ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พญานาคกับพระพุทธศาสนา : มมร.

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 11:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในกาลครั้งนั้น มีมาณพชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่ง
ไปเมืองตักกศิลาเรียนอาลัมภายนมนต์   
ในสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์   
เดินทางกลับบ้านของตนโดยผ่านมรรคานั้น
เห็นพระมหาสัตว์เจ้าแล้วคิดว่า   

เราจักจับงูนี้บังคับให้เล่นกีฬาในคามนิคมราชธานีทั้งหลาย
ยังทรัพย์ให้เกิดขึ้น จึงหยิบทิพโอสถ ร่ายทิพมนต์  
ไปยังสำนักของพระมหาสัตว์เจ้า

จำเดิมแต่พระมหาสัตว์เจ้าสดับทิพมนต์
แล้วเกิดอาการเหมือนซี่เหล็กร้อนยอนเข้าไปในพระกรรณทั้งสอง  
เบื้องพระเศียรปวดร้าวราวกะถูกเหล็กสว่านไช   

พระมหาสัตว์เจ้าทรงรำพึงว่านี่อย่างไรกันหนอ
จึงยกพระเศียรขึ้นจากวงภายในขนดแลไป   
ได้เห็นหมองูแล้วดำริว่าพิษของเรามากมาย   

ถ้าเราโกรธแล้วพ่นลมจมูกออกไป  
สรีระของหมองูนี้จักย่อยแหลกไปเหมือนกองเถ้า   
แต่เมื่อทำเช่นนั้นศีลของเราก็จักด่างพร้อย   
เราจักไม่แลดูหมองูนั้น  
ท้าวเธอจึงหลับพระเนตรทั้งสอง
ทอดพระเศียรไว้ภายในขนด

พราหมณ์หมองูเคี้ยวโอสถแล้วร่ายมนต์พ่นน้ำลาย   
ลงที่สรีรกายของพระมหาสัตว์ด้วยอานุภาพแห่งโอสถและมนต์  
เรือนร่างของพระมหาสัตว์ในที่ซึ่งถูกน้ำลายรดแล้ว ๆ
ปรากฏเป็นเสมือนพองบวมขึ้น  

ครั้งนั้นพราหมณ์หมองู   
จึงฉุดหางพระมหาสัตว์ลากลงมาให้นอนเหยียดยาว
บีบตัวด้วยไม้กีบแพะทำให้ทุพพลภาพ
จับศีรษะให้มั่นแล้วบีบเค้น   

พระมหาสัตว์จึงอ้าปากออก  
ทีนั้นพราหมณ์หมองู
จึงพ่นน้ำลายเข้าไปในปากของพระมหาสัตว์
แล้วจัดการพ่นโอสถและมนต์  
ทำลายพระทนต์จนหลุดถอน  
ปากของมหาสัตว์เต็มไปด้วยโลหิต  

พระมหาสัตว์สู้อดกลั้นทุกขเวทนาเห็นปานนี้   
เพราะกลัวศีลของตัวจะแตกทำลาย
ทรงหลับพระเนตรนิ่งมิได้ทำการเหลียวมองดู   
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พราหมณ์หมองูคิดว่าเราจักทํานาคราชให้ทุพพลภาพ  
จึงขึ้นเหยียบย่ำร่างกายของพระมหาสัตว์ตั้งแต่หางขึ้นไป
คล้ายกับจะทำให้กระดูกแหลกละเอียดไป

แล้วม้วนพับอย่างผืนผ้า
ขยี้กระดูกให้ขยายเช่นอย่างกลายเส้นด้ายให้กระจาย  
จับหางทบทุบเช่นอย่างทุบผ้า  
สกลสรีรกายของพระมหาสัตว์แปดเปื้อนไปด้วยโลหิต   
  
พระมหาสัตว์นั้นสู้อดกลั้นมหาทุกขเวทนาไว้  
ครั้นพราหมณ์หมองูรู้ว่าพระมหาสัตว์อ่อนกำลังลงแล้ว
จึงเอาเถาวัลย์มาถักทำเป็นกระโปรง  
ใส่พระมหาสัตว์ลงไปในกระโปรงนั้น
แล้วนำไปสู่ปัจจันตคามให้เล่นท่ามกลางมหาชน

