ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
~ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส ~
1
2
3
4
/ 4 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
~ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส ~
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
21
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:16
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่มั่นออกธุดงค์ปฏิบัติเบื้องต้น
เวลาท่านออกปฏิบัติเบื้องต้น ท่านว่าท่านไปทางจังหวัดนครพนมและข้ามไปเที่ยวทางฝั่งแม่น้ำโขง บำเพ็ญสมณธรรมอยู่แถบท่าแขก ตามป่าและภูเขา ท่านได้รับความสงบสุขทางใจมากพอควรในป่าและภูเขาแถบนั้น ท่านเล่าว่า มีสัตว์เสือชุกชุมมาก เฉพาะเสือทางฝั่งโน้นรู้สึกดุร้ายกว่าเสือทางเมืองไทยเราอยู่มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเสือทางฝั่งโน้นเคยดักซุ่มกัดกินคนญวนอยู่เสมอมิได้ขาด มีข่าวอยู่บ่อย ๆ แต่คนญวนไม่ค่อยกลัวเสือมากเหมือนคนลาวและคนไทยเรานัก และไม่ค่อยเข็ดหลาบและกลัวเสืออยู่นานทั้ง ๆ ที่เคยเห็นเสือกัดและกินคนอยู่เสมอ และเห็นมันโดดมากัดเอาเพื่อนที่ไปป่าด้วยกันไปกินต่อหน้าต่อตาอย่างวันนี้ แต่พอวันหลังคนญวนยังกล้าพากันเข้าไปป่าที่มีเสือชุมเพื่อหาอยู่หากินได้อีกอย่างธรรมดา ไม่ตื่นเต้นตกใจกลัวและเล่าลือกันเหมือนคนลาวและคนไทยเรา ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะความเคยชินของเขาก็เป็นได้
ท่านเล่าว่า คนญวนนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่ง เวลาเห็นเสือโดดมากัดเพื่อนที่ไปด้วยกันหลายคนไปกินก็ไม่มีใครที่จะช่วยเหลือกันด้วยวิธีต่าง ๆ บ้างเลย ต่างคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ไม่สนใจในการช่วยเหลือ เวลาไปนอนค้างคืนในป่าหลายคนด้วยกัน ตกกลางคืนถูกเสือโดดมากัดและคาบเอาเพื่อนคนใดคนหนึ่งไปกิน พวกที่นอนอยู่ด้วยกันได้ยินเสียงตกใจตื่นขึ้น เห็นเหตุการณ์แล้ว ต่างก็วิ่งหนีไปหาที่นอนใหม่ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณนั้นเอง ความรู้สึกเขาเหมือนเด็ก ๆ ในเรื่องเช่นนี้ ไม่มีความคิดอ่านใด ๆ ที่แยบคายไปกว่านี้เลย ทำเหมือนเสือโคร่งใหญ่ทั้งตัวที่เคยกินคนมาแล้วอย่างชำนาญไม่มีหูไม่มีตาและไม่มีหัวใจเอาเลย
เรื่องคนพรรค์นี้ ผู้เขียนเองก็พอรู้เรื่องที่เขาไม่ค่อยกลัวเสือมาบ้างพอควร คือเวลาเขามาพักอาศัยในบ้านเมืองเราที่เป็นป่ารกชัฏและมีสัตว์เสือชุกชุม เวลาเขาพากันไปนอนค้างคืนเลื่อยไม้อยู่ในป่าลึก ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมากและมีเสือชุม เขาไม่เห็นแสดงอาการหวาดกลัวบ้างเลย แม้เขาจะนอนอยู่ด้วยกันหลายคนหรือคนเดียว เขาก็นอนได้อย่างสบายไม่กลัวอะไร ถ้าเขาต้องการจะเข้ามาในหมู่บ้านเวลาค่ำคืนเขาก็มาได้ ไม่ต้องหาเพื่อนฝูงมาด้วย อยากกลับไปที่พักเวลาใดก็กลับไปได้ เวลาถูกถามว่าไม่กลัวเสือบ้างหรือ? เขาก็ตอบว่า ไม่กลัว เพราะเสือเมืองไทยไม่กินคนและยิ่งกลัวคนด้วยซ้ำ ไม่เหมือนเสือเมืองเขาซึ่งมีแต่ตัวใหญ่ ๆ และชอบกินคนแทบทั้งนั้น
