#@ไอ้เสือ !!! ถอย..@#

Sornpraram

ตะโกนบอกชื่อชัดตามทำเนียม

โหดไม่เหี้ยมลือชื่อถือศักดิ์ศรี

เสือบุก ..บุกปล้นไม่ฆ่าอย่ารอรี

เสือบุก ถอย ทันทีได้ทรัพย์พลัน


เสือบุก ถอยยย คอยกำกับ

เจ้าทรัพย์กลับขำกลิ้งคำจริงนั้น

ขานเสือบุก สั่งถอย สักร้อยพัน

ลูกน้องงัน งงแย่ ไม่แน่ใจ

ถอยหรือบุก รุกหรือรับ จับไม่ถูก

จะรับลูก เป๊ะเช๊ะ จะเละไหม

Sornpraram

ผมมีหนังสือนิทานโบราณคดี พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สามเล่ม เล่มแรกเก่า  กลิ่นกระดาษฉุนเข้าจมูก เล่ม 2 อายุ...เกินสิบปี เล่ม 3 ใหม่เอี่ยมเล่มล่า พิมพ์เป็นอนุสรณ์งาน พระราชทานเพลิงศพ นางประภัสสร อักษรมัต (มารดา พล.ร.ต.ประพฤติพร อักษรมัต) ที่วัดธาตุทอง เมื่อ 18 ธ.ค.2553 หนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าจะอ่านเรื่องอะไร อย่างเรื่องโจรทิม โจรจันทร์ ผมก็มักจับใจความเอามาเล่าต่อ

โจรจันทร์ เป็นขุนโจรชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง ถูกจับได้เอาตัวมาสอบที่นครปฐม เมื่อ พ.ศ.2446 ก็สารภาพยอมรับโทษ

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ท่านสนใจ เรียกไปคุย เมื่ออธิบายถึงกระบวนการโจรกรรมต่างๆ ก็ทรงเห็นว่า วิชาโจรมีจริง เพียงเป็นวิชาสำหรับทำความชั่ว สาธุชน (คนดี) จึงไม่เอาใจใส่ วิชาโจรจึงรู้กันอยู่ในหมู่ผู้ร้าย

“ว่าที่จริง ถ้าสาธุชนรู้ไว้บ้างก็จะเป็นประโยชน์ พนักงานปราบโจรผู้ร้าย ก็จะได้รู้เท่าทันโจร หรือเป็นคฤหบดี ก็จะได้รู้จักป้องกันทรัพย์สินสมบัติ”

พระองค์ท่านได้พบปะกับศาสตราจารย์โจรกรรม จึงน่าจะลองเขียนให้ความรู้เรื่องโจรกรรม ทรงเรียกโจรจันทร์กลับมาถามอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เอากระดาษดินสอจด บอกโจรจันทร์ ถ้าบอกให้ถ้วนถี่ดีจริง จะกราบบังคมทูลขอให้พ้นโทษ

โจรจันทร์ก็ยินดี และให้สัญญาว่า ถ้าพ้นโทษจะทิ้งความชั่ว ไม่เป็นผู้ร้ายต่อไป

สมเด็จกรมพระยาดำรง ทรงเขียนเรื่องโจรกรรมอย่างพิสดารจนสำเร็จ พิมพ์เป็นเล่ม เรียกชื่อเรื่องว่า “สนทนากับผู้ร้ายปล้น” คนก็ชอบอ่านกันแพร่หลาย ถึงต้องพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง

หนังสือขายดีชื่อ เล่มนี้วันนี้เป็นหนังสือเก่าหายาก จะมีเนื้อหาอย่างไร ปก รูปเล่ม เป็นอย่างไร ผมยังไม่เคยได้เห็น

อยากอ่านให้รู้ว่า โจรระดับศาสตราจารย์โจรนั้นเป็นอย่างไร เท่าที่อ่าน จาก

นิทานโบราณคดี เรื่องโจรจันทร์ ก็พอมีตัวอย่าง

เช่น หน้าฉากเปิดเผย โจรจันทร์ คุ้นเคยกับเจ้านายผู้ใหญ่ เคยรับใช้ใกล้ชิด ได้เคยทรงใช้สอย แต่เจ้านายผู้ใหญ่ หรือใคร...ก็ไม่รู้ จะรู้ก็แต่พวกโจรด้วยกัน