พราหมณ์หมองูปรารถนาจะให้แสดงท่วงทีอย่างใด ๆ
ในประเภทสีมีสีเขียวเป็นต้น  
และสัณฐานทรวดทรงกลมหรือสี่เหลี่ยมเป็นต้น  
หรือขนาดเล็กใหญ่เป็นต้น  
พระมหาสัตว์เจ้าก็กระทำท่วงทีนั้น ๆ ทุกอย่าง

ฟ้อนรำทำพังพานได้ตั้งร้อยอย่างพันอย่าง  
มหาชนดูแล้วชอบใจ ให้ทรัพย์แก่พราหมณ์เป็นอันมาก  
เพียงวันเดียวเท่านั้นได้ทรัพย์ตั้งพัน
และเครื่องบริขารราคานับเป็นพัน  
23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แต่ชั้นแรกพราหมณ์หมองูคิดไว้ว่า   
เราได้ทรัพย์สักพันหนึ่งแล้วก็จักปล่อยไป
     
แต่ครั้นได้ทรัพย์จำนวนเท่านั้นแล้วคิดเสียว่า
ในปัจจันตคามแห่งเดียวเรายังได้ทรัพย์ถึงขนาดนี้  
ในสำนักพระราชาและมหาอำมาตย์  
คงจักได้ทรัพย์มากมาย  

จึงซื้อเกวียนเล่มหนึ่งกับยานสำหรับนั่งสบายเล่มหนึ่ง   
บรรทุกของลงในเกวียนแล้วนั่งบนยานน้อย
พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก
บังคับพระมหาสัตว์ให้เล่นในบ้าน
และนิคมเป็นต้นโดยลำดับไป   

แล้วคิดว่าเราจักให้นาคราชเล่นถวาย
ในสำนักของพระเจ้าอุคคเสน
แล้วก็จักปล่อยดังนี้    แล้วก็เดินทางต่อไป   

พราหมณ์หมองูฆ่ากบนำมาให้นาคราชกินเป็นอาหาร   

นาคราชรำพึงว่าพราหมณ์หมองูนี้ฆ่ากบอยู่บ่อย ๆ
เพราะอาศัยเราเป็นเหตุ   
เราจักไม่บริโภคกบนั้น  แล้วไม่ยอมบริโภค   

เมื่อพราหมณ์หมอดูรู้ดังนั้น  
ได้ให้ข้าวตอกเคล้าน้ำผึ้งแก่พระมหาสัตว์   
พระมหาสัตว์คิดว่าถ้าหากเราจักถือเอาอาหารนี้ไซร้   
เราคงจักตายภายในกระโปรงเป็นมั่นคง  
จึงมิได้บริโภคอาหารแม้เหล่านั้น  

พราหมณ์หมองูไปถึงพระนครพาราณสีแล้ว   
ให้พระมหาสัตว์เล่นให้คนดู   
ที่ใกล้ประตูเมืองได้ทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก   

แม้พระราชาก็ตรัสสั่งให้พราหมณ์หมองูเข้าเฝ้า
แล้วตรัสว่าเจ้าจงให้งูเล่นให้เราดูบ้าง   

เขาทูลสนองพระราชโองการว่าได้พะย่ะค่ะ
ข้าพระพุทธเจ้าจักให้เล่นถวายพระองค์  
ในวันปัณณรสี พรุ่งนี้

พระราชาตรัสสั่งให้พนักงานเภรีตีกลองประกาศว่า   

พรุ่งนี้นาคราชจักฟ้อนรำที่หน้าชานชาลาหลวง  
มหาชนจงมาประชุมกันดูเถิด  

แล้วในวันรุ่งขึ้น  
ตรัสสั่งให้ประดับตกแต่งชานชาลาหลวง
และตรัสสั่งให้พราหมณ์หมองูมาเฝ้า
พราหมณ์หมองู นำพระมหาสัตว์มาด้วยกระโปรงแก้ว   
ตั้งกระโปรงไว้ที่พื้นลาดอันวิจิตรนั่งคอยอยู่  

