แกะรอยบันทึกพระถังซำจั๋ง ค้นหา "พระพุทธรูปนอน" ใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 300 เมตร

oustayutt

เมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว พระถังซำจั๋ง นักบวชชาวจีนเดินทางรอนแรมไปอินเดียเพื่อตามหาพระไตรปีดก ส่วนหนึ่งในบันทึกของท่านกลายเป็นลายแทงให้นักโบราณคดีทราบว่ายังมีพระพุทธรูปในท่านอนขนาดยักษ์ยาวประมาณ 300 เมตร ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินในละแวกหุบเขาแคว้น "คันธาราช" ปัจจุบันเป็นจังหวัด "บามียัน" ประเทศอัฟกานีสถาน







ราว 2,300 ปีที่แล้วดินแดนตอนเหนือของประเทศอัฟกานีสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร "มาซีโดเนีย" ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช และต่อมาอีกร้อยกว่าปีได้ตกอยู่ภายใต้อาณาจักร "มูรยะ" ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทำให้ประชาชนเชื้อสายวัฒนธรรมกรีกในบริเวณนี้หันมานับถือศาสนาพุทธ และราว 200 ปีต่อมา ก็ได้มีการประดิษฐ์พระพุทธรูปขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกโดยใช้ "ศิลปะกรีก" นักโบราณคดีให้ชื่อว่า "ศิลปะคันธาราช" ตามชื่อของท้องถิ่นแคว้นคันธาราช จะเห็นได้ชัดเจนว่าพระพุทธรูปบางองค์มีเทพเฮอคิวลิสตามความเชื่อของชาวกรีกยืยประกบอยู่ด้านหลัง
อย่างไรก็ตามในยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช ไม่มีการสร้างพระพุทธรูปแต่พวกเขาใช้สัญลักษณ์ได้แก่ พระพุทธบาท พระธรรมจักร อาสนะเปล่าๆมีต้นโพธิ์ประดับ และม้าราชพาหนะไม่มีคนขี่ เป็นสื่อแทนพระพุทธเจ้า




ราวคริตศตวรรษที่ 5 - 6 ประมาณ 1,600 - 1,500 ปีที่แล้ว ดินแดนแถบนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ นัยว่ามีพระภิกษุอาศัยอยู่ถึง 5000 รูป ท่านเหล่านั้นได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจบรรจงสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่จำนวน 3 รูป บนหน้าผาหินของหุบเขาบามียัน และสร้างวิหารขนาดยักษ์เพื่อครอบคลุมพระพุทธรูปนอนขนาด 300 เมตร ราว

oustayutt

ร้อยปีต่อมา(ราว 1,400 ปีที่แล้ว) พระถังซำจั๋งได้เดินทางผ่านมาที่บริเวณนี้ และได้บันทึกข้อความไว้ว่า "ที่นี่เป็นดินแดนพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่มีพระพุทธรูปขนาดมหึมาบนหน้าผาตบแต่ด้วยทองคำและพลอยสีสดใส มีอาศรมมากกว่า 10 แห่ง พระภิกษุนับพันรูป บันทึกนี้ได้กล่าวถึงพระพุทธรูป 3 องค์ที่สลักอยู่บนหน้าผา และยังกล่าวถึงพระพุทธรูปนอนขนาดยักษ์อยู่บนพื้นดิน"

ราวคริตศตวรรษที่ 10 ประมาณ 1,100 ปีที่แล้ว ดินแดนแถบนี้เปลี่ยนมือไปอยู่ภายใต้การปกครองของชาวมุสลิม แต่บรรพชนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับพระพุทธรูปที่มีมาก่อน พวกเขาถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติที่วิวัฒนาการต่างยุคต่างสมัย ครั้นถึงปี พ.ศ.2544 รัฐบาล "ตาลีบัน" เข้าปกครองประเทศอัฟกานีสถาน พวกเขาถือว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งขัดแย้งกับศาสนาอิสลามจึงออกคำสั่งทำลายพระพุทธรูปที่หน้าผาแห่งเมืองบามียันแม้ว่าจะถูกขอร้องจากองค์กรนานาชาติก็ไม่เป็นผล ทำให้พระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 1,500 ปี มีอันต้องสลายไปจนไม่เหลือเค้าโครง  

หลังจากที่กองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐอเมริกาบุกเข้าไปโค่นล้มรัฐบาลตาลีบันในปลายปี 2544 รัฐบาลใหม่อัฟกานีสถานได้เชื้อเชิญให้รัฐบาลฝรั่งเศสส่ง ดร.ซีมายารี่ ทาซี่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีและคุ้นเคยกับการบูรณะพระพุทธรูปในหุบเขาบามียัน เข้ามาทำโครงการค้นหาโบราณสถานและพระพุทธรูปที่น่าจะเหลืออยู่ (ดร.ทาซี่ เป็นชาวอัฟกันแต่ลี้ภัยสงครามสมัยโซเวียตรุกรานไปอยู่ที่ฝรั่งเศส และโอนสัญชาติเป็นฝรั่งเศส) ดร.ทาซี่ มีแนวคิดมานานแล้วว่าจะต้องขุดค้นหาพระพุทธรูปนอนขนาด 300 เมตร ตามบันทึกของพระถังซำจั๋งเมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว ครั้งนี้จึงได้โอกาสโดยมีรัฐบาลฝรั่งเศสกับมูลนิธิแนชั่นนั่ลจีโอกาฟริกแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นหัวเบี้ยใหญ่ เวลาผ่านไป 7 ปีกว่าๆทีมงานของ ดร.ทาซี่ก็เริ่มออกหมัดเด็ดโดยค้นพบ "พระพุทธรูปนอนขนาด 19 เมตร" ในบริเวณห่างจากจุดที่มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่ถูกทำลายไปแล้วประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ และยังพบโบราณวัตถุของศาสนาพุทธอีกจำนวนมาก  
















บทสรุป

แม้ว่าทีมงานของ ดร.ทาซี่ ยังไม่พบพระพุทธรูปนอนขนาด 300 เมตร แต่ท่านผู้นี้ก็ยังเดินหน้าแบบใจเกินร้อยอีกทั้งสปอนเซ่อร์รายใหญ่ก็ยังควักกระเป๋าแบบถึงไหนถึงกันเชื่อแน่ว่า "บันทึกของพระถังซำจั๋ง" ต้องเป็นความจริงเพราะคนระดับนี้ไม่เขียนอะไรไร้สาระเพียงแต่โชคยังไม่เข้าข้าง ประกอบกับช่วงเวลาที่เหมาะสมของการขุดค้นมีจำกัดเพียงปีละ 3 เดือน ด้วยภูมิอากาศที่หฤโหดทั้งหิมะตก ทั้งร้อน ทั้งกับระเบิดที่ยังเคลียส์ไม่หมด
ในความเห็นของผมรัฐบาลไทยน่าจะทำกองผ้าป่าส่งเงินและนักโบราณคดีไปร่วมทีม เนื่องจากเราก็เป็นประเทศพุทธที่ยิ่งใหญ่น่าจะมีเอี่ยวตามสมควร ตอนนี้ได้ข่าวว่าญี่ปุ่นเริ่มขยับตัวแล้ว เหลือแต่พี่ไทยยังไงก็อย่าตามหลังเขานะครับ

majoy

เสียดายมากครับ ตอนตาลีบาน ทำลายด้วยรถถัง

oustayutt

majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-6 20:28
เสียดายมากครับ ตอนตาลีบาน ทำลายด้วยรถถัง
...

ภาวนาให้เจอพระนอนครับ