กระบวนการปล้น เริ่มต้นจากการ “วางสาย” การปล้นทุกครั้ง พวกโจรไม่ได้เริ่มต้นเอง แต่ “สาย” เป็นต้นคิด

“สายโจร” มี 3 พวก พวกแรก คนรับใช้ใกล้ชิดในบ้านเจ้าทรัพย์ เพื่อนบ้านที่เป็นอริคิดล้างผลาญ และสายสุดท้าย คือญาติที่โกรธเจ้าทรัพย์ เพราะขอเงินแล้วไม่ให้”

ประเพณีโจรเมื่อบุกขึ้นเรือนก็หมายจับตัวเจ้าทรัพย์บังคับบอกที่ซ่อน เจ้าทรัพย์มักจำหน้าได้หัวหน้าโจรก็ต้องมอมหน้า ต่อมาหลังการปล้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็มักเรียกลูกบ้านมาดูหน้า โจรจึงต้องเปลี่ยนให้คนต่างบ้านทำหน้าที่

คำเรียก “ไอ้เสือ” ไม่ใช่ชื่อเรียกโจร แต่เป็นคำสัญญาณ ก่อนหัวหน้าโจรสั่งปล้น “ไอ้เสือเอาวา” ยิงปืนขึ้นฟ้าพังประตู แล้วก็มีคำสั่ง “ไอ้เสือขึ้น” ปล้นได้ทรัพย์แล้ว “ไอ้เสือถอย”

แต่ถ้าเหตุการณ์ผิดคาด ปล้นไม่ได้ “ไอ้เสือล่า” ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด[/b]

ผมยังหาหนังสือวิชาโจรอ่านไม่ได้ ก็เดาเอาว่า โจรไทยกับโจรจีน ก็คงมีคุณสมบัติคล้ายกัน เช่นตอนบุกปล้น ก็นำหน้า ตอนถอยก็ถอยเป็นคน สุดท้าย ได้ทรัพย์มาแล้ว แบ่งยุติธรรม คนแบบนี้จึงจะเป็นหัวหน้าโจร

ในพงศาวดารจีน โจรก๊กใหญ่หลายก๊ก มีลูกน้องมากๆเข้าก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ ถ้ารบแพ้ โจรคนนั้นก็เป็นกบฏ แต่ถ้ารบชนะ หัวหน้าโจรก็จะเป็น “เจ้า” ได้ปกครองแผ่นดิน

ผมว่าวิชาโจรน่าจะถูกนำมาเรียนรู้และเผยแพร่กันใหม่ให้แพร่ หลาย ในโรงเรียนที่ชอบมีเรื่อง อย่างน้อยก็ได้ปลูกฝังจิตใต้สำนึกของเด็กๆ ผู้ชายที่ชอบยกพวกตีคนอื่น ให้แยกแยะได้ ระหว่างคำว่า เสือกับหมา

ลูกผู้ชายระดับหัวหน้าโจร เขามีเกียรติศักดิ์ศรี ลูกน้องให้ความ เคารพยำเกรง ขนาดจะปล้นก็ปล้นซึ่งหน้า มีขั้นตอนเป็นกฎเกณฑ์ พวกโจรด้วยกันทำตาม นี่คือที่มาของคำว่า “ไอ้เสือ”

ส่วนลูกผู้ชายที่ยกพวกมากๆ เข้าไปรุมตีรุมฆ่าคนคนเดียว... อย่างที่เห็นเป็นข่าว คนโบราณไม่เคยให้เกียรติว่า “เสือ” แต่ใช้คำว่า  “หมา” พวกชายกระโปรงที่เคยเป็น “ไอ้หมาหมู่” น่าจะรู้จัก เจ็บอาย...กันไว้มั่ง.


กิเลน ประลองเชิง



ที่มา..http://m.thairath.co.th/content/285135

majoy

เป็นแมว เลยไม่ถอย

Sornpraram