เมืองเขาบางแห่งเวลาเข้าป่าต้องทำคอกนอนเหมือนคอกหมู ไม่เช่นนั้นเสือมาเอาไปกิน ไม่ได้กลับบ้าน แม้บางหมู่บ้านที่เสือดุมาก เวลากลางคืนผู้คนออกมานอกบ้านเรือนไม่ได้ เสือโดดมาเอาไปกินเลยไม่มีเหลือ เขายังกลับว่าให้เราอีกด้วยว่า คนไทยขี้กลัวมาก จะไปป่าก็แห่แหนกันไปไม่กล้าไปคนเดียว ที่ท่านพระอาจารย์มั่นว่าคนญวนไม่ค่อยกลัวเสือนั้นคงจะเป็นในทำนองนี้ก็ได้ เวลาท่านไปพักอยู่ที่นั้นก็ไม่ค่อยเห็นเสือมารบกวน เห็นแต่รอยมันเดินผ่านไปมาและส่งเสียงร้องครางไปตามภาษาของสัตว์ที่มีปาก และร้องครวญครางได้เท่านั้นในบางคืน แต่เขาร้อง มิได้คำรามให้เรากลัวหรือแสดงท่าทางจะกัดกินเป็นอาหาร
เฉพาะองค์ท่านเองรู้สึกจะไม่ค่อยสนใจกับความกลัวสัตว์เสืออะไร มากไปกว่าความกลัวจะไม่หลุดพ้นจากกองทุกข์ ถึงบรมสุขคือพระนิพพานในชาตินี้ ทั้งนี้ทราบจากท่านเล่าถึงการข้ามไปฝั่งแม่น้ำโขงฟากโน้นและข้ามมาฝั่งฟากนี้ เพื่อการบำเพ็ญเพียรอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้เห็นว่าท่านถือเป็นธรรมดาในการไป-มา เพราะไม่เห็นท่านนำเรื่องความกลัวของท่านมาเล่าให้ฟัง
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
22
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:17
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ถ้าเป็นผู้เขียนไปเจอเอาที่เช่นนั้นเข้าบ้าง น่ากลัวชาวบ้านแถบนั้นจะพากันกลายเป็นตำรวจรักษาพระธุดงค์ขี้ขลาดไม่เป็นท่ากันทั้งบ้านโดยไม่ต้องสงสัย เพียงได้ยินเสียงเสือกระหึ่มในบางครั้งยังชักใจไม่ดี เดินจงกรมก็ยังถอยหน้าถอยหลังก้าวขาไม่ค่อยออก และเดินไม่ถึงที่สุดทางจงกรมอยู่แล้ว เผื่อไปเจอเอาเรื่องดังที่ว่านั้น จึงน่ากลัวธรรมแตกมากกว่าสิ่งอื่น ๆ จะแตก เพราะนับแต่วันรู้ความมา พ่อแม่และชาวบ้านก็เคยพูดกันทั่วแผ่นดินว่าเสือเป็นสัตว์ดุร้าย ซึ่งเป็นเรื่องฝังใจจนถอนไม่ขึ้นตลอดมา จะไม่ให้กลัวนั้นสำหรับผู้เขียนจึงเป็นไปไม่ได้เอาเลย และยอมสารภาพตลอดไป ไม่มีทางต่อสู้เมื่อจิตมีกำลังพอบ้างแล้ว ก็เที่ยวจาริกลงไปทางภาคกลาง
พระอาจารย์มั่นท่านได้เที่ยวจาริกไปตามจังหวัดต่าง ๆ มีนครพนม เป็นต้น ทางภาคอีสานนานพอสมควรสมัยออกปฏิบัติเบื้องต้น จนจิตมีกำลังพอต้านทานอารมณ์ภายในที่เคยผาดโผนมาประจำใจและอารมณ์ภายนอกได้บ้างแล้ว ก็เที่ยวจาริกลงไปทางภาคกลาง จำพรรษาที่วัดปทุมวัน พระนครฯ ระยะที่จำพรรษาอยู่วัดปทุมวันก็ได้พยายามมาศึกษาอบรมอุบายปัญญาเพิ่มเติมกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท) ที่วัดบรมนิวาสมิได้ขาด
พอออกพรรษาแล้ว ท่านก็ออกเที่ยวจาริกไปทางจังหวัดลพบุรี พักอยู่ถ้ำไผ่ขวาง เขาพระงามบ้าง ถ้ำสิงโตบ้าง ขณะที่พักอยู่ได้มีโอกาสเร่งความเพียรเต็มกำลังไม่ขาดวรรคขาดตอน ใจรู้สึกมีความอาจหาญต่อตนเองและมีสิ่งเกี่ยวข้องต่าง ๆ ไม่พรั่นพรึงอย่างง่ายดาย สมาธิก็มั่นคง อุบายปัญญาก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นอรรถเป็นธรรมไปโดยลำดับ เวลามีโอกาสก็เข้าไปกราบนมัสการและเล่าธรรมะถวาย และเรียนถามปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับอุบายปัญญากับท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดบรมนิวาส ท่านก็ได้รับอธิบายวิธีพิจารณาปัญญาเพิ่มเติมให้จนเป็นที่พอใจ แล้วกราบลาท่านไปเที่ยววิเวกทางถ้ำสาริกา เขาใหญ่ จังหวัดนครนายก
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
23
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:17
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่มั่นธุดงค์ขึ้นเขาสาริกา
ท่านเล่าว่า เวลาพักอยู่ถ้ำสาริกา ๓ ปี ได้ประสบเหตุการณ์ต่าง ๆ หลายประการทั้งภายในและภายนอก แทบตลอดเวลาที่พักอยู่ จนเป็นที่สะดุดและฝังใจตลอดมา คือ
ขณะที่ท่านไปถึงหมู่บ้าน ถ้าจำไม่ผิดชื่อว่า “บ้านกล้วย” ที่อยู่ใกล้กับถ้ำมากกว่าหมู่บ้านอื่น ๆ พอโคจรบิณฑบาตถึงสะดวก ท่านขอวานให้ชาวบ้านนั้นไปส่งที่ถ้ำดังกล่าว เพราะไม่เคยไปไม่รู้หนทาง ชาวบ้านก็เล่าเรื่องฤทธิ์เดชต่าง ๆ ของถ้ำนั้นให้ท่านฟังว่า เป็นถ้ำที่สำคัญอยู่มาก พระไม่ดีจริง ๆ ไปอยู่ไม่ได้ ต้องเกิดเจ็บป่วยต่าง ๆ และตายกันแทบไม่มีเหลือหลอลงมา เพราะถ้ำนี้มีผีหลวงรูปร่างใหญ่และมีฤทธิ์มากรักษาอยู่ ผีตัวนี้ดุร้ายมาก ไม่เลือกพระเลือกใคร ถ้าไปอยู่ถ้ำนั้นต้องมีอันเป็นไปอย่างคาดไม่ถึงและตายกันจริง ๆ ยิ่งพระองค์ใดที่อวดตัวว่ามีวิชาอาคมขลัง ๆ เก่ง ๆ ไม่กลัวผีแล้ว ผียิ่งชอบทดลอง พระองค์นั้นต้องเกิดเจ็บขึ้นมาอย่างกะทันหัน และตายเร็วกว่าปกติธรรมดาที่ควรจะเป็น
ชาวบ้านพร้อมกันนิมนต์วิงวอนไม่อยากให้ท่านขึ้นไปอยู่ เพราะกลัวท่านจะตายเหมือนพระทั้งหลายที่เคยเป็นมาแล้ว
ท่านสงสัยจึงถามเขาว่า ที่ว่าถ้ำมีฤทธิ์เดชต่าง ๆ และมีผีใหญ่ดุนั้นมันเป็นอย่างไร อาตมาอยากทราบบ้าง
เขาบอกกับท่านว่า เวลาพระหรือฆราวาสขึ้นไปพักถ้ำนั้น โดยมากเพียงคืนแรกก็เริ่มเห็นฤทธิ์บ้างแล้ว คือเวลานอนหลับไปจะต้องมีการละเมอเพ้อฝันไปต่าง ๆ โดยมีผีรูปร่างดำใหญ่โตและสูงมากมาหา และจะเอาตัวไปบ้าง จะมาฆ่าบ้าง โดยบอกว่าเขาเป็นผู้รักษาถ้ำนี้มานานแล้วและเป็นผู้มีอำนาจแต่ผู้เดียวในเขตแขวงนั้น ไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำกล้ำกรายได้ เขาต้องปราบปรามหรือกำจัดให้เห็นฤทธิ์ทันที ไม่ยอมให้ใครมีอำนาจเก่งกาจยิ่งกว่าเขาไปได้ นอกจากผู้มีศีลธรรมอันดีงามและมีเมตตาจิตคิดเผื่อแผ่กุศลแก่บรรดาสัตว์ ไม่เป็นผู้คับแคบใจดำและต่ำทรามทางความประพฤติเท่านั้น เขาถึงจะยินยอมให้อยู่ได้ และเขาจะให้ความอารักขาด้วยดี พร้อมทั้งความเคารพรักและนับถือดังนี้
ส่วนพระโดยมากที่ไปอยู่กันไม่ค่อยมีความผาสุกและอยู่ไม่ได้นาน ต้องรีบลงมา หรือต้องตาย เท่าที่เห็นมาก็เป็นทำนองนี้จริง ๆ ใครไปอยู่ไม่ค่อยจะได้ เพียงคืนเดียวหรือสองคืนก็เห็นรีบลงมาด้วยท่าทางที่น่ากลัวหรือตัวสั่นแทบไม่มีสติอยู่กับตัว และพูดเรื่องผีดุออกมาโดยที่ยังไม่มีใครถามเลย แล้วก็รีบหนีไปด้วยความกลัวและเข็ดหลาบ ไม่คิดว่าจะกลับคืนมาถ้ำนี้อีกได้เลย ยิ่งกว่านั้น ขึ้นไปแล้วก็อยู่ที่นั้นเลย ไม่มีวันกลับลงมาเห็นหน้ามนุษย์มนาอีกต่อไปเลยท่าน ฉะนั้น จึงไม่อยากให้ท่านขึ้นไป กลัวว่าจะอยู่ที่นั้นเลย
ท่านพระอาจารย์จึงถามว่า ที่ว่าขึ้นไปอยู่เลยไม่ลงมาเห็นหน้ามนุษย์นั้น ขึ้นไปอย่างไรกัน ถึงไม่ยอมลงมา
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
24
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เขาบอกว่า ตายเลยท่าน จึงไม่มีทางที่จะลงมาได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีพระมาตายอยู่ในถ้ำนี้ตั้ง ๔ องค์ ล้วนมีแต่พระองค์เก่ง ๆ ทั้งนั้น เท่าที่พวกกระผมทราบจากพระท่านพูดให้ฟังว่า เรื่องผีท่านบอกว่าไม่กลัว เพราะท่านมีคาถากันผีและปราบผี ตลอดคาถาอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ผีเข้าไม่ถึงท่าน เมื่อชาวบ้านบอกเรื่องราวของถ้ำและผีดุให้ท่านฟัง เพราะไม่อยากให้ท่านขึ้นไป แต่ท่านกลับบอกว่าไม่กลัว และให้ญาติโยมพาท่านส่งขึ้นไปที่ถ้ำ ชาวบ้านจำต้องไปส่งท่านไปอยู่ที่นั้น เมื่อไปอยู่แล้วทำให้เป็นต่าง ๆ มีเจ็บไข้บ้าง ปวดศีรษะบ้าง เจ็บท้องขึ้นมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ บ้าง เวลานอนหลับเกิดละเมอเพ้อฝันไปว่ามีคนจะมาเอาตัวไปบ้าง จะมาฆ่าบ้าง
