ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
พระพุทธชินศรี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 3382
ตอบกลับ: 2
พระพุทธชินศรี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-6-25 09:27
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
พระพุทธชินศรี
พระประธานในพระวิหารทิศตะวันตกมุขหน้า
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
“วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร”
เดิมชื่อว่า “วัดโพธาราม” เป็นวัดโบราณเก่าแก่
ซึ่งราษฎรสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
แม้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างวัดโพธารามที่แน่ชัด
แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นหลังจากปีพุทธศักราช ๒๒๓๑
ในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชาต่อกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เป็นวัดราษฎร์ขนาดเล็กอยู่ในเขตตำบลบางกอก ปากน้ำเจ้าพระยา เมืองธนบุรี
ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า “วัดโพธิ์” มาจนถึงกระทั่งทุกวันนี้
พระพุทธชินศรี หรือพระนาคปรก พระประธานในพระวิหารทิศตะวันตกมุขหน้า
เดิมเป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตักสามศอกคืบสิบนิ้ว อัญเชิญมาจากเมืองลพบุรี
ครั้นบูรณปฏิสังขรณ์แล้วจึงประดิษฐานไว้เป็นพระประธานในพระวิหารทิศตะวันตก
และได้สร้างพญานาคแผลงฤทธิ์และต้นจิกไว้ด้านหลังองค์พระประธานด้วย
จึงเรียกพระนามขององค์พระประธานว่า “พระนาคปรก” ดังปรากฏความใน
“จารึกเรื่องทรงสร้างวัดพระเชตุพนครั้งรัชกาลที่ ๑”
ว่า
“...พระพุทธรูปน่าตักสามศอกคืบสิบนิ้ว เชิญมาแต่ลพบุรีปติสังขรณ์เสรจ์แล้ว
ประดิษถานไว้ในพระวิหารทิศตะวันตกบันจุพระบรมธาตุ์ ถวายพระนามว่าพระนาคปรก
มีพญานาคแผลงฤทธิ์เลิกพั้งพานมีต้นจิกด้วยแลผนังนั้นเขียนเรื่องระเกษธาตุ์...”
พระพุทธรูปพระประธานในพระวิหารทิศตะวันตก มีเจตนาให้เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก
มาแต่ครั้ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑
พระองค์จึงถวายพระนามพระพุทธรูปว่า พระนาคปรก และทำพญานาคพร้อมด้วยต้นจิกประกอบ
แม้ว่าต่อมาจะอัญเชิญพระพุทธชินศรีจากสุโขทัย มาประดิษฐานแทนพระพุทธรูปองค์เดิม
แต่แนวคิดเรื่องการเป็นพระพุทธรูปนาคปรกก็มิได้สูญหายไป
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ จึงถวายพระนามใหม่ว่า
“พระพุทธชินศรีมุนีนารถ อุรุคอาศนบัลลังก์ อุทธังทิศภาคนาคปรก ดิลกภพบพิตร”
ซึ่งย่อมมีเจตนาให้มีความหมายถึงพระพุทธประวัติตอนนาคปรกนั่นเอง
ปัจจุบันภายใน
พระวิหารทิศตะวันตกมุขหน้า
มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก
ขนาดหน้าตัก ๕ ศอกคืบกับนิ้วหนึ่งประดิษฐานอยู่ นามว่า
“พระพุทธชินศรี”
หรือนามทางการว่า
“พระพุทธชินศรีมุนีนารถ อุรุคอาศนบัลลังก์ อุทธังทิศภาคนาคปรก ดิลกภพบพิตร”
และภายใน
พระวิหารทิศใต้มุขหน้า
มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตัก ๕ ศอกคืบกับนิ้วหนึ่งประดิษฐานอยู่ นามว่า
“พระพุทธชินราช”
หรือนามทางการว่า
“พระพุทธชินราช วโรวาทธรรมจักร อัครปฐมเทศนา นราศภบพิตร”
พระพุทธชินราช และพระพุทธชินศรีทั้ง ๒ พระองค์นี้ ปรากฏว่าเดิมได้ประดิษฐาน
อยู่ ณ เมืองสุโขทัย แต่ใครจะเป็นผู้สร้างและสร้างขึ้นเมื่อใดนั้นยากที่จะทราบได้
ถึงในศิลาจารึกครั้งสมัยรัชกาล
พระเจ้าขุนรามคำแหง
ก็กล่าวไว้แต่เพียงว่า
“กลางเมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฎฐารส
มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันงาม”
ดังนี้
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-25 09:29
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
และในศิลาจารึกครั้งสมัยรัชกาล
พระเจ้าลิไทย
ต่อนั้นมา ก็กล่าวไว้ว่า
“พระเจ้าลิไทยได้หล่อพระพุทธรูปด้วยทองสัมฤทธิ์และพระศรีอาริย์”
ดังนี้เป็นต้น
ในจารึกทั้ง ๒ รัชกาลนี้ หาได้กล่าวถึงพระพุทธชินราช และพระพุทธชินศรี ทั้ง ๒ พระองค์นี้ไม่
เพราะฉะนั้นจึงน่าจะสันนิษฐานว่าพระยาไสยฤาไทย ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระเจ้าลิไทย
ผู้ครองกรุงสุโขทัยต่อนั้นมาทรงพระนามว่า
พระมหาธรรมราชา
ได้สร้างขึ้น
เพื่อเป็นพระพุทธรูปสำคัญในรัชกาลของพระองค์ และคงจะได้ถวายพระนามว่า
พระพุทธชินราชพระองค์หนึ่ง พระพุทธชินศรีพระองค์หนึ่ง มาตั้งแต่แรกสร้างนั้นแล้ว
ดังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ ว่า
“ครั้นเสร็จการฉลองพระอารามแล้ว ภายหลังทรงพระกรุณาให้เชิญพระปฏิมากรทั้ง ๒
ซึ่งสถิตย์อยู่ในพระวิหารฝ่ายทักขิณทิศและประจิมทิศนั้น ขึ้นไปประดิษฐานไว้
ณ พระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ให้เชิญพระปฏิมากรทั้ง ๒ พระองค์
ซึ่งเชิญมาแต่เมืองสุโขทัย น่าตัก ๕ ศอกคืบกับนิ้วหนึ่งเท่ากัน
พระองค์หนึ่งทรงพระนาม
พระพุทธชินราช
เข้าประดิษฐานไว้แทนที่ในพระวิหารฝ่ายทักขิณทิศ
พระองค์หนึ่งทรงพระนาม
พระพุทธชินศรี
เข้าประดิษฐานไว้แทนที่ในพระวิหารฝ่ายประจิมทิศ”
ดังนี้
และพระนามทั้ง ๒ นี้ก็น่าจะเลียนอย่างพระนาม
พระพุทธชินราชและพระพุทธชินศรีเมืองพิษณุโลกนั้นด้วย
พระพุทธชินศรี เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ
ลักษณะคือพระชงฆ์ขวาวางอยู่เหนือพระชงฆ์ซ้าย
ทำให้แลเห็นฝ่าพระบาทขวาเพียงข้างเดียว ในขณะที่ฝ่าพระบาทซ้ายอยู่ใต้พระชานุขวา
พระหัตถ์ทำปางมารวิชัย ลักษณะคือพระหัตถ์ขวาวางอยู่หน้าพระชงฆ์ขวา
พระหัตถ์ซ้ายวางอยู่เหนือพระเพลา พระองค์ประทับอยู่บนขนดนาคซ้อนกัน ๔ ชั้น
เบื้องหลังเป็นพังพานและเศียรนาค ๗ เศียร และมีต้นจิกอยู่ถัดออกไปทางเบื้องหลัง
ตามปกติแล้วพระพุทธรูปปางนาคปรกนิยมทำพระหัตถ์ในท่าสมาธิ
พระหัตถ์ทั้งสองวางเหนือพระเพลา โดยพระหัตถ์ขวาวางบนพระหัตถ์ซ้าย
แต่พระพุทธชินศรีกลับอยู่ในท่ามารวิชัย เป็นสิ่งที่อยู่นอกแบบแผนประเพณี
ที่เป็นเช่นนี้อธิบายได้ว่า เพราะขนดนาคกับพระพุทธรูปมิได้สร้างขึ้นครั้งเดียวกัน
โดยขนดนาคทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ส่วนพระพุทธชินศรีสร้างขึ้นครั้งกรุงสุโขทัย
ซึ่งเป็นยุคสมัยที่นิยมพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นอย่างยิ่ง
สร้างขึ้นโดยมิได้ตั้งใจให้เป็นพระพุทธรูปนาคปรกมาแต่แรก
แต่ด้วยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ที่โปรดอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ มาประดิษฐานไว้เหนือขนดนาค
จึงทำให้เกิดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับอยู่บนขนดนาค
สำหรับในส่วนของนาคยังมีข้อน่าสังเกตเพิ่มเติมอีก กล่าวคือ
คัมภีร์พุทธศาสนาต่างพรรณนาเหตุการณ์นี้ว่าพญานาคมุจลินท์ขนดกาย
ล้อมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ รอบ และแผ่พังพานปกป้องพระเศียร
แต่ขนดนาคที่ปรากฏร่วมกันกับพระพุทธชินศรีกลับทำในลักษณะของบัลลังก์
ให้พระพุทธองค์ประทับ มิได้ล้อมรอบ และพังพานนาคก็มิได้ปกเหนือพระเศียรอย่างมิดชิด
แต่เหมือนแผ่อยู่เบื้องหลังมากกว่า แม้ว่าจะไม่สอดคล้องกับคัมภีร์พุทธศาสนา
แต่นาคในลักษณะเช่นนี้ก็นิยมทำกันมาเนิ่นนานแล้ว
และสร้างพลังศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี
ประหนึ่งว่าแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เหนือพญานาค แต่หากทำขนดนาคล้อมรอบ ๗ รอย
และแผ่พังพานคุ้มกันอย่างมิดชิด อาจให้ความรู้สึกอึดอัดต่อผู้พบเห็น
เพราะเสมือนว่าพระพุทธองค์กำลังถูกนาคทำร้าย
พระพุทธชินศรี
มีรูปแบบตามอย่างพระพุทธรูปสุโขทัย
สอดคล้องกันกับประวัติที่ระบุว่าอัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย
แต่ทั้งนี้ลักษณะบางประการโดยเฉพาะพระพักตร์ในสมัยรัชกาลที่ ๑
โปรดให้อัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย
แต่ทั้งนี้ลักษณะบางประการโดยเฉพาะพระพักตร์
ก็ดูละม้ายกับพระพุทธสมัยรัตนโกสินทร์อยู่บ้าง ชวนให้นึกถึงข้อมูลเอกสารที่ระบุว่า
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธรูปที่ชำรุดหักพังจากหัวเมืองต่างๆ
คือ พิษณุโลก สวรรคโลก สุโขทัย ลพบุรี อยุธยา
จำนวน ๑,๒๔๘ องค์
มาปฏิสังขรณ์ อาทิ ต่อพระศอ พระเศียร พระบาท
พระหัตถ์ที่ชำรุดเสียหาย แปลงพระพักตร์ แปลงพระองค์ให้งดงาม
อาจเป็นไปได้ว่า
พระพุทธชินศรี
ก็เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาในครั้งนี้ด้วย
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-25 09:31
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“พระพุทธชินศรี” พระประธานในพระวิหารทิศตะวันตกมุขหน้า
คัดลอกเนื้อหาบางตอนมาจาก ::
วัดประจำรัชกาลที่ ๑ : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19426
...............................................................................
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=47905
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...