การรู้ธรรม การเห็นธรรม อยู่ที่การปฏิบัติ
ฉะนั้นการรู้ธรรมะ การเห็นธรรมะ มันอยู่ที่การปฏิบัติ ขอให้เรามีศรัทธาเถอะ เราต้องทำจิตของเราให้มันดี คนในวัดทั้งวัดนั้นทำใจให้รู้สม่ำเสมอกันทุกคน เราจะไม่ต้องไปให้โทษใคร ไม่ต้องไปให้คุณใคร ไม่ต้องไปรังเกียจใคร ไม่ต้องไปรักใคร ถ้ามันเกิดโกรธเกิดเกลียดขึ้น ให้มันมีอยู่ที่ใจ ให้มันดูถนัดเท่านั้นแหละ ให้ดูไปเท่านั้นแหละ ดูไปเถอะ ถ้ามีอะไรมันยังอยู่ในนี้ ก็เรียกว่านั้นแหละต้องขูดมันตรงนั้น เราจะไปพูดว่า "ตัดไม่ได้ ตัดไม่ได้" ถ้าเอาได้นั่นมาพูด มันก็เป็นนักเลงโตกันหมดเท่านั้นแหละ อาศัยที่ว่ามันตัดไม่ได้ต้องพยายาม ตัดไม่ได้ต้องขูดมันสิ ขูดกิเลสเกลากิเลสนั่นแหละ ขูดมันออกซิ มันเหนียวแน่นนี่ มันเป็นอย่างนั้นเสีย ไม่ใช่ว่ามันเป็นของได้ตามปรารถนา ตามใจของเรานะธรรมะ จิตมันเป็นอย่างหนึ่ง ความจริงมันเป็นอย่างหนึ่ง ต้องระวังข้างหน้า ต้องระวังข้างหลัง ฉะนั้นท่านจึงบอกว่ามันไม่เที่ยง มันไม่แน่ ท่านย้ำเข้าไปอยู่เรื่อยๆ อย่างนี้
ความจริงคือสิ่งไม่เที่ยง
ความจริงคือความไม่เที่ยงนี้ ความจริงที่มันสั้นๆ กว้างๆ ถูกๆ นี้ไม่ค่อยพิจารณากัน เห็นไปเป็นอย่างอื่นเสีย ดีก็อย่าไปติดดี ร้ายก็อย่าไปติดร้าย สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่ในโลก เราจะปฏิบัติเพื่อหนีจากโลกอันนี้ให้มันสิ้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงให้วาง ให้ละ ก็เพราะอันนี้มันประกอบให้ทุกข์เกิดขึ้นนั่นเอง ไม่ใช่อย่างอื่นหรอก
กระทู้จากบอร์ดเก่าโพสโดยคุณ med_med
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11724