แม้พระที่ขึ้นไปอยู่ในถ้ำนั้นมิได้ไปพร้อมกัน ต่างองค์ต่างไปคนละวันก็ตาม แต่อาการที่เป็นขึ้นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน บางองค์ก็ตายอยู่ในถ้ำนั้น บางองค์ก็รีบลงจากถ้ำหนีไป พระที่มาตายอยู่ในถ้ำนี้ ๔ องค์ ในระยะเวลาไม่ห่างกันเลย แต่ท่านจะตายด้วยผีดุหรือตายด้วยอะไร ทางชาวบ้านก็ไม่ทราบได้ แต่เท่าที่เคยสังเกตมาถ้ำนี้รู้สึกแรงมากอยู่ และเคยเป็นมาอย่างนี้เสมอมา ชาวบ้านแถบนี้กลัวกันไม่กล้าไปทะลึ่งอวดดีแต่ไหนแต่ไรมา กลัวจะถูกหามกันลงมาโดยอาการร่อแร่บ้าง โดยเป็นศพที่ตายแล้วบ้าง
ท่านถามชาวบ้านว่า เหตุการณ์ดังที่ว่า นี้เคยมีมาบ้างแล้วหรือ
เขาเรียนท่านว่า เคยมีจนชาวบ้านทราบอย่างฝังใจและกลัวกันทั้งบ้าน ทั้งรีบบอกกับพระหรือใคร ๆ ที่มาถ้ำนี้เพื่อต้องการของดี เช่น เหล็กไหลหรือพระศักดิ์สิทธิ์อะไรต่าง ๆ ซึ่งอาจมีหรือไม่มีก็ตาม แต่บางคนก็ชอบประกาศโฆษณาว่ามี ดังนั้น จึงมักมีพระและคนที่ชอบทางนี้มากันเสมอ แต่ก็ไม่เห็นได้อะไรติดตัวไป นอกจากตายหรือรอดตายไปเท่านั้น เฉพาะชาวบ้านนี้ไม่ปรากฏว่ามีใครเคยไปเห็นเหล็กไหลหรือของดีอย่างอื่น ๆ ในถ้ำนี้เลย เรื่องก็เป็นดังที่เล่ามานี้ จึงไม่อยากให้ท่านขึ้นไป กลัวจะไม่ปลอดภัยดังที่เห็น ๆ มา
พอชาวบ้านเล่าเรื่องจบลง ท่านพระอาจารย์ยังไม่หายสงสัยในความอยากไปชมถ้ำนั้น ท่านอยากขึ้นไปทดลองดู จะเป็นจะตายอย่างไรก็ขอให้ทราบด้วยตนเองจะเป็นที่แน่ใจกว่าคำบอกเล่า แม้เขาจะเล่าเรื่องผีซึ่งเป็นที่น่ากลัวให้ฟังก็ตาม แต่ใจท่านมิได้มีความสะดุ้งหวาดเสียวไปตามแม้นิดหนึ่งเลย ยิ่งเห็นเป็นเครื่องเตือนสติให้ได้ข้อคิดมากมายยิ่งขึ้น และมีความอาจหาญที่จะเผชิญต่อเหตุการณ์อยู่ทุกขณะจิต สมกับเป็นผู้มุ่งแสวงหาความจริงอย่างแท้จริง
ท่านจึงพูดกับชาวบ้านเป็นเชิงถ่อมตนว่า เรื่องนี้เป็นที่น่ากลัวจริง ๆ แต่อาตมาคิดอยากไปชมถ้ำสักชั่วระยะหนึ่ง หากเห็นท่าไม่ดีจะรีบลงมา จึงขอความกรุณาโยมไปส่งอาตมาขึ้นไปอยู่ถ้ำนี้สักพักหนึ่งเถิด เพราะยังไม่หายสงสัยที่อยากชมถ้ำนี้มานานแล้ว
ฝ่ายชาวบ้านก็พากันตามส่งท่านขึ้นถ้ำตามความประสงค์
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
25
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่มั่นผจญยักษ์มิจฉาทิฏฐิ
ขณะที่พักอยู่ในถ้ำนั้น ในระยะแรก ๆ รู้สึกว่าธาตุขันธ์ทุกส่วนปกติดี จิตใจก็สงบเยือกเย็น เพราะเงียบสงัดมาก ไม่มีอะไรมาพลุกพล่านก่อกวน นอกจากเสียงสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ที่พากันเที่ยวหากินตามภาษาเขาเท่านั้น ท่านรู้สึกเย็นกายเย็นใจใน ๒-๓ คืนแรก พอคืนต่อไป โรคเจ็บท้องที่เคยเป็นมาประจำขันธ์ก็ชักจะกำเริบ และมีอาการรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ จนถึงขั้นหนักมาก บางครั้งเวลาไปส้วมถึงกับถ่ายเป็นเลือดออกมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ก็มี ฉันอะไรเข้าแล้วไม่ยอมย่อยเอาเลย เข้าไปอย่างไรก็ส้วมออกมาอย่างนั้น ทำให้ท่านคิดวิตกถึงคำพูดของชาวบ้านที่ว่ามีพระมาตายที่นี่ ๔ องค์ เราอาจเป็นองค์ที่ ๕ ก็ได้ ถ้าไม่หาย
