ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย
นึกถึงผู้ตกอยู่ใต้อำนาจของความโกรธ จนทำสิ่งที่ยากเหมือนทำง่าย
ฆ่าได้แม้บุตรธิดาภริยาหรือสามีผู้เป็นที่รัก
ฆ่าได้แม้มารดาบิดาที่มีพระคุณเหนือเศียรเกล้าเหนือชีวิตจิตใจ
เมื่อวูบหนึ่งของความโกรธผ่านพ้นไปแล้ว จิตสงบจากความกำเริบแล้ว
ร่างไร้ชีวิตไร้วิญญาณของผู้เป็นที่รักที่มีพระคุณท้วมท้นก็นอนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าแล้ว
พระพุทธศาสนสุภาษิตอีกบทหนึ่งก็มีความหมายรับรองโทษของความโกรธไว้ชัดเจนดังนี้ คือ
“ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อนเหมือนถูกไฟไหม้”
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญาเถิด
ปัญญาที่สำคัญก็คือ มีสติเตือนตนเองว่า
เราจะรักษาตัวเรามิให้เศร้าโศก
รักษาคนทั้งโลกด้วยมิให้ถูกไฟแห่งความโกรธของเราเผาไหม้
เพราะใครก็ตาม เมื่อความโกรธเกิดแล้ว
ย่อมเผาไหม้ทั้งตัวเอง ทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
เป็นบาปกรรมที่ไม่ยอมทำดีกว่า ย่อมไม่พาไปสู่ภพชาติใหม่ที่น่าสะพรึงกลัว
และย่อมไม่ทำให้ภพชาติปัจจุบันเป็นภพชาติที่อ้างว้างว้าเหว่
เพราะดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า
“ญาติมิตรและสหายย่อมหลีกเลี่ยงคนมักโกรธ”
มาเป็นแวดล้อมด้วยญาติมิตรที่รักเถิดจะดีกว่าด้วยการ “ฆ่าความโกรธ” เสียเดี๋ยวนี้
: แส่งส่องใจ ๒๕๔๕
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก