ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ว่าด้วยเรื่อง "ปู่เวสสุวรรณ"

[คัดลอกลิงก์]
ขอมูลแน่นมากครับ
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-11-6 19:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lnw เมื่อ 2016-6-26 08:41



ผีวัดช่างเหล็ก

เห็นหัวข้อเรื่องเขียนไว้ว่าผีวัดช่างเหล็ก คือเรื่องราวเป็นอย่างงี้
               วัดช่างเหล็กนี่น่ะ ก็อยู่เขตอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถ้าเราวิ่งเรือตามกระแสน้ำไปทางจังหวัดพระนคร จะอยู่ใต้จากหลวงพ่อจงไปไม่มากนัก


วัดช่างเหล็กวันนั้นเขาจะรื้อกุฏิหลังหนึ่งเป็นกุฏิเก่าแข็งแรงมากยาว 9 ห้อง แต่ว่าเป็นกุฏิเก่าๆ ประตูหน้าต่างก็ไม่กว้าง อากาศก็ไม่ดี สมภารเขาจะรื้อแล้วจะทำใหม่ ก็ตั้งท่ารื้อกันตั้งแต่ตอนเช้าพระฉันข้าวเสร็จก็นั่ง ทำพะองขึ้นไปก่อน ทำนั่งร้านขึ้นไปเพื่อขึ้นหลังคา กำลังจะรื้อกระเบื้อง ความจริงพึ่งจะรื้อกระเบื้องได้แถบเดียว หรือยังไม่เต็มแถบดีก็ไม่ทราบ มันหลายคนด้วยกัน พระด้วยฆราวาสด้วย ก็พักถึงเวลาเพล ฉันเพลเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าอาวาสก็สั่งพระพัก ว่าสักบ่ายโมงค่อยทำ ไปนั่งฉันน้ำร้อนน้ำชากันในโบสถ์ระหว่างนั้น

ปรากฏว่ามีลมพัดมา เสียงลมอู้ แล้วก็ด้านหลังวัดมีกอไผ่มาก เหลียวไปดูที่ไหน ความจริงไม่ใช่ลม มันเป็นเสียงควงกระบองของผีน่ะ กลางวันนะ เวลากลางวันปรากฏผีตัวใหญ่สูงกว่ายอดไผ่ เดินข้ามยอดไผ่มา เข้ามาถึงบริเวณนั่งร้านที่เขากำลังรื้อหลังคา มาถึงกระชากๆ นั่งร้านพังหมดเสร็จแล้วก็เดินกรายมาทางโบสถ์ ทั้งพระทั้งฆราวาสทั้งลูกวัดทั้งสมภาร บอกว่าเกือบไม่หายใจ กลัวตกใจเกือบช๊อคตาย แกเดินไปเดินมาเดินมาเดินไปแล้วก็เดินหายไป กลางวันแท้ๆ นะ

พอเรื่องราวผ่านไปทุกคนไม่กล้าขึ้นกุฏิแล้ว ลงเรือข้ามฟากมาหาหลวงพ่อจง พอดีวันนั้นอาตมานั่งอยู่ที่นั่นพอดี เพราะไปหาหลวงพ่อจงบ่อย ถ้าหากว่ามีธุระอะไรก็ท่านมักจะให้คนมาตาม ถามว่ามีธุระไหม ถ้าไม่มีธุระกลางวันให้ไปคุยกันแล้วความจริงคุยกับท่านก็ได้ประโยชน์มาก เพราะผลของการปฏิบัติ หลวงพ่อจงปฏิบัติพระกรรมฐานได้ดีมาก ท่านแนะนำอะไรบ้างตามสมควรในจุดที่สำคัญๆ พูดถึงอารมณ์ของจิต ก็มีประโยชน์ แต่เรื่องนั้นไม่นำมาพูดในที่นี้ พอเขาไปกันเขาก็ไปไหว้หลวงพ่อจง เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
หลวงพ่อจงก็ชี้มา บอก ถามท่านมหาเขาดูซิว่าผีมีไหม เขาก็หันหน้ามามอง ความจริงเจ้าอาวาสวัดช่างเหล็กก็ชอบกัน ก็เลยบอกว่าเรื่องผีนี่ผมโดนมาจนเข็ดแล้วขอรับ หลวงพ่อปานเคยสั่งว่าอย่าอวดเก่งกับผีอย่าอวดดีกับพระ ไอ้นี้เรื่องจริงครับ ไม่ไหวถ้าผีจะให้ผมสู้ผมไม่สู้แน่ ถ้าผีเล็กยอมสู้ ผีใหญ่สู้ไม่ได้ เขาก็เลยถามว่า ผีตัวโตๆ แบบนั้นเป็นแบบอะไร ก็เลยบอกว่าถ้าไม่ใช่ยักษ์ก็เป็นกุมภัณฑ์ ท่านเวลาที่จะรื้อกุฏิคงไม่ได้บอกเจ้าของเขาก่อนกระมัง เขาก็เลยบอกว่าไม่ได้บอก เห็นมันเก่าก็อยากจะรื้อซ่อมแซม แล้วจะทำ ก็เลยบอกว่าไอ้ของนี่เรารื้อได้ แต่หากว่าเจ้าของเดิมเขายังหวงแหนอยู่ เขาอาจจะไม่ยอมให้รื้อ หรือถ้าอยากจะรู้อย่างชนิดที่เรียกว่าไม่มีใครขัดคอก็เคยเห็นหลวงพ่อปานบวงสรวงก่อนเสมอว่าเจ้าของจะให้หรือไม่ให้ ถ้าให้ท่านก็รื้อ ไม่ให้ท่านก็ไม่รื้อ