เวลามีโยมขึ้นไปถ้ำตอนเช้า ท่านก็พาโยมไปเที่ยวหายาที่เคยได้ผลมาแล้ว มาต้มฉันบ้าง ฝนใส่น้ำฉันบ้าง เท่าที่ทราบเป็นยาประเภทรากไม้แก่นไม้ แต่ฉันยาประเภทใดลงไปก็ไม่ปรากฏว่าได้ผล โรคนับวันรุนแรงขึ้นทุกวัน กำลังกายก็อ่อนเพลียมาก กำลังใจก็ปรากฏว่าลดลงผิดปกติ แม้ไม่มากก็พอให้ทราบได้อย่างชัดเจน
ขณะที่นั่งฉันยาได้นึกวิตกขึ้นมาเป็นเชิงเตือนตนให้ได้สติ และปลุกใจให้กลับมีกำลังเข้มแข็งขึ้นมาว่า ยาที่เราฉันอยู่ขณะนี้ ถ้าเป็นยาช่วยระงับโรคได้จริง ก็ควรจะเห็นผลบ้างแม้ไม่มาก เพราะฉันยามาหลายเวลาแล้ว แต่โรคก็นับวันกำเริบ หากยามีทางระงับได้บ้างทำไมโรคจึงไม่สงบ เห็นท่ายานี้จะมิใช่ยาเพื่อระงับบำบัดโรคเหมือนแต่ก่อนเสียกระมัง แต่อาจเป็นยาประเภทช่วยส่งเสริมโรคให้กำเริบแน่นอนสำหรับคราวนี้ โรคจึงนับวันกำเริบขึ้นเป็นลำดับ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะพยายามฉันไปเพื่อประโยชน์อะไร
พอได้สติจากความวิตกวิจารณ์ที่ผุดขึ้นมาในขณะนั้นแล้ว ท่านก็ตัดสินใจและบอกกับตัวเองทันทีว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะระงับโรคพรรค์นี้ด้วยยาคือธรรมโอสถเท่านั้น จะหายก็หาย จะตายก็ตาย เมื่อสุดกำลังความสามารถในการเยียวยาทุกวิถีทางแล้ว ยาที่เคยนำมารักษานั้นจะงดไว้จนกว่าโรคนี้จะหายด้วยธรรมโอสถ หรือจนกว่าจะตายในถ้ำนี้ จะยังไม่ฉันยาชนิดใด ๆ ในระยะนี้
แล้วก็เตือนตนว่า เราจะเป็นพระทั้งองค์ที่ได้ปฏิบัติบำเพ็ญทางใจมาพอสมควรจนเห็นผลและแน่ใจต่อทางดำเนินเพื่อมรรคผลนิพพานมาเป็นลำดับ ซึ่งควรถือเป็นหลักยึดของใจได้พอประมาณอยู่แล้ว ทำไมจะขี้ขลาดอ่อนแอในเวลาเกิดทุกขเวทนาเพียงเท่านี้ ก็เพียงทุกข์เกิดขึ้นเพราะโรคเป็นสาเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เรายังสู้ไม่ไหว กลายเป็นผู้อ่อนแอ กลายเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างยับเยินเสียแต่บัดนี้แล้ว เมื่อถึงคราวจวนตัวจะชิงชัยเพื่อเอาแพ้เอาชนะกันจริง ๆ คือ เวลาขันธ์จะแตก ธาตุจะสลาย ทุกข์ยิ่งจะโหมกันมาทับธาตุขันธ์และจิตใจจนไม่มีที่ปลงวาง เราจะเอากำลังจากที่ไหนมาต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดไปได้โดยสุคโต ไม่เสียท่าเสียทีในสงครามล้างขันธ์เล่า?
พอท่านทำความเข้าใจกับตนเองอย่างแน่ใจและมั่นใจแล้ว ก็หยุดจากฉันยาในเวลานั้นทันที และเริ่มทำสมาธิภาวนา เพื่อเป็นโอสถบำบัดบรรเทาจิตใจและธาตุขันธ์ต่อไปอย่างหนักแน่น ทอดความอาลัยเสียดายในชีวิตธาตุขันธ์ ปล่อยให้เป็นไปตามคติธรรมดา ทำหน้าที่ห้ำหั่นจิตดวงไม่เคยตาย แต่มีความตายประจำนิสัยลงไปอย่างเต็มกำลังสติปัญญาศรัทธาความเพียรที่เคยอบรมมา โดยมิได้สนใจคำนึงต่อโรคที่กำลังกำเริบอยู่ภายใน ว่าจะหายหรือจะตายไปขณะใดในเวลานั้น หยั่งสติปัญญาลงในทุกขเวทนา แยกแยะส่วนต่าง ๆ ของธาตุขันธ์ออกพิจารณาด้วยปัญญาไม่ลดละ คือ ยกทั้งส่วนรูปกาย ทั้งส่วนเวทนา คือ ทุกข์ภายใน ทั้งส่วนสัญญา ที่หมายกายส่วนต่าง ๆ ว่าเป็นทุกข์ ทั้งส่วนสังขารตัวปรุงแต่งว่าส่วนนี้เป็นทุกข์ ส่วนนั้นเป็นทุกข์ ขึ้นสู่เป้าหมายแห่งการพิจารณาของสติปัญญาผู้ดำเนินงาน ทำการขุดค้นคลี่คลายอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เวลาพลบค่ำถึงเที่ยงคืน คือ ๒๔.๐๐ นาฬิกา จึงลงเอยกันได้ จิตมีกำลังขึ้นมาอย่างประจักษ์ สามารถคลี่คลายธาตุขันธ์จนรู้แจ้งตลอดทั่วถึงทุกขเวทนาที่กำลังกำเริบขึ้นอย่างเต็มที่จากโรคในท้อง โรคก็ระงับดับลงอย่างสนิท จิตรวมลงถึงที่ในขณะนั้น