ฝ่ายพระราชาเสด็จลงจากปราสาทแวดล้อมด้วยหมู่มหาชน
ประทับนั่งเหนือพระราชอาสน์   

พราหมณ์หมองูนำพระมหาสัตว์ออกมาแล้วให้ฟ้อนรำถวาย
มหาชนพากันดีใจไม่อาจดำรงตนอยู่ได้ตามปกติ
พากันปรบมือ  โบกธงโบกผ้า   
แสดงความรื่นเริงนับด้วยหมื่นแสน   

ฝนรัตนะเจ็ดประการก็ตกลงมาตรงเบื้องบนพระโพธิสัตว์   
เมื่อพระมหาสัตว์ถูกจับมานั้นครบหนึ่งเดือนเต็มบริบูรณ์  
ตลอดเวลาเหล่านี้พระมหาสัตว์สู้ทนมิได้บริโภคอาหารเลย
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


• นาคเทวีตามหาพระสวามี

ฝ่าย นางสุมนา เทวีระลึกถึงว่า
สามีที่รักของเราเสด็จไปนานนักหนา
จนป่านนี้ยังไม่เสด็จมาที่นี่เลย  
ครบหนึ่งเดือนพอดี  

จักมีเหตุเภทภัยอะไรหนอ
ดังนี้แล้วจึงไปตรวจดูสระโบกขรณี   
เห็นมีน้ำสีแดงดังโลหิตก็ทราบว่า
ชะรอยสามีของตนจักถูกหมองูจับเอาไป
จึงออกจากนาคพิภพไปตรวจดูใกล้จอมปลวก
เห็นร่องรอยที่พระมหาสัตว์ถูกหมองูจับ  และทำให้ลำบาก  

แล้วทรงกันแสงร่ำไห้คร่ำครวญ   
ดำเนินไปยังปัจจันตคามสอบถามดูสดับข่าวความเป็นไปนั้น
แล้วติดตามไปจนถึงเมืองพาราณสี   
ยืนกันแสงอยู่ที่กลางอากาศ
ในท่ามกลางบริษัท  ณ  ประตูพระราชวัง   

พระมหาสัตว์กำลังฟ้อนรำถวายพระราชา
เหลือบแลดูอากาศเห็นนางสุมนาเทวี
แล้วละอายพระทัยเลื้อยเข้าไปนอนขดในกระโปรงเสีย  
ในเวลาที่พระมหาสัตว์เลื้อยเข้าไปสู่กระโปรงแล้ว   

พระราชาทรงพระดำริว่า   นี่เหตุอะไรกันเล่าหนอ  
จึงทอดพระเนตรแลดูทางโน้นทางนี้
เห็นนางสุมนาเทวียืนอยู่บนอากาศจึงตรัสว่า

“ท่านเป็นใคร  งามผ่องใสดุจสายฟ้า   
และอุปมาเหมือนดาวประจำรุ่ง   
เราไม่รู้จักท่านว่าเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์หรือเป็นหญิงมนุษย์”


นางสุมนา ทูลว่า

“ข้าแต่พระมหาราชา
หม่อมฉันหาใช่เทพธิดาหรือคนธรรพ์หรือหญิงมนุษย์ไม่  
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   
หม่อมฉันเป็นนางนาคกัญญาอาศัยเหตุอย่างหนึ่ง  
จึงได้มาในพระนครนี้

25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“ดูก่อนนางนาคกัญญา
ท่านมีอาการเหมือนคนมีจิตฟั่นเฟือน  
มีอินทรีย์อันเศร้าหมองดวงเนตรของท่าน
ไหลนองไปด้วยหยาดน้ำตา
  
อะไรของท่านหาย
หรือว่าท่านปรารถนาอะไรจึงได้มาในเมืองนี้
เชิญท่านบอกมาเถิด”


