ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
พระองค์ที่ ๘ : สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
1
2
3
4
/ 4 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
พระองค์ที่ ๘ : สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
21
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:22
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระมหาเจดีย์ใหญ่ หรือพระเจดีย์กลม
“..เมื่ออัญเชิญออกจากวิหารนั้น ราษฎรพากันมีความเศร้าโศกร้องไห้เป็นอันมาก
เงียบเหงาสงัดไปทั้งเมือง เหมือนศพลงเรือน แลแต่นั้นมาฝนก็แล้งไป ๓ ปี
ชาวเมืองพิษณุโลกได้ความยากยับไปเป็นอันมาก ตั้งแต่พระพุทธชินสีห์ลงมาถึง
กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพก็ทรงพระประชวรพระโรคมานน้ำ
ได้ปีเศษก็เสด็จสวรรคต ราษฎรพากันกล่าวว่า
เพราะเหตุที่ไปอัญเชิญพระพุทธชินสีห์อันเป็นสิริของเมืองพิษณุโลกลงมา..”
‘พระพุทธชินสีห์’ แต่เดิมประดิษฐานไว้ในมุขหลังของ
พระอุโบสถของวัดบวรนิเวศวิหารที่เป็นจตุรมุข
ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมัยยังทรงผนวช
และทรงครองวัดบวรนิเวศวิหารนั้น ได้ทูลขอพระบรมราชานุญาต
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
อัญเชิญพระพุทธชินสีห์มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
ออกสถิตหน้าพระสุวรรณเขตหรือพระโต พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ดังทุกวันนี้
พระพุทธชินสีห์ประทับบนแท่นหล่อสำริด สถิตสถาพรมั่นคง
ภายใต้ฉัตรตาล ๙ ชั้น ดูร่มเย็นเป็นสุข พระอุณาโลมฝังเพชร
มีเครื่องราชสักการะ ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ถวายเป็นพุทธบูชา
เป็นพระพุทธรูปที่พระมหากษัตริย์ชาติไทย
เสด็จพระราชดำเนินมาถวายเครื่องราชสักการะสืบมายาวนาน
พระบรมรูปหล่อรัชกาลที่ ๔ ประดิษฐานอยู่ด้านข้างพระมหาเจดีย์ใหญ่
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนับถือเลื่อมใสพระพุทธชินสีห์มาก
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๓ ได้โปรดให้ทำกาไหล่พระรัศมีองค์พระด้วยทองคำ
ฝังพระเนตรฝังเพชรใหม่ และตัดพระอุณาโลม แล้วปิดทองทั้งองค์พระ
ปี พ.ศ. ๒๓๙๗ ทรงให้หล่อฐานด้วยทองสำริด ปิดทองใหม่ทั้งองค์พระและฐาน
เบื้องหน้าพระพุทธชินสีห์มีโต๊ะหมู่บูชาตั้งอยู่บนฐานชุกชีที่รับฐานพระ
ถัดลงมาเป็นม้าหมู่บูชา ๓ ที่ เป็นผลงานการออกแบบของ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
สถาปนิกเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระรูปหล่อ ๓ องค์
ซึ่งประดิษฐานเรียงกันบนฐานชุกชี ประกอบไปด้วย
พระรูปหล่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
(พระองค์เจ้าฤกษ์ ปญฺญาอคฺโค)
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๘
พระรูปหล่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
(พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มนุสฺสนาโค)
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐
และพระรูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต)
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓
ซึ่งทุกพระองค์ทรงเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
22
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:23