หลวงพ่อจงก็เลยบอกว่า นั่นเป็นความจริงผีที่มาเป็นยักษ์ลูกศิษย์ท้าวเวสสุวรรณ เขาก็ถามว่า ทำยังไงถึงจะรื้อได้ หลวงพ่อก็บอกว่าให้ไปตั้งศาลเพียงตาบอกเขาเสียก่อน บอกเขาให้รู้เรื่องว่าเราจะทำอะไร ถ้ารื้อมาแล้วต้องทำให้ดีกว่าเก่านะ จะไปยุบของเขาให้เล็กไม่ได้นะ กุฏิหลังนั้นยังแข็งแรงอยู่ ไม้ไร่ยังดี ต้องทำให้สวยกว่าเก่าดีกว่าเก่าแข็งแรงเท่าเดิมหรือยิ่งกว่านั้น อย่าไปหากำไรจากการรื้อเอาไม้เอาไร่เขามาขาย ไม่ได้นะ เขาก็รับรองแล้วเขาก็เลยนิมนต์หลวงพ่อจงให้ไปบวงสรวง หลวงพ่อจงก็ชวนอาตมาไป ก็ไปด้วยกัน

พอไปถึงแล้วเวลาหลวงพ่อจงท่านก็ถามว่าจะทำยังไงดีล่ะ ไอ้ฉันเสียงมันก็ไม่มี ก็เลยบอกว่าเอางี้ก็แล้วกันขอรับ บวงสรวงผมทำได้ แต่ว่าหลวงพ่อนั่งเป็นประธาน การตกลงกับเขาเป็นเรื่องของหลวงพ่อจง แต่ว่าการบวงสรวงเชิญมาเป็นเรื่องของผม ดีไหม ท่านบอกว่าดี ก็เลยตั้งพิธีบวงสรวงกัน

ขณะที่บวงสรวงนั่นเอง ความจริงตอนนี้ไม่ได้เล่าให้ใครฟังนะ ก็ปรากฏว่าท่านผู้ใหญ่ 4 ท่าน ใหญ่เท่าที่เคยมา ปรากฏกายขึ้น 4 องค์ ตานี้หลวงพ่อจงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ตัวของเขามันสูงมากเลยศาลา หัวนะ นี่ทำให้ปรากฏแก่คนทุกคนหมด คนทุกคนเห็นกันหมด โดยเฉพาะเจ้าวัดกับทายกที่รื้อกุฏิถึงกับนั่งก้มหน้านิ่งเห็นจะคร้ามกระบอง แต่ละท่านมีกระบองเหมือนกับพลองลูกเสือ ปรากฏชัด นั่นเป็นอานุภาพของหลวงพ่อจงนะ หลวงพ่อจงท่านทำให้เห็น หลวงพ่อจงนี่เป็นพระอภิญญา แค่ลำพังอาตมาละก็เจ๊งละ ไม่มีทาง เห็นคนเดียวเห็นได้ คนอื่นเห็นด้วยไม่ได้

