วิหารพระนอน
-วิหารพระนอน-ตำหนักจตุคามรามเทพ
-เทวรูปจตุคามรามเทพ-ประวัติท้าวจตุคามรามเทพ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เทวรูปจตุคามรามเทพจตุคามรามเทพ คือ เทพรักษาพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช
สถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อมีการตั้งดวงเมือง
นครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา เชื่อว่ากันเดิม องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช
มีพระนามอย่างเป็นทางการว่า พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของ
ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า
เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า
” ราชันดำแห่งทะเลใต้ ” หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า ” พญาพังพกาฬ “
และต่อมาทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิตเป็นพระโพธิสัตว์
เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง สัญลักษณ์ 12 นักษัตร ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชจตุคามรามเทพ
มีบริวารเป็นทหารกล้า 4 นาย คือ พญาชิงชัย, พญาหลวงเมือง, พญาสุขุม
และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบพราหมณ์ที่เคยปกครองเมืองอยู่ก่อน
เมื่อได้บ้านเมืองแล้ว ก็ได้สร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร
หรือกรุงศรีธรรมาโศกราช ฝังรากฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร จนได้รับ
เทิดพระเกียรติว่า พญาศรีธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ปัจจุบัน จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าทรง
ฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า ” มีอานุภาพดุจ
ดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก ” การขออธิฐานจาก
พระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ อธิฐานขอในสิ่งที่เป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อศีลธรรม
เมื่อได้รับสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับพระองค์
ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแด่องค์จตุคามรามเทพ แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบ
ทุกด้านด้วย คือ ให้ทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา ภาพลักษณ์ของจตุคามรามเทพ โดยมากจะปรากฏเป็นองค์เทพบุตรในท่านั่ง
มี 4 กร ถืออาวุธต่าง ๆ และนายทหาร 4 นาย นั้น จะปรากฏในรูปของหนุมาน 4 กร
ถืออาวุธในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามศิลปะศรีวิชัยที่มักสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมา
แทนความหมายต่าง ๆ การเดินทาง ทางรถยนต์ ใช้เส้นทางสายอยุธยา-เสนา ข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชวรวิหาร
แล้วเลี้ยวซ้าย จะผ่านวัดไชยวัฒนาราม มีป้ายบอกทางเป็นระยะไปจนถึงทางแยกซ้าย
เข้าวัดพุทไธศวรรย์ ทางเรือ ท่านอาจเช่าเหมาเรือหางยาวจากบริเวณหลังลานจอดรถฝั่งตรงข้าม
พระราชวังจันทรเกษมด้านตะวันออกของเกาะเมือง ล่องไปตามลำน้ำป่าสัก
ลงไปทางใต้ผ่านวิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา วัดพนัญเชิงวรวิหาร
วัดพุทไธศวรรย์ โบสถ์โปรตุเกส วัดไชยวัฒนาราม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
และเจดีย์พระศรีสุริโยทัย อีกหนึ่งเส้นทางหากท่านเยี่ยมชมโบราณสถานภายในเกาะเมือง แล้วท่านสามารถใช้เส้นทาง
ถนนรอบเกาะเมืองได้ โดยเดินทางมายังหน้าโรงพยาบาล พระนครศรีอยุธยา
แล้วข้ามเรือเล็กซึ่งมีท่าเรืออยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล แล้วเดินเท้าต่ออีกเล็กน้อย
|