ปรุงอาหารใส่บาตร ทำให้เกิดเป็นเปรตได้ไง????

ธี

หลายคนที่เป็นแม่บ้าน จะปรุงอาหารเพื่อถวายพระ แม้จิตใจจะเป็นกุศลแต่วิธีปรุงผิด ก็เป็นปัจจัยให้เกิดกรรมในชาติหน้าได้
ผมขอเล่าเรื่อง "งานเดือนสิบของภาคใต้" ในแง่มุมที่ไม่มีคนคิดถึง ซึ่งเกี่ยวกับการปรุงอาหารถวายพระ แต่เกิดผลกรรมทำให้เกิดเป็นเปรต...???

ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร(จำได้ว่าใช่) ได้นิมนต์พระพุทธเจ้าและสาวกมารับบิณฑบาตรในพระราชวัง เวลาดึกพระเจ้าพิมพิสารตกใจตื่่นเพราะเสียงโหยหวนที่ดังมาให้ได้ยิน รุ่งเช้าพระพุทธเจ้าได้มาที่พระราชวัง พระเจ้าพิมพิสารได้สอบถามต้นเหตุของเสียง พระพุทธองค์ได้ตรัสบอกว่า เสียงเหล่านั้นเป็นเสียงบริวารของพระเจ้าพิมพิสารในอดีตที่ได้ตกนรกไปเกิดเป็นเปรต จำนวน 500 ตน และจะขอส่วนบุญ พระเจ้าพิมพิสารตรัสถามสาเหตุที่บริวารเหล่านั้นได้เกิดเป็นเปรต พระพุทธองค์ตรัสว่า ในสมัยพระปัจเจกพุทธเจ้า พระเจ้าพิมพิสารเกิดเป็นกษัตริย์จะถวายอาหารแด่พระปัเจกพระพุทธเจ้า ในขณะนั้นเหล่าแม่ครัวได้ปรุงอาหารและตักอาหารชิมรสชาติในขณะปรุงและใส่คืน ด้วยเหตุแห่งกรรมนี้ทำให้แม่ครัวเหล่านั้นได้เกิดเป็นเปรต เมื่อรู้ว่าพระเจ้าพิมพิสารจะทำบุญจึงมาขอส่วนบุญ.....

ผู้ชราได้บอกแก่ผมว่า ถ้าเราปรุงอาหารให้ตักใส่ถ้วยและชิมอาหารจากถ้วยนั้นโดยไม่ใส่อาหารคืนในหม้ออาหาร เพราะถ้าใส่คืนไปก็เท่ากับเราได้กินก่อน จะเป็นบาปดังเรื่องเปรตที่เล่าข้างต้น และด้วยเหตุเดียวกันนี้ ผู้ชราแนะนำการเก็บอาหารไว้ถวายพระ อาหารที่จะถวายพระมักทำไว้ก่อน(ไม่ใช่ช่วงเช้า)เพราะรุ่งเช้าเราจะต้องอุ่นอาหาร  แม้เราไว้ในหม้อ เราก็แบ่งกินได้ โดยใช้วิธีเดียวกัน คือ ตักใส่ถ้วยแล้วนำไปทานได้ (ไม่ใส่คืนในหม้ออีก) เป็นการแบ่งออกไปทาน หรือเราจะตักเก็บที่ถวายพระไว้ก็ได้ แต่ก็ลำบากในการอุ่นอาหาร หลายคนเก็บอาหารไว้ถวายพระแต่ลูกหลานหิวไม่ได้กิน ถ้าใช่วิธีนี้ก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

เรื่องนี้อาจมีคนที่รู้แล้ว แต่ผมเห็นว่าเป็นความรู้ที่น่าสนใจ จึงนำมาเล่าให้ฟี่ๆ ฟัง.....ขอบคุณครับ

Sornpraram

ขอบคุณครับ