การบรรพชาอุปสมบท เมื่ออายุครบเข้าเขตบรรพชาอุปสมบทในปี พ.ศ.๒๔๖๓ นางทองดำ ก็ได้นำนายไข่แดงไปฝากอาจารย์เฉยที่วัดท่าสูงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เรียนบวชตามความตั้งใจของแกที่มีความปรารถนาเป็นหนักเป็นหนาแล้วว่า อุตส่าห์ เอามาล้ำเลี้ยงรักษาไว้ตั้งแต่ยังแดงๆ เมื่อรอดเหยี่ยวรอดกาแล้วจะได้พลอยพยุงชายจีวรกับเขาสักครั้งก็แล้วกัน และ แกได้มอบกำชับกับท่านสมภารว่า ขอให้แกกรุณาช่วยเอาใจใส่ ให้พอบวชได้สักแต่วันสองวันก็ไม่ว่า ท่านสมภารก็รับปากจะช่วยสอนดูต่อไป ส่วนนายไข่แดงเมื่อกลับมาอยู่วัดครั้งนี้ก็ตั้งใจทำความจำทางหูเพียงอย่างเดียว คือในชั้นแรกท่านสอนให้ว่าตาม ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ยะถาปัจยัง” เป็นต้น ภายในไม่กี่จบนายไข่แดงก็จำได้ดี ครั้นต่อมานายไข่แดงก็ไม่ต้องมาหาท่านอาจารย์นำให้ว่าอีกคือ เขานอนฟังเพื่อนๆที่กำลังเรียนจะเป็นข้อไหนบทไหนนายไข่แดงก็จำได้เช่นเดียวกัน และกลับจำได้เสียก่อนตัวผู้เรียนเสียอีก ความทรงจำของนายไข่แดงที่เป็นไปได้เช่นนี้ เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก ทำให้พวกเพื่อนๆงวยงงไปตามๆกัน บางวันก็กลับมากินข้าวในตอนเย็นถูกนางทองดำถามอยู่เสมอว่า อย่างไรลูกจะได้บวชกับเขาด้วยหรือเปล่า แกก็ได้รับคำตอบจากนายไข่แดงว่า แล้วปรือจะไม่ได้บวช ตอบอยู่อย่างนี้เสมอมา นางทองดำก็มีความยินดีเป็นอย่างมากด้วยคิดว่าสิ่งที่แกปรารถนาคงไม่ผิดหวังแน่แล้ว ต่อมาจนถึงวันกำหนดจะบวช ท่านอาจารย์ก็ได้นิมนต์ พระครูวิสุทธิจารี เจ้าอาวาสวัดจันพอ มาเป็นพระอุปัชฌายะ และ บอกกับเจ้านาคทุกคนให้ไปบอกทางบ้านเพื่อตระเตรียมตัวจัดเครื่องบริขารให้ครบถ้วน ตามกำหนดไว้ตามพระวินัย เจ้านาคไข่แดงก็ได้กลับไปยังบ้าน บอกนางทองดำ ว่า แม่..ท่านอาจารย์ได้ไปนิมนต์พระอุปัชฌายะมาบวชแล้ว ให้แม่ไปถามท่านอาจารย์ดูว่าท่านจะกำหนดวันไหนเป็นวันบวชก็ไม่รู้ นางทองดำเมื่อได้ฟังนั้นก็มีความยินดีเป็นอันมาก รีบออกจากบ้านลุกลันมุ่งหน้าไปสู่วัดท่าสูงทันที ถึงวัดแล้วตรงเข้าหาท่านสมภารนั่งพับเพียบเรียบร้อยยกมือไหว้กราบลงสามครั้ง ท่านสมภารจึงเอ่ยขึ้นว่าโยมมาธุระอะไรหรือ นางทองดำจึงตอบว่า ฉันมาธุระเรื่องการบวชนาค ไหนว่าท่านสมภารได้ไปนิมนต์ท่านพระอุปัชฌาย์มาแล้ว กำหนดวันไหนเป็นวันบวชไม่ทราบ ท่านอาจารย์เฉยตอบว่า ฉันกำหนดวันบวชในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ นี้เอง ให้โยมรีบตระเตรียมข้าวของเครื่องบริขารสำหรับนาคไข่แดงด้วย เขาจำได้แม่นยำดีแล้ว แปลกมากนาคคนนี้ ฉันคิดว่ามันคงจะไม่ได้บวชมากกว่า แต่แล้วมันกลับทรงจำ ได้ดีกว่าคนอื่นๆที่เขาอ่านหนังสือออกเสียอีก นางทองดำเมื่อได้รับทราบจากท่านสมภารเช่นนั้น ก็ยิ่งมีความปิติยินดีเป็นอันมาก รีบกลับมาบอกญาติพี่น้อง พร้อมทั้งนายหนูและนางซังผู้เป็นมารดาเดิมของเจ้านาคไข่แดงด้วย ฝ่ายนายหนูกับนางซังเมื่อได้ทราบข่าวกำหนดวันบวชของบุตรชาย ต่างก็ดีอกดีใจเป็นอันมาก รีบบอกญาติพี่น้องให้ไปร่วมบุญพร้อมกัน ตามวันเวลาที่ท่านสมภารได้กำหนดมา บรรดาญาติพี่น้องทุกคนต่างก็มีความยินดี และแปลกใจไปตามๆกัน บางคนถึงกับพูดออกปากว่า ช่างเป็นบุญแท้ๆซึ่งไม่มีใครเคยคิดเลยว่าจะได้บวช เพราะหนังสือก็อ่านไม่ออกสักตัว ครั้นถึงวันกำหนดการบรรพชาอุปสมบท บรรดาพวกญาติโยมก็ได้พร้อมพรั่งที่วัดท่าสูง เพื่อร่วมบุญในการบรรพชาอุปสมบทแก่เจ้านาคไข่แดง ส่วนฝ่ายสงฆ์ท่านอาจารย์เฉยได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว โดย...ท่านพระครูวิสุทธิจารี เจ้าอาวาสวัดจันพอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระ........(สืบค้นไม่พบ..........เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดทอง (พระครูสุวรรณสารธารี) วัดพระอาสน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เจ้านาคไข่แดงได้กล่าวขานนาคถูกต้องคล่องแคล่วชัดเจนได้ดีประชุมสงฆ์ครบองค์ กำหนดเป็นปกตัตต์ในพัทธสีมาวัดท่าสูง การอุปสมบทก็ได้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยในวันนั้น จนเสร็จจบพิธีลง พระอุปัชฌาย์ให้นามว่า พระแดง ฉายา จันทสโร ตัดคำว่าไข่ออกเสียตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เมื่อได้อุปสมบทแล้วได้จำพรรษากับท่านอาจารย์เฉยที่วัดท่าสูงต่อมา เล่าเรียนการสวดมนต์ สวดพระธรรมวินัย ตามที่ท่านอาจารย์สั่งสอนแนะนำให้ การเรียนมนต์ก็เรียนตามหูเช่นเคย คือการฟังบรรดาพระเพื่อนๆเขาเรียน บทใด สูตรใด พระแดงก็จำได้ดีทุกบททุกสูตร เมื่อสวดมนต์ที่ไหน เมื่อไหร่ พระแดงก็สวดได้ถนัดชัดเจน เช่นเดียวกันกับบรรดาเพื่อนพระอื่นๆเขาทั้งหลาย ตั้งแต่ได้อุปสมบทมาแล้วก็ได้อยู่กับท่านอาจารย์เฉยที่วัดท่าสูงถึง ๕ พรรษา
|