“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน  
มหาชนชาวโลกเรียกร้องสัตว์ใดว่าอุรคชาติ
ผู้มีเดชอันสูงในมนุษยโลก เขาเรียกสัตว์นั้นว่านาค
บุรุษคนนี้จับนาคนั้นมา    เพื่อต้องการเลี้ยงชีพ  
นาคนั้นแหละเป็นสามีของหม่อมฉัน  
ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณา
โปรดปล่อยนาคนั้นเสียจากที่คุมขังเถิดเพคะ


พระราชาสงสัยจึงตรัสถามว่า  

“ดูก่อนนางนาคกัญญานาคราชนี้ประกอบด้วยกำลังอันแรงกล้า
ไฉนจึงมาถึงเงื้อมมือของชายวณิพกได้เล่า   
เราจะใคร่รู้ถึงการที่นาคราชถูกกระทำจนถูกจับมาได้
ขอท่านจงบอกความข้อนั้นแก่เราเถิด”


นางสุมนา ทูลตอบว่า

“นาคราชนั้นประกอบด้วยกำลังอันแรงกล้า
พึงทำแม้นครให้เป็นภัสมธุลีไปได้  
แต่เพราะนาคราชนั้น   
เคารพนบนอบธรรม จึงได้บากบั่นบำเพ็ญตบะ”


พระราชาตรัสถามต่อไปอีกว่า

“ไฉนนาคราชจึงยอมให้บุรุษนี้จับมาได้เล่า”
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


นางสุมนาเทวี เมื่อจะกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ
จึงกล่าวคาถาความว่า

“ข้าแต่องค์ราชันย์  
นาคราชนี้มีปกติรักษาจาตุททสีอุโบสถและปัณณรสีอุโบสถ
นอนอยู่ใกล้ทางสี่แพร่ง
บุรุษหมองูจับนาคราชนั้นมาด้วยต้องการหาเลี้ยงชีพ   
นาคราชนี้เป็นสามีของหม่อมฉัน
ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณา
โปรดปล่อยนาคราชนั้นจากที่คุมขังเถิด”


ครั้น นางนาคกัญญาสุมนาเทวี ทูลอย่างนี้แล้ว  
เมื่อจะทูลอ้อนวอนพระราชาซ้ำอีก  

ได้กล่าวคาถาสองคาถาว่า  

“สนมนารีถึงหมื่นหกพันนาง
ล้วนสวมใส่กุณฑล  แก้วมณี  
บันดาลห้วงวารีทำเป็นห้องไสยาสน์   

แม้สนมนารีเหล่านั้น  
ก็ยึดถือนาคราชนั้นเป็นที่พึ่ง
ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณา
โปรดปล่อยนาคราชนั้นโดยธรรม
ปราศจากกรรมอันสาหัส  ด้วยบ้านส่วยร้อยบ้าน   
ทองร้อยแท่ง   และโคร้อยตัว

ขอนาคราชผู้แสวงบุญ  
จงเหยียดกายได้ตรงเที่ยวไป  
จงพ้นจากที่คุมขังเถิด”

27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระราชาได้สดับคาถาของนางนาคกัญญา
จึงให้ปล่อยปล่อยนาคราชไป

นาคราชออกมาแล้วเลื้อยเข้าไประหว่างกองดอกไม้
ละอัตภาพนั้นเสียแล้วกลายเพศเป็นมาณพน้อย
ตบแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับอันงดงาม
คล้ายกับชำแรกดินออกมายืนอยู่ฉะนั้น
   
นางสุมนาเทวี ลอยลงมาจากอากาศ  
ยืนเคียงข้างพระภัสดาของตน
นาคราชได้ยืนประคองอัญชลีนอบน้อมพระราชาอยู่



28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
• พญานาคเชิญพระเจ้ากาสิกราชชมเมือง