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระรูปหล่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
(สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ถัดจากพระอุโบสถออกไปเป็น
พระมหาเจดีย์ใหญ่ หรือพระเจดีย์กลม
มีขนาดใหญ่สีทองสุกใสตั้งสูงโดดเด่นเป็นสง่า มองเห็นแต่ไกล
ตรงกลางประดิษฐานพระเจดีย์ที่คะเนว่าสูงจากฐานประมาณ ๔ เมตรกว่า
พระเจดีย์องค์นี้มีฐานกลม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
หุ้มกระเบื้องสีทองในรัชกาลปัจจุบัน รอบฐานพระเจดีย์มี
ศาลาจีนและซุ้มจีน
ส่วนด้านข้างของพระเจดีย์มี
พระบรมรูปหล่อรัชกาลที่ ๔
ประดิษฐานอยู่
โดยทั่วไปไม่สามารถเข้าไปชมด้านในองค์พระเจดีย์ได้
เนื่องจากทางวัดจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในวันสำคัญๆ เท่านั้น
สำหรับพระเจดีย์ที่น่าสนใจอีกองค์หนึ่งก็คือ
พระเจดีย์ไพรีพินาศ
ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เจดีย์องค์นี้เป็นที่ประดิษฐาน
พระไพรีพินาศ
พระพุทธรูปปางประทานพร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญและมีชื่อเสียงของวัด
แม้ว่าทางวัดจะไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าสักการะพระไพรีพินาศ
แต่ว่าทางวัดก็ได้สร้างพระไพรีพินาศจำลองไว้ให้สาธุชนกราบไหว้แทน
พระรูปหล่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
(สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ข้างหลังพระเจดีย์กลมออกไปเป็น
พระวิหารเก๋งจีน
ข้างในมีภาพเขียนฝีมือช่างจีน เทคนิคและฝีมืออยู่ในเกณฑ์ดี
ถัดจากพระวิหารเก๋งจีนเป็น
พระวิหารพระศาสดา
ซึ่งเป็นพระวิหารขนาดใหญ่แบ่งเป็น ๒ ห้อง มีประตูทะลุผ่านกันได้
มุขหน้าประดิษฐาน
พระศาสดา
พระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๔
โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากวัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ
เชื่อกันว่าเมื่อได้สักการบูชาแล้วจะมีอำนาจบารมีอันศักดิ์สิทธิ์
ปกปักรักษาจากสิ่งชั่วร้ายให้กับผู้ประพฤติธรรม
ส่วนมุขหลังประดิษฐาน
พระพุทธไสยาสน์ หรือพระไสยา
กล่าวกันว่า งดงามที่สุดในบรรดาพระไสยาสน์ในเมืองไทย
เป็นพระศิลาลงรักปิดทองศิลปะสุโขทัย สร้างขึ้นราว พ.ศ. ๑๘๐๐-๑๘๙๓
ยาวแต่พระบาทถึงพระจุฬา (พระเกศ) ๖ ศอกคืบ ๕ นิ้ว พระรัศมี ๑ คืบ
เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระพายหลวง อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
23
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:25
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระรูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
พระพุทธไสยาสน์ หรือพระไสยา เป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๔
ทรงทอดพระเนตรเห็นเมื่อครั้งยังทรงผนวช
และเสด็จไปประพาสวัดพระพายหลวง เมืองสุโขทัย
ด้วยลักษณะเป็นพระไสยาศิลาลงรักปิดทองที่งามกว่าพระไสยาองค์อื่น
ดังนั้นเมื่อเสด็จมาประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในพระวิหารเดียวกันกับพระศาสดา
โดยเรื่องนี้
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ทรงนิพนธ์ถึงเรื่องของพระองค์นี้ไว้ในหนังสือตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร
ความตอนหนึ่งว่า
“พระศิลาอย่างนี้ไม่ได้ทำไว้เพื่อประดิษฐานเป็นพระศิลาอย่างเดิม
ทำพอเป็นแกนที่เป็นพระใหญ่ต่อเป็นท่อน เพราะอย่างนี้จึงได้ลงรักปิดทอง...”
ภายหลังเมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงสิ้นพระชนม์
จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระอัฐิไปบรรจุไว้ในฐานพระไสยาองค์นี้
เชื่อกันว่า การกราบไหว้พระไสยาจะทำให้เป็นผู้ใจสงบ มีสมาธิ คนรักใคร่
ภายในพระวิหารพระศาสดามีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง
อายุนับร้อยๆ ปี เรื่องพระพุทธประวัติ ชาดก และเหล่าเทวดา ฯลฯ
อันวิจิตรงดงาม มีสีสันสดสวย ทรงคุณค่าและประมาณค่ามิได้
พระศาสดา ประดิษฐาน ณ พระวิหารพระศาสดา
ในบริเวณพุทธาวาสนั้นยังมีศิลปกรรมน่าสนใจอีกหลายอย่างเช่น
ศาลาพระพุทธบาท
เป็นศาลาห้องกระจก ตั้งอยู่ข้างพระอุโบสถ
ที่ภายในศาลาแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน
รอยพระพุทธบาทจำลอง
เป็นรอยพระพุทธบาทของเก่าแก่โบราณสมัยสุโขทัยที่อายุราว ๑ พันปี
ซึ่งเป็นแผ่นศิลาขนาดใหญ่สลักรอยพระพุทธบาทคู่
ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ได้ทรงอัญเชิญมาจากจังหวัดชัยนาท
นับว่าต่างจากรอยพระบาททั่วไปที่จะมีเพียงรอยพระบาทเดี่ยว
บนรอยพระพุทธบาทจำลองมีเหรียญต่างๆ วางอยู่ข้างบน
เนื่องจากผู้คนที่แวะเวียนมามักจะวางเหรียญเพื่อเป็นการสักการบูชา
เชื่อกันว่าเมื่อได้สักการบูชาแล้วจะพ้นจากภัยพาลเคราะห์ร้าย
อีกทั้ง
พลับพลาเปลื้องเครื่อง
ซึ่งสร้างขึ้นเป็นเครื่องแสดงว่า
วัดแห่งนี้ได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จเปลื้องเครื่องทรงในศาลานี้ก่อนเสด็จเข้าวัด
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
24
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:26
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พลับพลาเปลื้องเครื่อง
นอกจากนี้ ตรงประตูทางเข้าวัดบวรนิเวศวิหาร
ด้านหน้าพระอุโบสถ มี
“ประตูเซี่ยวกาง”
ศิลปะทวารบาลที่ได้รับอิทธิพลจากจีนมาอย่างเด่นชัด
โดยประตูเซี่ยวกางแห่งนี้เป็นรูปเทวดาผี ใช้ไม้แกะเป็นรูปเทวดา
หนวดเครายาว ปิดทองเหลืองอร่าม ตนหนึ่งมือซ้ายถือสามง่าม มือขวาถือกริช
เหยียบบนหลังจระเข้ อีกตนหนึ่งมือขวาถือโล่ มือซ้ายถือดาบ เหยียบบนหลังมังกร
มีตำนานอยู่ในลัทธิมหายานว่า เป็นจอมแห่งเทวดาผู้พิทักษ์ประตูวัด
ซึ่งกรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพย์ ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามคตินิยมแบบจีน
คำว่าเซี่ยวกาง สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า
“เซ่ากัง”
ที่แปลว่า ยืนยาม นั่นเอง
ส่วนที่แปลกและสะดุดตาของคนที่เดินทางผ่านไป-มา ก็คือ
บริเวณปากของ
“เซี่ยวกาง”
นายทวารบาล จะมีสีดำ
ซึ่งแม่ค้าพวงมาลัยหน้าประตูวัดเล่าว่า สมัยก่อนยุคที่เมืองไทยยังดูดฝิ่น
ได้มีชาวจีนคนหนึ่งติดฝิ่นงอมแงม
พอต่อมาทางการได้ปราบทำลายโรงงานยาฝิ่นจนหมดสิ้น
เมื่อแกหาฝิ่นดูดไม่ได้ สุดท้ายเลยไปลงแดงตายตรงประตูนี้
“ประตูเซี่ยวกาง” ที่มีปากสีดำอันโดดเด่นของวัดบวรนิเวศวิหาร
หลังจากเมื่อทางวัดมาพบจึงได้ทำพิธีกงเต๊กให้
ต่อมาชาวจีนคนนั้นได้ไปเข้าฝันสมเด็จท่านเจ้าอาวาส
ว่าให้ทำที่ให้แกอยู่แล้วแกจะเฝ้าวัดให้ ทางวัดจึงได้สร้างกำแพงทำซุ้มประตู
แล้วอันเชิญดวงวิญญาณชาวจีนคนนั้นมาสถิตย์อยู่ ณ ประตูแห่งนี้
ต่อมาก็มีเรื่องเล่ากันว่าของในวัดที่เคยถูกขโมยไปหลายครั้ง
ล้วนได้คืนกลับมาหมดด้วยความศักดิ์สิทธิของดวงวิญญาณคนจีนที่คอยเฝ้าวัด
ทำให้เกิดการสักการบูชาประตูเซี่ยวกางขึ้น ซึ่งหลายๆ คนต่างเชื่อกันว่า
ถ้าบนอะไรแล้ว ก็จะได้สิ่งนั้นตามที่ขอหมด
โดยนิยมนำฝิ่นมาป้ายปาก และนำถุงโอยัวะกับพวงมาลัยมาแขวนบูชา
ในช่วงรัชกาลที่ ๒ หรือรัชกาลที่ ๓ พวกคนจีนเข้ามาในเมืองไทยมาก
เพื่อมาเป็นแรงงาน คนจีนพวกนี้ส่วนมากจะสูบฝิ่นติดฝิ่น
แล้วอาจจะมาขอหวยอะไรทำนองนี้ แล้วปรากฏว่าถูก
คิดว่าเราเองชอบฝิ่น เจ้าก็คงชอบเหมือนกัน เลยเอาขี้ฝิ่นดิบมาป้ายปาก
ปากก็เลยมีสีดำ แต่ในปัจจุบันความเชื่อมันก็เริ่มกลายไป
กลายเป็นว่าท่านโปรดของดำทั้งหมดเลย เหมือนพระราหู
พอเราผ่านไปก็เลยเห็นเป็นถุงโอยัวะบ้าง
ถุงโอเลี้ยงบ้าง ถุงซุปไก่ดำบ้าง ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
25
