ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2467
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ครูคือใคร?

[คัดลอกลิงก์]
“ ครูคือใคร”  


“ ครูคือใคร”  
                          ข้าพเจ้าได้พบว่าโบราณให้ความหมายคำว่า ครู หมายถึง  ผู้เปิดประตูของวิญญาณไปสู่คุณธรรมเบื้องสูง  ผู้ควรเคารพ  ผู้มีความหนัก  ผู้เป็นเจ้าหนี้อยู่เหนือศีรษะของทุกคน   พระราชวรมุณี (ป.อ.ปยุตโต)  กล่าวถึงคุณค่าของครูไว้ในหนังสือ  ขอบฟ้าการเรียนรู้ว่า  “ ถ้าท่านให้ปลาแก่คน  เขาจะกินปลาเพียงวันเดียว  ถ้าท่านสอนวิธีการจับปลาให้แก่เขา  เขาจะมีปลากินตลอดชีวิต”    นอกจากนี้  ข้าพเจ้าพบคำประพันธ์ที่แสดงถึงคุณค่าแห่งความเป็นครูที่ผู้ประพันธ์ได้รจนาไว้อย่างไพเราะจับใจ ดังนี้
                                                                               “ ถิ่นไทยในป่ากว้าง       ห่างไกล
                                                                      แสงวัฒนธรรมใด                       ส่องบ้าง
                                                                      เห็นเทียนอยู่รำไร                        เล่มหนึ่ง
                                                                      ครูนั่นแหละอาจสร้าง                 เสกให้ชัชวาล”
                        สังคมไทยแต่โบราณได้ยกย่องให้ครูนั้นเป็นปูชนียบุคคลตลอดมา  ทั้งนี้เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมพุทธ  พุทธศาสนามีอิทธิพลต่อจิตใจของคนในชาติ    พุทธศาสนาเป็นเสมือนเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ  หลักคำสอนในพุทธศาสนาให้ความสำคัญต่อบิดา  มารดา     ครูบาอาจารย์  โดยพระพุทธองค์ทรงยกย่อง  บุพการีว่าเป็นครูคนแรกของลูก  และชาวพุทธยกย่องพระพุทธองค์ว่าเป็น “ บรมครู ”   เป็นครูที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ  ไม่ใช่เป็นครูเพียงมนุษย์เท่านั้น  แต่ยังเป็นครูของเทวดาอีกด้วย  ดังคำบาลีที่ว่า  “ สตฺถาเทวามนุสฺสานํ ”

                        “ ครูดีนั้นคืออย่างไร ”
                                 ในหนังสือธรรมนูญชีวิต  บอกไว้ว่าคุณสมบัติที่ดีของครูประกอบด้วย
                                            1.  ปิโย  น่ารัก   คือความใจดี  มีเมตตากรุณา  ใส่ใจในประโยชน์ของศิษย์  เข้าอกเข้าใจ สร้างความรู้สึกเป็นกันเอง  ชวนใจให้ศิษย์อยากเข้าไปปรึกษา  ไต่ถาม
                                            2.  ครุ   น่าเคารพ  คือเป็นผู้หนักแน่น  ยึดมั่นถือหลักการเป็นสำคัญและมีความประพฤติเหมาะสม  ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ  มั่นใจ  เป็นที่พึ่งได้และปลอดภัย
                                            3.  ภาวนีโย  น่ายกย่อง  ในฐานะที่เป็นครูที่บุคคลที่ทรงคุณ  คือ  ความรู้  และทรงภูมิปัญญาอย่างแท้จริง
                                            4.  วัตตา  จ  รู้จักพูดให้เหตุผล  คือมีความรู้จริง  มีจิตวิทยาในการพูด  รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ  รู้ว่าเมื่อไร  ควรพูดอะไร  อย่างไร  คอยให้คำแนะนำว่ากล่าวตักเตือน  เป็นที่ปรึกษาที่ดีได้
                                            5.  วจนักขโม  อดทนต่อถ้อยคำ  คือ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาซักถาม  แม้จุกจิกตลอดจนคำล่วงเกิน  และคำตักเตือนวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ อดทนฟังได้ไม่เสียอารมณ์
                                            6.  คัมภีรัญจ กถัง  กัตตา  แถลงเรื่องล้ำลึกได้  คือ  กล่าวชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ที่ยุ่งยากซับซ้อน ลึกซึ้งให้เข้าใจได้  และสอนศิษย์ให้ได้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป
                                           7.  โน จฏฐาเน  นิโยชเย  ไม่ชักจูงชี้นำไปในทางที่เสื่อมเสีย  หรือเรื่องเหลวไหลไม่สมควร
                        คุณสมบัติทั้ง  7  ประการนี้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของครู  การเป็นครูนั้นไม่ใช่ใคร ๆ ก็เป็นครูกันได้  เพราะครูที่ดีนั้นต้องมีความเสียสละ  และต้องมีความอดทนเป็นอย่างสูง  ไม่ใช่ว่ามีแต่ในประกาศนียบัตร  แล้วทุกคนก็เป็นครูได้  ครูที่ดีนั้นจะต้องเป็นครูด้วยจิตวิญญาณแห่งความเสียสละ
                       
                     คำถามสุดท้าย “ หน้าที่ของครูมีอะไรบ้าง ”  
                                  ได้มีการเปรียบเทียบครูบาอาจารย์เปรียบเสมือนแขนขวา  หรือทิศเบื้องขวา  เป็นคุณธรรมที่ครูเมื่อได้รับการบำรุงจากศิษย์ดีแล้ว  ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยหน้าที่  5  ประการคือ
                                             1.  แนะนำดี  หมายถึง  สอนและแนะนำศิษย์   ฝึกอบรมให้ศิษย์เป็นคนดี
                                             2.  ให้เรียนดี  หมายถึง  สอนให้ศิษย์เกิดความเข้าใจในเรื่องที่เรียนอย่างแจ่มแจ้ง
                                             3. บอกศิลปะให้สิ้นเชิง  ไม่บิดบังอำพราง  หมายถึง  ไม่หวงวิชา  มีความรู้เท่าไหร่ถ่ายทอดให้หมด
                                             4.  ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง  หมายถึง  ส่งเสริมและยกย่องความดีงามตามความสามารถของศิษย์ให้ปรากฏในทุกที่
                                             5.  ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย  หมายถึง  สร้างเครื่องคุ้มกันภัยในสารทิศ  คือสอนฝึกให้ศิษย์สามารถใช้วิชาเลี้ยงชีพ  และรู้จักดำรงตนในการดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
                        ดังนั้น  หน้าที่ของครู  คือ  สร้างความอยู่รอดของสังคม  โดยการให้การศึกษาที่สมบูรณ์แก่ศิษย์  การศึกษาที่สมบูรณ์  คือการศึกษาที่ครบองค์สาม  อันได้แก่  ให้ความรู้ทางโลก   ให้ความรู้ทางธรรม  เพื่อให้ใจอยู่รอด  คือรอดพ้นจากความครอบงำของกิเลสและให้รู้จักทำตนให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคม
ถ้าผู้ที่เป็นครูกอปรด้วยคุณสมบัติ  7  ประการ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนทั้ง  5  ประการ  ดังกล่าวนี้  ข้าพเจ้าถือว่าผู้นั้นเป็นครูโดยจิตวิญญาณ  และถือว่าเป็นครูโดยแท้จริง  สมควรแก่การยกย่องว่าเป็นปูชนียบุคคล





ขอให้ครูมีสุขชั่วนิรันดร์


ครู คือที่ทำให้ฉงาย (เมธเอง)
กลายเป็นคน
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้