จัมเปยยนาคราชเมื่อหลุดพ้นจากที่คุมขังแล้ว
จึงกราบทูลพระราชาว่า

"ข้าแต่พระเจ้ากาสิกราช   
ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายบังคมพระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงผดุงกาสิกรัฐให้รุ่งเรือง   
ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายบังคมพระองค์
ข้าพระพุทธเจ้าขอประคองอัญชลี แด่พระองค์
ขอเชิญเสด็จทอดพระเนตรนิเวศน์
ของข้าพระพุทธเจ้าเถิดพระเจ้าข้า"
เราก็อยากจะไปดูนิเวศน์ของท่าน"


พระราชาตรัสตอบว่า  

"ดูก่อนนาคราช   
แท้จริงคนทั้งหลายเขากล่าวถึงเหตุที่มนุษย์จะพึงคุ้นเคย
กับอมนุษย์ว่าพึงคุ้นเคยกันได้ยาก  
ถ้าท่านขอร้องเราถึงเรื่องนั้น"  


พระมหาสัตว์เมื่อจะทำสัตย์สาบาน   
เพื่อให้พระราชาทรงเชื่อถือ   ได้ตรัสพระคาถาว่า

“ข้าแต่พระราชา แม้ถึงว่าลมจะพึงพัดภูเขาไปได้ก็ดี  
พระจันทร์และพระอาทิตย์ จะพึงเผาผลาญแผ่นดินก็ดี   
แม่น้ำทุกสายพึงไหลทวนกระแสก็ดี   
ถึงกระนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็จะไม่กล่าวคำเท็จเลย

ข้าแต่พระราชา   ท้องฟ้าจะทำลายไป   
ทะเลจะเหือดแห้งไป  
มหาปฐพีมีนามว่าภูตธราและพสุนธราจะพึงม้วนได้
เมรุบรรพตอันหนาแน่นด้วยศิลาจะพึงถอนไปทั้งราก
ข้าพระพุทธเจ้าก็จะไม่กล่าวคำเท็จเลย”

29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อพระมหาสัตว์กราบทูลอย่างนี้แล้ว  
พระราชาก็มิได้ทรงเชื่อ  จึงตรัสพระคาถาอีกว่า

“เธอเป็นผู้มีพิษร้ายแรงยิ่ง  มีเดชมาก ทั้งโกรธง่าย  
เธอหลุดพ้นจากที่คุมขังไปได้  ก็เพราะเหตุที่เราช่วยเหลือ  
เธอควรจะรู้บุญคุณที่เราทำไว้แก่เธอ"


พระมหาสัตว์เมื่อจะทำสัตย์สาบาน
เพื่อให้พระราชาทรงเชื่อต่อไป จึงกล่าวคาถาความว่า

"ข้าพระพุทธเจ้าถูกคุมขังอยู่ในกระโปรงเกือบจะถึงความตาย
จักไม่รู้จักอุปการคุณที่พระองค์ทรงกระทำแล้วเช่นนั้น   
ก็ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าจงหมกไหม้อยู่ในนรกอันแสนร้ายกาจ  
อย่าได้รับความสำราญกายสักหน่อยหนึ่งเลย"


พระราชาทรงเชื่อถ้อยคำของพระมหาสัตว์
เมื่อจะทรงชมเชยจึงตรัสพระคาถาว่า

“คำปฏิญาณของเธอนั้น จงเป็นคำสัตย์จริง  
เธออย่าได้มีความโกรธ  อย่าผูกโกรธไว้  
ขอสุบรรณทั้งหลายจงละเว้นนาคสกุลของท่านทั้งมวล   
เหมือนผู้เว้นไฟในฤดูร้อนฉะนั้น"


แม้พระมหาสัตว์เจ้า
เมื่อจะชมเชยพระราชาจึงกล่าวคาถาอีกว่า

"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน  
พระองค์ทรงเอ็นดูนาคสกุล  
เหมือนมารดาผู้เอ็นดูบุตรคนเดียวผู้เป็นสุดที่รักฉะนั้น
ข้าพระพุทธเจ้ากับ นาคสกุลจะขอกระทำเวยยาวฏิกกรรม  
อย่างโอฬารแด่พระองค์"

30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 12:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

[ภาพ "นาคสะดุ้ง ๕ เศียร" หรือบันไดนาค ณ วัดพระเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด]

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้