พอเสร็จแล้ว หลวงพ่อจงก็ถามให้เขาตอบ หัวหน้าเขาก็ตอบว่าการทำอ่ะไรไม่ได้ปรึกษาหารือแล้วที่จะทำนี่นะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ดีกว่าเดิมหรอก ทำให้เลวกว่าเดิม จะยุบลงเป็นหลังเล็กๆ ไม้ของสงฆ์ก็จะเหลือแล้วในที่สุดก็จะทอดทิ้งไป หรือเอาเข้าบ้านเข้าช่องไป จึงไม่ต้องการให้รื้อ ถ้าหากว่าต้องการจะทำให้ดีกว่าเก่าใหญ่เท่าเก่า อย่างงี้ทำได้ รื้อได้ ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามนั้นเป็นอันว่า คนทุกคนที่รื้อหรือที่จัดการก็ต้องถึงกับทุพพลภาพทุกคน แต่ไม่ถึงตาย เรื่องนี้หลวงพ่อจงก็หันมาถามเจ้าอาวาสกับทายก ทุกคนยกมือขึ้นพนม รับปากว่าจะทำตามนั้น นี่เป็นอันว่าเรื่องของวัดช่างเหล็กก็ขอผ่านไป

นี่เล่าให้ฟังนะ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่ได้ว่าอะไร



15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-26 09:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
lnw ตอบกลับเมื่อ 2016-6-26 08:27
ผีวัดช่างเหล็ก

เห็นหัวข้อเรื่องเขียนไว้ว่าผีวัดช ...

ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ : เวสสุวรรณ ธตรฐ วิรูปักษ์ วิรุฬหก



ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่
เวสสุวรรณ ธตรฐ วิรูปักษ์ วิรุฬหก
          ท้าวจตุโลกบาล เป็นเทวดาที่รักษาทุกข์ สุข ของมนุษย์โลกไว้ทั้ง 4 ทิศ และทำหน้าที่ป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่มนุษย์โลกทั้งหลาย ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ประกอบด้วย
          1.ท้าวธตรฎฐ์ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันออก รูปร่างสูงโปร่งและสูงกว่าทุกๆองค์ใน4ท้าวจตุโลกบาลมีผิวกายสีเขียว, มือซ้ายถือพิณ, มือขวาดีดพิณ  พวกคนธรรพ์เป็นบริวาร
          2.ท้าววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศใต้ รูปกายสีขาวรูปร่างสมส่วนงดงาม, มีหน้าแดง, มือซ้ายมีงูเลื้อยพันฝ่ามือจับคองูไว้, มือขวาถือพระขรรค์, มีมงกุฎประดับด้วยรูปนาค    มีพวกอสูรเป็นบริวาร
          3.ท้าววิรูปักษ์  ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันตก มีรูปกายสีขาวรูปร่างอ้วนใหญ่เหมือนกระพ้อมใส่ข้าว,ท้องป่องพุ่งใหญ่,คอก็สั้น,หัวโต,ฟันขาวเขี้ยวโง้งออกจากปาก,มีริมฝีปากนูนๆตาใหญ่มาก,ขาสั้น,กำยำลำสัน,มือซ้ายถือธนูทรงอาภรณ์สีแดงเลือด  มีฝูงนาคเป็นบริวาร
          4.ท้าวกุเวร ( ท้าวเวสสุวรรณ ) ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศเหนือ  เป็นยักษ์ 3 ขา มีฟัน 8 ซี่ มี ๔ กรพระวรกายขาวกระจ่างสวมอาภรณ์งดงาม มีมงกุฎเป็นน้ำเต้าทรงอยู่บนพระเศียร, แต่มีรูปกายพิการร่างกายกำยำล่ำสันดูแข็งแรงรูปร่างสมส่วน, มือขวาถือกระบองยาว  พวกยักษ์เป็นบริวาร
          โดยมีท้าวเวสสุวรรณเป็นหัวหน้าหรือ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) เก่งกว่าท้าวมหาราชองค์อื่น  ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง (ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร

ท้าวมหาราชทั้ง ๔
๑. ท้าวธตรัฏฐะ อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสิเนรุเป็นผู้ปกครองคันธัพพ เทวดาทั้งหมด
๒. ท้าววิรุฬหกะ อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองกุมภัณฑเทวดา ทั้งหมด
๓. ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองนาคะ เทวดาทั้งหมด
๔. ท้าวกุเวระ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองยักขะเทวดาทั้งหมด


เทวดาที่อยู่ภายใต้การปกครองของท้าวจาตุมมหาราช คือ
๑. ปัพพัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยภูเขาอยู่
๒. อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยอยู่ในอากาศ
๓. ขิฑฑาปโทสิกเทวดา เทวดาที่ มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา จนลืมบริโภคอาหารแล้วตาย
๔. มโนปโทสิกเทวดา เทวดาที่ ตายเพราะความโกรธ
๕. สีตวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น
๖. อุณหวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น
๗. จันทิมเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระจันทร์
๘. สุริยเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระอาทิตย์


