ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1525
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ความแตกต่างของนักเรียนสองประเทศ...

[คัดลอกลิงก์]
นักเรียนในมณฑลยูนนานของจีน ฝ่าลมหนาวติดลบไปเรียนหนังสือ คนที่ไม่ใส่หมวกทำให้เส้นผมมีน้ำแข็งมาเกาะ

ถอดบทเรียนจากข่าวดัง กรณีครูทำโทษเด็กมาสายให้คลานเข่าจนบาดเจ็บ สิทธิและหน้าที่ ความสับสนที่ต้องเรียนรู้



คลานเข่าจนบาดเจ็บผมว่าเรื่องเล็ก วินัยเป็นสิ่งสำคัญจำเป็นต้องฝึกตั้งแต่เด็ก โตไปเป็นผู้ใหญ่จะเจออะไรหนักกว่านี้หลายเท่านัก ถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบปัจจุบันนี้ได้

สมัยก่อนผมยังเด็ก โดนครูทำโทษ พอมาบอกพ่อแม่ บางทีผมกลับโดนตีซ้ำ โดนด่าซ้ำ เพราะเราผิดจริงๆ ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธ แต่ตอนนี้ต้องกราบสำนึกในพระคุณ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orisis เมื่อ 2014-12-17 14:19

ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว เด็กพวกนี้ไม่ใช่นักเรียนเตรียมทหาร ไม่น่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

ประกาศการยกเลิกหมอบคลาน
แม้ ร.5 จะประกาศยกเลิกการหมอบคลานกราบมาร้อยกว่าปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และประชาชนยังไม่มีสิทธิเสรีภาพ พร้อมให้เหตุผลว่ามันเป็นการ "การกดขี่" ราษฎรอย่างรุนแรง แต่วันนี้วันที่เราเป็นประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เรามีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่เราก็ยังต้องหมอบคลานกราบอยู่...
"แลธรรมเนียมที่หมอบคลานกราบไหว้ในประเทศสยามนี้ เหนว่าเปนการกดขี่แก่กันแขงแรงนัก ผู้น้อยที่ต้องหมอบคลานนั้น ได้ความเหน็จเหนื่อยลำบาก เพราะจะให้ยศแก่ท่านผู้ใหญ่ ก็การทำยศที่ให้คนหมอบคลานกราบไหว้นี้ไม่ทรงเหนว่ามีประโยชน์แก่บ้านเมือง แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ผู้น้อยที่ต้องมาหมอบคลานกราบไหว้ให้ยศต่อท่านผู้ที่เปนใหญ่นั้น ก็ต้องทนลำบากอยู่ จนสิ้นวาระของตนแล้วจึ่งจะได้ออกมา พ้นท่านผู้ที่เปนใหญ่ ธรรมเนียมอันนี้แลเหนว่าเปนต้นแห่งการที่เปนการกดขี่แก่กันทั้งปวง เพราะฉนั้นจึ่งจะต้องละพระราชประเพณีเดิม ที่ถือว่าหมอบคลานเปนการเคารพอย่างยิ่งในประเทศสยามนี้เสีย"
ส่วนหนึ่งในคำประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
หนังสือราชกิจจานุเบกษา ประกาศการยกเลิกการหมอบคลาน
พ.ศ. ๒๔๑๖
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้