดๆๆๆๆคล้ายกับคนที่พยายามหายใจ แต่ไม่สามารถหายใจได้สะดวกและเสียงนั้นมันดังขึ้นตรงบริเวณส่วนหัวของศพที่วางอยู่บนแคร่ ไม่ห่างจากจุดที่พ่อกับเพื่อนที่กำลังนั่งห่างเท่าใดนัก

คราวนี้ไม่เพียงแต่พ่อผมเท่านั้นที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินั้น เพื่อนของพ่อซึ่งพึ่งกล่าวหาว่าพ่อตาฝาดิ ได้ลุกขึ้นแล้วชะโงกหน้าไปทางที่มาของเสียง นั่นก็คือบริเวณส่วนหัวของศพเพื่อตรวจดูความผิดปกติ และช่วงจังหวะนั้นเองที่เพื่อนพ่อต้องสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับตะโกนร้องลั่น เมื่อได้พบกับภาพอันสุดสยองขวัญสั่นประสาทเกินกว่าจะทานทนได้ไหว..............นัยตาของศพเบิกโพลงและเหลือกลานไปมาในขณะที่เพื่อนพ่อชะโงกหน้าไปมองลิ้นของศพเลียไปรอบๆๆริมฝีปากขณะที่เสียงดังครืดคราดนั้นดังขึ้นจนได้ยินชัดเต็มสองหู
ทั้งพ่อผมและเพื่อนต่างกระโจนออกจากเพิงพักแทบไม่ทันต่างคนต่างวิ่งร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวจนแทบควบคุมสติไม่ได้ พ่อบอกว่าาท่านพึ่งรู้ซึ้งถึงคำว่าป่าราบนั้นเป็นอย่างไรก็คราวนั้นนั่นเอง แต่เดชะบุญที่ท่านกับเพื่อนออกวิ่งได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ก็ได้มาพบกับบันดาชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่พากันขึ้นมาตามหาด้วยความเป็นห่วง...........เหมือนสวรรค์ทรงโปรด เพราะหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่พากันขึ้นมาตามหานั้น มีลุงของพ่อซึ่งเป็นคนที่มีวิชาอาคมและเป็นนายพรานใหญ่ผู้มีประสบการณ์ร่วมทางมาด้วย พ่อผมเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลุงฟัง จากนั้นจึงได้นำทางกลับไปยังเพิงพักซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของศพ

พอทุกคนเดินเข้าไปใกล้บริเวณเพิงพักดังกล่าวและมองเข้าไป แสงส่องสว่างของคบไฟที่ปักไว้ภายในเพิงทำให้ทุกคนมองเห็นร่างศพของเพื่อนพ่อนอนอยู่บนแคร่ไม้ ข้อมือและข้อเท้าทั้งสองข้างถูกผูกยึดติดกับคานไม้ที่ใช้สำหรับหาม และข้างๆๆศพปรากฏว่าร่างของชายคนหนึ่งสวมเสื้อขาวกางเกงสีหม่น ผิวดำเกรียม ร่างสูงใหญ่ยืนทะมึนนิ่งอยู่...........เสียงชาวบ้านที่ร่วมขบวนไปด้วยกันกว่าสิบคน ส่งเสียงดังเอะอะโหวกเหวกด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ทำให้ร่างของชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนที่จะค่อยๆๆๆเลือนรางหายไปต่อหน้าต่อตาคนที่ไปด้วยทุกคน

กลุ่มชาวบ้านได้พากันเดินเข้าไปในภายในเพิงพัก ลุงของพ่อได้สอบถามว่าเอาอะไรมาทำคบไฟ พ่อผมและเพื่อนจึงตอบว่า ได้เอารังผึ้งแห้งมาจุดไฟทำคบ ลุงของพ่อจึงรีบดับไฟจากคบรังผึ้งแห้งนั้นพร้อมกับบอกว่า คนโบราณในท้องถิ่นเขาถือ ห้ามไม่ให้เอารังผึ้งมาจุดไฟ เพราะเชื่อกันว่าการจุดรังผึ้งจนเกิดเปลวไฟขึ้นมาในระหว่างที่อยู่บนเขานั้น มันเป็นการส่งสัญญานเรียกผีหรือวิญญาณให้มาหา..............พ่อผมกับเพื่อนของท่านไม่เคยรู้เรื่องอย่างนี้มาก่อนจึงเข้าใจเดี๋ยวนั้นเองว่าเหตุการณ์สยองขวัญต่างๆๆที่เกิดขึ้นมานั้น มันคงมีสาเหตุมาจากท่านนำรังผึ้งมาจุดเป็นคบไฟเรียกวิญญาณผีป่าผีเขาให้มาหานั่นเอง

ศพของเพื่อนพ่อที่ขึ้นไปตายบนเขาในวันนั้น ถูกชาวบ้านช่วยกันนำลงมาภายในคืนนั้นและได้ตั้งสวดประกอบพิธีทางศาสนาในวันรุ่งขึ้นท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติมิตรทุกคน..................โดยเฉพาะกับพ่อและเพื่อนของท่านที่ขึ้นเขาไปพร้อมกันในวันนั้น นอกจากความเสียใจที่ต่้องเสียเพื่อนรักไปแล้วความหวาดกลัวกับเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นมันยังฝังอยู่ในความทรงจำไม่เคยลืมเลือน................เพราะคงไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่จะทำให้ท่านรู้สึกหวาดกลัวได้มากมายเท่ากับเหตุการณ์สยองขวัญอันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึึงการณ์เกี่ยวกับอาถรรณ์แห่งป่าเขาดั่งเช่นคราวนั้น

http://board.palungjit.org/f12/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2-446759.html
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
สยองครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้