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:27
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ศาลาพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง
รอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งเป็นแผ่นศิลาสลักรอยพระพุทธบาทคู่
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
26
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:27
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระตำหนักปั้นหยา
• ศิลปกรรมล้ำค่าในเขตสังฆาวาส
ศิลปกรรมในเขตสังฆาวาสส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔
เพื่อเป็นพระตำหนักที่ประทับของพระมหากษัตริย์ขณะทรงผนวชในวัดนี้
พระตำหนักต่างๆ ที่อยู่ในคณะพระตำหนัก ประกอบด้วย พระตำหนักปั้นหยา
พระตำหนักจันทร์ พระตำหนักเพ็ชร์ พระตำหนักทรงพรต พระตำหนักใหญ่
พระตำหนักซ้าย พระตำหนักล่าง พระตำหนักบัญจบเบญจมา และหอสหจร
ความเป็นมาของพระตำหนักต่างๆ เริ่มจาก
พระตำหนักปั้นหยา
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างพระราชทาน
พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฏฯ เมื่อทรงอาราธนาให้เสด็จมาประทับที่วัดแห่งนี้
และประทับอยู่ที่พระตำหนักปั้นหยาตลอดระยะเวลาแห่งการผนวช
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาจากสวนขวาในพระบรมมหาราชวัง
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
พระตำหนักจันทร์ (พระตำหนักเดิม)
ต่อมา พระตำหนักนี้ได้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์
และเจ้านายทุกพระองค์ที่ทรงผนวชและเสด็จประทับอยู่ที่วัดแห่งนี้
รูปทรงของพระตำหนักเป็นตึก ๓ ชั้น สถาปัตยกรรมแบบยุโรป
ก่ออิฐถือปูน หน้าจั่วประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ
ภายในแบ่งเป็นห้องพระ ห้องพระบรรทม และห้องทรงพระอักษร
อีกทั้งยังมีคำจารึกที่แผ่นศิลาในพระตำหนักปั้นหยาชั้นล่าง
พระตำหนักปั้นหยาตั้งอยู่ทางซ้ายมือของคณะพระตำหนักต่างๆ
เป็นเขตหวงห้ามสำหรับสตรี คือห้ามมิให้สตรีเพศขึ้นพระตำหนักนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
27
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:32
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ที่ประทับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระตำหนักจันทร์ (พระตำหนักเดิม)
ถัดจากพระตำหนักปั้นหยาคือ
พระตำหนักจันทร์ (พระตำหนักเดิม)
เป็นพระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ทรงสร้างด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์ของ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าจันทราสรัทธาวาส กรมขุนพิจิตเจษฐฃฏาจันทร์
ถวายเป็นที่ประทับของ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโรรส
ในบริเวณพระตำหนักจันทร์ด้านทิศตะวันออก ติดกับรั้วเหล็กมีศาลาเล็กๆ
มีพาไล ๒ ด้าน ฝาล่องถุนก่ออิฐถือปูน โถงเป็นเครื่องไม้ หลังคามุงกระเบื้อง
ศาลาหลังนี้เดิมเป็นพลับพลาที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงสร้างไว้ในสวนพระราชวังเดิม
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาปลูกไว้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒
พระตำหนักเพ็ชร
พระตำหนักเพ็ชร
ตั้งอยู่ทางขวามือเมื่อเข้าจากทางหน้าวัด
เป็นพระตำหนัก ๒ ชั้นแบบฝรั่ง มุขหน้าประดับด้วยลวดลายไม้ฉลุงดงาม
พระตำหนักนี้
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
เมื่อครั้งยังทรงผนวช ได้สร้างถวายด้วยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์
เพื่อให้เป็นที่ทรงงาน และเป็นท้องพระโรงสำหรับรับแขกของ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
โดยมีการฉลองพระตำหนักเพ็ชร เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๗
ภายในห้องพระโรงเป็นที่ประดิษฐาน
พระบรมรูปหล่อรัชกาลที่ ๔
ซึ่งปั้นขึ้นมาเป็นต้นแบบขนาดเท่าพระองค์จริงเป็นองค์แรก
และได้กลายเป็นต้นแบบของพระบรมรูปหล่อต่างๆ ในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน พระตำหนักเพ็ชรใช้เป็นสถานที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม
และเป็นสถานที่เก็บรักษาตู้พัดยศ พัดรอง กล่องงาแกะสลักรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เครื่องบริขารสงฆ์ เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนๆ
พระตำหนักทรงพรต
เป็นพระตำหนักที่ทรงเคยประทับ
ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน
ครั้งทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
อย่างไรก็ตามศิลปกรรมและถาวรวัตถุของวัดบวรนิเวศวิหาร
ยังมีอีกมากมายหลายอย่างซึ่งส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพดี
นอกจากนี้ในเขตสังฆาวาสยังเป็นที่ประดิษฐาน
พระไพรีพินาศจำลอง
พระพุทธรูปปางประทานพร ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระเจดีย์กลมมากนัก
เมื่อเดินเข้าไปจะมีป้ายบอกทางชี้บอกไว้
เดินตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางข้ามสะพานข้ามน้ำเล็กๆ
มองไปทางขวามือก็จะเห็น
ศาลาพระไพรีพินาศจำลอง
พระไพรีพินาศจำลองประดิษฐานอยู่ในเขตสังฆาวาส
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
28
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระตำหนักเพ็ชร
• ความสำคัญของวัดบวรนิเวศวิหาร
ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย
วัดบวรนิเวศวิหาร ถือเป็นวัดที่มีความเคลื่อนไหว
ทางศาสนาที่สำคัญๆ หลายประการ ถือกำเนิดขึ้น อาทิ
- ความพยายามในการปฏิรูปสงฆ์ไทย ซึ่งทำให้เกิด
“นิกายธรรมยุต”
ขึ้นมา
- ความพยายามในการก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรก ได้แก่
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
สมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
- ความพยายามในการริเริ่มตรวจชำระคัมภีร์ภาษาบาลี
โดยความริเริ่มของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
- ความพยายามในการก่อตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกที่คนไทยเป็นเจ้าของ
จนวิวัฒนาการมาเป็น
โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย
ดังในปัจจุบัน
- ความพยายามในการรื้อฟื้นมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
โดยมีวัดบวรนิเวศวิหารสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
จนประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยสงฆ์ไว้ผลิตศาสนทายาทที่เหมาะสมแก่สมัย
- ความพยายามในการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐแห่งแรกของประเทศ
- วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่ตั้งของ
“พระตำหนักเพ็ชร”
ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
29
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:41
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ วัดบวรนิเวศวิหารยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช
องค์พระประมุขแห่งคณะสงฆ์ไทย ถึง
๔ พระองค์
ด้วยกัน ได้แก่
(๑)
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร
และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
(๒)
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๒ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร
และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
(๓)
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๓ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร
และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
(๔)
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)
ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๔ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร
และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ พระองค์ปัจจุบันแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อครั้งทรงเป็น “พระอภิบาล”
ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน
ในระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)
พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค
แต่ในเวลาเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเน้นหนักในด้านจิตตภาวนา
โดยได้ทรงฝึกสมาธิจิตทั้งสมถและวิปัสสนากรรมฐาน
ตามแนวทางปฏิบัติของพระป่ามาเป็นระยะเวลานาน
ครั้นต่อมา
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต)
วัดบวรนิเวศวิหาร พระราชอุปัธยาจารย์
ของ
พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน
ทรงเลือกพระองค์เมื่อครั้งทรงเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่
พระโศภณคณาภรณ์
ให้เป็น
“พระอภิบาล”
(พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ
วัดบวรนิเวศวิหาร
โดยเสด็จมาประทับ ณ
พระตำหนักปั้นหยา
หนึ่งคืนตามพระราชประเพณี
แล้วจึงเสด็จมาประทับ ณ
พระตำหนักทรงพรต
ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๒ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ที่เสด็จออกทรงพระผนวชขณะทรงครองราชย์อยู่
(พระองค์แรกคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕)
และทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ที่ได้เสด็จออกทรงพระผนวชต่อจากพระบูรพกษัตราธิราชเจ้ารัชกาลที่ ๔-๗
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
30
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-7 11:41
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“ปัญจมหาราชา” ๕ พระบูรพกษัตราธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
คือรัชกาลที่ ๔-๗ และรัชกาลที่ ๙ ภายใต้ร่มเงาเศวตฉัตรแห่งพระบวรพุทธศาสนา
ดังนั้น พระบูรพกษัตราธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ภายใต้ร่มเงาเศวตฉัตรแห่งพระบวรพุทธศาสนา ปัจจุบันมี ๕ พระองค์
เรียกว่า
“ปัญจมหาราชา”
ประกอบด้วยรัชกาลที่ ๔-๗ และรัชกาลที่ ๙
ในระหว่างทรงผนวช พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน
ได้ทรงดำรงสมณเพศ ประทับทรงปฏิบัติพระธรรมวินัย
อยู่ในสำนักสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ณ
วัดบวรนิเวศวิหาร
ตลอด ๑๕ ราตรี
ระหว่างวันจันทร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ถึง วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙
ทรงลาผนวชเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๙
แม้เมื่อทรงลาผนวชแล้ว พระองค์ยังคงเสด็จมาประทับ
นั่งสมาธิกรรมฐานเป็นครั้งคราว ณ
พระตำหนักทรงพรต
อนึ่ง วัดบวรนิเวศวิหารยังเป็นที่ตั้งของ
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ เป็นสถานศึกษาชั้นสูงของคณะสงฆ์
ต่อมา
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ได้ทรงประกาศตั้งสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘
ซึ่งนับเป็นสถาบันการศึกษาสงฆ์ระดับมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต)
ทรงประทับหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงฉายเมื่อพระชนมายุ ๗๔ พรรษา
หลังจากนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย
ก็ประกาศตั้งมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในวัดมหาธาตุฯ
ในปัจจุบัน วัดบวรนิเวศวิหารยังเป็นที่พำนักของพระภิกษุนาคหลวง
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายรูป
และยังเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งทรงผนวช
รวมทั้ง เป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ อาทิเช่น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ครั้งทรงผนวชอีกด้วย
ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงผนวช
และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
ประติมากรของกรมศิลปากรปั้นหุ่นและสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร
โดยทรงเสด็จพระราชดำเนินหล่อพระพุทธรูป เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ได้ถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า
“พระพุทธนาราวันตบพิตร”
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
3
4
/ 4 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...