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
26
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขณะนั้นโรคก็ดับ ทุกข์ก็ดับ ความฟุ้งซ่านของใจก็ดับ พอจิตรวมสงบลงถึงที่แล้ว ถอนออกมาขั้นอุปจารสมาธิแล้ว จิตสว่างออกไปนอกกาย ปรากฏเห็นบุรุษผู้หนึ่งมีร่างใหญ่ดำและสูงมากราว ๑๐ เมตร ถือตะบองเหล็กใหญ่เท่าขา ยาวราว ๒ วา เดินเข้ามาหา และบอกกับท่านว่า
“จะทุบตีท่านให้จมลงไปในดิน ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตายในบัดเดี๋ยวใจ”
ตามที่ผีบอกกับท่านว่า “ตะบองเหล็กที่เขาแบกอยู่บนบ่านั้น ตีช้างสารใหญ่ตัวหนึ่งเพียงหนเดียวเท่านั้น ช้างสารต้องจมลงไปในดินแบบจมมิดเลย โดยไม่ต้องตีซ้ำอีก”
ท่านกำหนดจิตถามผีร่างยักษ์นั้นว่า “จะมาตีและฆ่าอาตมาทำไม อาตมามีความผิดอะไรบ้างถึงจะต้องถูกตีถูกฆ่าเล่า? การมาอยู่ที่นี้มิได้มากดขี่ข่มเหงหรือเบียดเบียนใครให้เดือดร้อน พอจะถูกใส่กรรมทำโทษถึงขนาดตีและฆ่าให้ถึงตายเช่นนี้”
เขาบอกว่า เขาเป็นผู้มีอำนาจรักษาภูเขาลูกนี้อยู่นานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมาอยู่ครองอำนาจเหนือตนไปได้ ต้องปราบปรามและกำจัดทันที
ท่านตอบว่า “ก็อาตมามิได้มาครองอำนาจบนหัวใจใคร นอกไปจากมาปฏิบัติบำเพ็ญศีลธรรมอันดีงามเพื่อครองอำนาจเหนือกิเลสบาปธรรมบนหัวใจตนเท่านั้น จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านจะมาเบียดเบียนและทำลายคนเช่นอาตมา ซึ่งเป็นนักบวชทรงศีล และเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้าผู้มีใจบริสุทธิ์ และมีอำนาจในทางเมตตาครอบไตรโลกธาตุ ไม่มีใครเสมอเหมือน”
ท่านซักถามและเทศน์ให้ผีร่างยักษ์ฟังเสียใหญ่ในขณะนั้น ว่า “ถ้าท่านเป็นผู้มีอำนาจเก่งจริงดังที่อวดอ้างแล้ว ท่านมีอำนาจเหนือกรรมและเหนือธรรม อันเป็นกฎใหญ่ปกครองมวลสัตว์ในไตรภพด้วยหรือเปล่า?”
เขาตอบว่า”เปล่า”
ท่านพูดว่า พระพุทธเจ้าท่านเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสตัวที่คอยอวดอำนาจว่า ตัวดี ตัวเก่ง อยู่ภายใน คิดอยากตีอยากฆ่าคนอื่น สัตว์อื่น ให้หมดสิ้นไปจากใจได้ ส่วนท่านที่ว่าเก่ง ได้คิดปราบกิเลสตัวดังกล่าวให้หมดสิ้นไปบ้างหรือยัง
เขาตอบว่า “ยังเลยท่าน”
ท่านว่า ถ้ายัง ท่านก็มีอำนาจไปในทางที่ทำตนให้เป็นคนมืดหนาป่าเถื่อนต่างหาก ซึ่งนับว่าเป็นบาปและเสวยกรรมหนัก แต่ไม่มีอำนาจปราบความชั่วของตัวที่กำลังแผลงฤทธิ์แก่ผู้อื่นอยู่โดยไม่รู้สึกตัวว่าเป็นผู้มีอำนาจแบบก่อไฟเผาตัว และต้องจัดว่ากำลังสร้างกรรมอันหนักมาก
มิหนำยังจะมาตีมาฆ่าคนที่ทรงศีลธรรมอันเป็นหัวใจของโลก ถ้าไม่จัดว่าท่านทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้ายิ่งกว่าคนทั้งหลายแล้ว จะจัดว่าท่านทำความดีที่น่าชมเชยที่ตรงไหน อาตมาเป็นผู้ทรงศีล ทรงธรรมมุ่งมาทำประโยชน์แก่ตนและแก่โลก โดยการประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ท่านยังจะมาทุบตีและสังหาร โดยมิได้คำนึงถึงบาปกรรมที่จะฉุดลากท่านลงนรก เสวยกรรมอันเป็นมหันตทุกข์เลย
อาตมารู้สึกสงสารท่านยิ่งกว่าจะอาลัยในชีวิตของตัว เพราะท่านหลงอำนาจของตัวจนถึงกับจะเผาตัวเองทั้งเป็นอยู่ขณะนี้แล้ว อำนาจอันใดบ้างที่ท่านว่ามีอยู่ในตัวท่าน อำนาจอันนั้นจะสามารถต้านทานบาปกรรมอันหนัก ที่ท่านกำลังจะก่อขึ้นเผาผลาญตัวอยู่เวลานี้ได้หรือไม่?