จตุโลกบาล
          ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ยังมีหน้าที่เป็นจตุโลกบาล คือเป็นผู้คุ้มครองและตรวจดูโลกซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์ทั้ง ๔ ทิศ โดย วัน ๘ ค่ำ อำมาตย์ของท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลก วัน ๑๕ ค่ำ บุตรทั้งหลายของท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลก ส่วนในวัน ๑๕ ค่ำ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลกเองว่า พวกมนุษย์พากันบำรุงบิดามารดา และสมณพราหมณ์ เคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ในตระกูล รักษาอุโบสถศีลและทำบุญกุศลเป็นจำนวนมากหรือไม่ ครั้นตรวจดูแล้วก็จะไปบอกพวกเทพชั้น ดาวดึงส์ ซึ่งมาประชุมกันในสุธรรมาเทวสภา ถ้าได้ฟังว่าพวกมนุษย์ทำดีกันน้อย พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ก็มีใจหดหู่ เพราะทิพยกายจะลดถอย อสุรกายจะเพิ่มพูน แต่ถ้าได้ฟังว่าพวกมนุษย์ทำดีกันมาก พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ก็มีใจชื่นบาน เพราะทิพยกายจะเพิ่มพูน อสุรกายจะลดถอย

ตำนานอาฏานาฏิยปริตร
          อาฏานาฏิยสูตร กล่าวไว้ว่า ในสมัยหนึ่ง เมื่อพุทธเจ้าประทับ ณ เขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ ท้าวจาตุมหาราช คือ ท้าวธตรฏฐ์ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ และท้าวกุเวร พร้อมด้วยบริวารอันได้แก่ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค และยักษ์ มาเฝ้าพระพุทธเจ้า
ท้าวมหาราชเหล่านี้ บางครั้งเรียกว่า จตุโลกบาล ( ผู้รักษาโลกทั้ง ๔) ซึ่งเป็นผู้นับถือพุทธศาสนา เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ท้าวกุเวรกราบทูลว่า อมนุษย์ที่เป็นบริวารของจตุโลกบาล บางพวกก็เลื่อมใสพระพุทธเจ้า บางพวกก็ไม่เลื่อมใส เพราะพระองค์ทรงแสดงธรรมให้ถือศีล ๕ คือให้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม การพูดเท็จ และการเสพสุรา แต่มนุษย์และยักษ์ยังชอบทำบาปเหล่านี้ จึงขัดใจไม่ค่อยเลื่อมใส สาวกของพระองค์ที่ประกอบวิปัสสนาธุระ ไปบำเพ็ญสมณธรรมในเสนาสนะป่าเปลี่ยว เมื่อไม่มีสิ่งป้องกัน อมนุษย์ก็จะรบกวนเบียดเบียนให้ลำบาก ขอให้พระองค์ทรงรับเอาเครื่องป้องกันรักษา คือ อาฏานาฏิยปริตรไว้ จะได้ประทานให้สาวกสวด จะทำให้อมนุษย์เลื่อมใส ไม่เบียดเบียนภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา และกลับจะช่วยคุ้มครองรักษาให้อยู่ผาสุข แล้วจึงกล่าว อาฏานาฏิยปริตร ขึ้นในเวลานั้นว่า วัปัสสิสสะ นะมัตถุ เป็นต้น

          เมื่อพระองค์ทรงรับโดยดุษณีภาพ ท้าวกุเวรจึงกราบทูลต่อไปอีกว่า ผู้ที่เจริญอาฏานาฏิยปริตรนี้ดีแล้ว อมนุษย์จะไม่ทำร้าย ถ้าอมนุษย์ยังผืนกระทำจะแพ้ภัยตัวเองจากนั้น พระพุทธเจ้าจึงนำมาตรัสเล่าแก่ภิกษุทั้งหลายในภายหลัง


คาถา โองการท้าวมหาราชทั้งสี่
          ปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต  สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภู ตานุกัมปิโน
          เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน   นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน   โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พราหมะณัสสะวุสีมะโต
          กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ  อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักยะปุตตัสสะ สิรีมะโต   โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง
          เย จาปิ นิพพุตาโลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง   เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา   หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง
          วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ   วิชชาจะระณะสัมปันนัง วันทามะ โคตะมันติ   ป้องกัน ทั้งโรคภัย สัตว์ อสอรพิศ อสูร ภูผี มนุษย์

เนื้อหาจาก : tewaboocha.tarad.com : bp.or.th


- See more at: http://www.horonumber.com/blog-2123#sthash.jZThWnSN.dpuf
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้