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
27
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านว่าเป็นผู้มีอำนาจอันใหญ่หลวงปกครองอยู่ในเขตเขาเหล่านี้ แต่อำนาจนั้นมีฤทธิ์เดชเหนือกรรมและเหนือธรรมไปได้ไหม ถ้าท่านมีอำนาจและมีฤทธิ์เหนือธรรมแล้ว ท่านก็ทุบตีหรือฆ่าอาตมาได้ สำหรับอาตมาเองไม่กลัวความตาย แม้ท่านไม่ฆ่าอาตมาก็ยังจักต้องตายอยู่โดยดีเมื่อกาลของมันมาถึงแล้ว เพราะโลกนี้เป็นอยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดแล้วต้องตายทั่วหน้ากัน แม้ตัวท่านเองที่กำลังอวดตัวว่าเก่งในความมีอำนาจจนกลายเป็นผู้มืดบอดอยู่ขณะนี้ แต่ท่านก็มิได้เก่งกว่าความตายและกฎแห่งกรรมที่ครอบงำสัตว์โลกไปได้
ขณะที่ท่านพระอาจารย์มั่นซักถาม และเทศน์สั่งสอนบุรุษลึกลับโดยทางสมาธิอยู่นั้น ท่านเล่าว่า เขายืนตัวแข็ง บ่าแบกตะบองเหล็กเครื่องมือสังหารอยู่เหมือนตุ๊กตาไม่กระดุกกระดิก ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนมาไหนเลย ถ้าเป็นคนธรรมดาเรา ก็ทั้งอายทั้งกลัวจนตัวแข็งแทบลืมหายใจ แต่นี่เขาเป็นอมนุษย์พิเศษผู้หนึ่ง จึงไม่ทราบว่าเขามีลมหายใจหรือไม่ แต่อาการทั้งหมดนั้นแสดงให้เห็นชัดว่า เขาทั้งอายทั้งกลัวท่านพระอาจารย์มั่นจนสุดที่จะอดกลั้นได้ แต่เขาก็อดกลั้นได้อย่างน่าชม
ตอนท่านแสดงธรรมจบลง เขาได้ทิ้งตะบองเหล็กจากบ่าอย่างเห็นโทษ และนฤมิตเปลี่ยนภาพจากร่างของบุรุษลึกลับที่มีกายดำสูงใหญ่ มาเป็นสุภาพบุรุษพุทธมามกะผู้อ่อนโยนนิ่มนวลด้วยมรรยาทอัธยาศัย แสดงความเคารพคารวะและกล่าวคำขอโทษท่านอาจารย์ แบบบุคคลผู้เห็นโทษสำนึกในบาปอย่างถึงใจ ซึ่งต่อไปนี้เป็นใจความของเขาที่กล่าวตามความสัตย์จริงต่อท่านพระอาจารย์มั่นว่า
“กระผมรู้สึกแปลกใจและสะดุ้งกลัวท่านแต่เริ่มแรก มองเห็นแสงสว่างที่แปลกและอัศจรรย์มากซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน พุ่งจากองค์ท่านมากระทบตัวกระผม ทำให้อ่อนไปหมด แทบไม่อาจแสดงอาการอย่างใดออกมาได้ อวัยวะทุกส่วนตลอดจิตใจอ่อนเพลียไปตาม ๆ กัน ไม่อาจจะทำอะไรได้ด้วยพลการ เพราะมันอ่อนและนิ่มไปด้วยความซาบซึ้งจับใจในความสว่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ทราบว่านั้นคืออะไร เพราะไม่เคยเห็น
เท่าที่แสดงกิริยาคำรามว่าจะทุบตีและฆ่านั้น มิได้ออกมาจากใจจริงแม้แต่น้อยเลย แต่แสดงออกตามความรู้สึกที่เคยฝังใจมานานว่า ตัวเป็นผู้มีอำนาจในหมู่อมนุษย์ด้วยกันและมีอำนาจในหมู่มนุษย์ที่ไม่มีศีลธรรม ชอบรักบาปหาบความชั่วประจำนิสัยต่างหาก อำนาจนี้จะทำอะไรให้ใครเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ โดยปราศจากการต้านทานขัดขวาง มานะอันนี้แลพาให้ทำเป็นผู้มีอำนาจ แสดงออกพอไม่ให้เสียลวดลาย ทั้ง ๆ ที่กลัวและใจอ่อน ทำไม่ลง และมิได้ปลงใจว่าจะทำ หากเป็นเพียงแสดงออกพอเป็นกิริยาของผู้เคยมีอำนาจเท่านั้น
กรรมอันไม่งามใด ๆ ที่แสดงออกให้เป็นของน่าเกลียดในวงนักปราชญ์ที่แสดงต่อท่านวันนี้ ขอได้เมตตาอโหสิกรรมแก่กรรมนั้น ๆ ให้กระผมด้วย อย่าต้องให้รับบาปหาบทุกข์ต่อไปเลย เท่าที่เป็นอยู่เวลานี้ก็มีทุกข์อย่างพอตัวอยู่แล้ว ยิ่งจะเพิ่มทุกข์ให้มากกว่านี้ ก็คงเหลือกำลังที่จะทนต่อไปไหว”
ท่านถามเขาว่า “ท่านเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนามาก กายก็เป็นกายทิพย์ไม่ต้องพาหอบหิ้วเดินเหินไปมาให้ลำบากเหมือนมนุษย์ การเป็นอยู่หลับนอนก็ไม่เป็นภาระเหมือนมนุษย์ทั่วโลกที่เป็นกัน แล้วทำไมจึงยังบ่นว่าทุกข์อยู่อีก ถ้าโลกทิพย์ไม่เป็นสุขแล้ว โลกไหนจะเป็นสุขเล่า?”
เขาตอบว่า “ถ้าพูดอย่างผิวเผินและเทียบกับกายมนุษย์ที่หยาบ ๆ พวกกายทิพย์อาจมีความสุขมากกว่าพวกมนุษย์จริง เพราะเป็นภูมิที่ละเอียดกว่ากัน แต่ถ้ากล่าวตามชั้นภูมิแล้ว กายทิพย์ก็ย่อมมีทุกข์ไปตามวิสัยของภูมินั้น ๆ เหมือนกัน”
ระหว่างที่ผีกับพระสนทนากันในตอนนี้ รู้สึกว่าละเอียดและลึกลับ ยากที่ผู้เขียนจะนำมาลงได้ทุกประโยค จึงขออภัยท่านผู้อ่านไว้ด้วยความจนใจ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
28
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:19
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สุดท้ายแห่งการสนทนาธรรม ท่านว่าบุรุษลึกลับมีความเคารพเลื่อมใสในธรรมเป็นอย่างยิ่งและปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณคมน์ กล่าวอ้างท่านพระอาจารย์เป็นสรณะและเป็นองค์พยานด้วย พร้อมทั้งให้ความอารักขาแก่ท่านเป็นอย่างดี และขอนิมนต์ท่านพักอยู่ที่นี่ให้นาน ๆ ถ้าตามใจเขาแล้วไม่อยากให้ท่านจากไปสู่ที่อื่นตลอดอายุของท่าน เขาจะเป็นผู้คอยดูแลรักษาท่านทุกอิริยาบถ ไม่ให้มีอะไรมาเบียดเบียนหรือรังแกท่านได้เลย
ความจริงแล้วเขามิใช่บุรุษลึกลับและมีร่างกายดำสูงใหญ่ดังที่แสดงภาพต่อท่าน แต่เขาเป็นหัวหน้าแห่งรุกขเทวดา ซึ่งมีบริษัทบริวารมากมายที่อาศัยอยู่ในภูเขาและสถานที่ต่าง ๆ มีเขตอาณาบริเวณกว้างขวางมาก ติดต่อกันหลายจังหวัด มีนครนายก เป็นต้น
นับแต่ขณะจิตท่านสงบลงและระงับโรคจนหายสนิทไม่ปรากฏเลยประมาณเที่ยงคืน กับที่รุกขเทพมาเกี่ยวข้องและสนทนาธรรมกันจนถึงเวลาจากไป และจิตถอนขึ้นมาก็ประมาณ ๔.๐๐ นาฬิกา คือ ๑๐ ทุ่ม โรคที่กำลังกำเริบในขณะที่นั่งทำสมาธิภาวนา พอจิตถอนขึ้นมาปรากฏว่าหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องอาศัยยาอื่นใดรักษาอีกต่อไป โรคหายได้เด็ดขาดด้วยธรรมโอสถทางภาวนาล้วน ๆ จึงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากสำหรับท่านในคืนวันนั้น พอจิตถอนขึ้นมาแล้ว ท่านทำความเพียรต่อไปมิได้หลับนอนตลอดรุ่ง เมื่อออกจากที่ภาวนาแล้วร่างกายก็ไม่มีการอ่อนเพลีย แต่กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
คืนวันนั้นท่านได้เห็นความอัศจรรย์หลายอย่าง คือเห็นอานุภาพแห่งธรรมที่สามารถยังเทวดาให้หายพยศและเกิดความเลื่อมใสหนึ่ง จิตรวมสงบลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง และเห็นความอัศจรรย์ในขณะที่จิตสงบอยู่ตัวอย่างมีความสุขหนึ่ง โรคที่เคยกำเริบอยู่เสมอจนควรเรียกได้ว่าโรคประเภทเรื้อรังได้หายไปโดยสิ้นเชิงหนึ่ง จิตได้หลักยึดเป็นที่พอใจ หายสงสัยในสิ่งที่เคยเป็นมาหลายชนิดหนึ่ง อาหารที่ฉันลงไปในตอนเช้า แต่วันหลังกลับทำการย่อยตามปกติหนึ่ง ความรู้แปลก ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนได้ปรากฏขึ้นมากมาย ทั้งประเภทถอดถอนและประเภทประดับความรู้พิเศษตามวิสัยวาสนาหนึ่ง
ในคืนต่อไป ท่านบำเพ็ญเพียรด้วยความสะดวก และมีความสงบสุขทางใจอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายก็เป็นปกติสุข ไม่มีอาการใดก่อกวน บางคืนยามดึกสงัดก็ต้อนรับพวกรุกขเทพที่มาจากที่ต่าง ๆ จำนวนมากมาย โดยมีเทพลึกลับที่เคยทำสงครามวาทะกับท่านอาจารย์ เป็นผู้ประกาศโฆษณาให้ทราบและเป็นหัวหน้าพามา คืนที่ไม่มีเรื่องมาเกี่ยวข้องท่านก็สนุกบำเพ็ญสมาธิภาวนา
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
29
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:19
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร
(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)
ตั้งนะโม3จบ
ปัญจะ มาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิ
มุตตะมัง จะตุสัจจัง ปะกาเสติ
ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
โหตุ เม ชะยะมังคะลัง
ป้องกันอันตรายทั้งปวง ฯ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
30
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-5-21 15:21
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
3
4
/ 4 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...