ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1538
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เลือกเกิดได้เลือกตายเป็น

[คัดลอกลิงก์]
เลือกเกิดได้เลือกตายเป็น : วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยมนสิกุล โอวาทเภสัชช์ เรื่อง  ธัชดล ปัญญาพานิชกุล ภาพ                                                                
             "เคยเป็นไหม เวลาไม่สบาย อยากให้คนมาสัมผัส อยากให้คนมาเอาใจใส่ดูแล พระก็เช่นกัน พระอาจารย์คุยกับหลวงพ่อ ให้ท่านสวดมนต์ และบอกท่านว่ามาให้กำลังใจ แม้หลวงพ่อคุยด้วยไม่ได้ แต่หลวงพ่อมีสติ ยิ้มและตอบรับ พระอาจารย์นวดขาให้ท่าน การสัมผัสของเราจะช่วยให้การรับรู้ของผู้ป่วยมาสนใจกับสิ่งรับสัมผัส ใจจะไม่ไปจมทุกข์อยู่กับความเจ็บป่วย"

                     พระอธิการครรชิต อกิญฺจโน เจ้าอาวาสวัดวีรวงศาราม จ.ชัยภูมิ เล่าให้ฟังว่าท่านสนทนากับพระเถระที่กำลังอาพาธหนักอย่างไร หลังจากที่ท่านได้รับการนิมนต์มาเป็นวิทยากรให้คุณหมอและพยาบาล โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์ กรุงเทพฯ ตามโครงการ "ส่งเสริมบทบาทพระสงฆ์ โรงพยาบาล และชุมชน ในการเยียวยาจิตใจผู้ป่วยเรื้อรังและระยะสุดท้าย" เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

                     ท่านสนทนากับพระเถระที่อาพาธหนักอีกว่า หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของผมพูดเสมอว่า ถ้าจะอยู่ก็อยู่อย่างพระ ถ้าจะป่วยก็ป่วยอย่างพระ และถ้าจะตายก็จะตายอย่างพระ ถ้าจะเกิดชาติใดก็จะขอเป็นพระ หลวงพ่อท่านยิ้มเลย

             "เหมือนกับว่าพระอาจารย์มาเตือนสติท่าน ว่าแม้ว่าท่านจะอาพาธ แต่เมื่อเป็นพระก็มีสมณสัญญา ให้ระลึกถึงความเป็นพระ ความเป็นสมณะ ให้ท่านเข้าใจว่า แม้ท่านจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม ให้ยืนยันความเป็นพระเท่านั้นเอง เราก็เป็นกำลังใจให้พระ แล้วพระก็กลับมาระลึกถึงความเป็นพระของตนเอง"

                     โครงการดังกล่าว ท่านเล่าว่า เกิดจากแรงบันดาลใจในการดูแลหลวงพ่อคำเขียน ตอนนั้นเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว หลวงพ่อคำเขียนป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจนเกือบจะไปแล้ว

             "พระอาจารย์ก็ดูแลท่าน ที่สัมผัสได้คือ การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของหลวงพ่อ ก็เลยถามหลวงพ่อว่า อะไรทำให้ลวงพ่อฟื้นตัวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น หลวงพ่อบอกว่า สิ่งที่ทำให้ท่านฟื้นตัวได้เร็ว คือปัจจัยสี่อย่าง ๑ ยาดี เราเชื่อมั่นว่าหมอจะต้องนำยาที่ดีมารักษาคนไข้ ๒ หมอดี หมอที่รักษาเราทุกคนต้องมีความชำนาญในการรักษาโรค ๓ คนดูแลดี สำคัญมาก เพราะผู้ป่วยไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ญาติพี่น้อง พยาบาล บางคนดูแลพ่อแม่พี่น้องคุณมากกว่าคนที่บ้านด้วยซ้ำ เขาอยู่โรงพยาบาล ๑๖ ชั่วโมง ขณะที่มีเวลาอยู่บ้านแค่ ๘ ชั่วโมง เขาให้เวลาเราขนาดนี้ เพราะเขาดูแลเราดี ญาติพี่น้องก็ดูแลเราดี พระอาจารย์จะบอกคนไข้อย่างนี้ เขาก็จะรู้สึกดีขึ้น ๔ จิตใจ หรือกรรมฐานดี

             "ตรงนี้หลวงพ่อคำเขียนบอกเลยว่า ถ้ายากปานกลาง หมอปานกลาง คนดูแลปานกลาง แต่จิตใจดี ยังไงก็รอด ยิ่งถ้า ยาดี หมอดี คนดูแลดี จิตใจดี อันนี้หายแน่นอน แต่ถ้าจิตใจไม่สู้ ไม่ไหว ต่อให้ยาดี หมอดี คนดูแลดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางดีขึ้นได้ ใช่หรือไม่ พระอาจารย์จึงบอกคนไข้ว่า เพราะฉะนั้นจิตใจดีเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แล้วใครล่ะที่จะทำให้จิตใจเราดีได้ คนไข้ก็จะตอบว่า ตัวเขาเอง"

                     จากแนวทางที่ได้เรียนรู้การอุปัฏฐากหลวงพ่อคำเขียน เจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง จ.ชัยภูมิ ขณะอยู่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พระอาจารย์ครรชิตนำมาจัดทำเป็นกระบวนการที่เราสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยในครอบครัวของเรา หรือแม้กับตัวเราเองด้วย ดังที่ท่านอธิบายสั้นๆ เข้าใจง่ายว่า ๑ พาผู้ป่วยระลึกถึงบุญกุศลที่เขาเคยทำ จนจิตใจเขาแช่มชื่นเบิกบาน ๒ ฝึกกรรมฐานให้เขารู้จักใจของเขาเอง

             "เพราะพระอาจารย์มองเห็นความแตกต่างอย่างมากระหว่างคนไข้ที่มีกรรมฐานและไม่มีกรรมฐาน หรือไม่มีกำลังใจ กับคนไข้ที่มีกรรมฐาน หรือมีกำลังใจ ถ้าคนที่ใจไม่มีกรรมฐาน จะทรุดอย่างรวดเร็ว ก็มาคิดว่า ทำอย่างไร ตัวที่ ๔ คือ ทำใจให้เป็นกรรมฐาน จึงจะเกิดขึ้นกับทุกคนได้ วิธีการของเราคือ ต้องมีกัลยาณมิตรเข้าไปช่วย นี่เองจึงเป็นที่มาของโครงการ กัลยาณมิตรข้างเตียง"

                     อีกอย่างหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของท่านก็คือ

             "ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะ เกิดแรงผลักดันจากการที่ท่านพบคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ความทุกข์บีบคั้นท่าน สุดท้าย ท่านออกแสวงหาว่า อะไรนะคือ ทางออก แล้วท่านก็เจอสมณะ ท่านตัดสินใจออกบวชเลย แล้วก็พบว่า การตัดสินใจของท่านไม่ผิดพลาด เพราะฉะนั้นเราย้อนกลับมาดู คนแก่คือใคร ก็คือตัวเราเอง คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย คือใคร ก็คือตัวเราเอง และคนตายคือใคร ก็คือตัวเราเอง

             "พระอาจารย์ก็เติมเทวทูตที่ ๔ คือ กัลยาณมิตร สมณะ หรือกัลยาณมิตร ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล จิตอาสา พระ ที่ผ่านการอบรมเหล่านี้ เข้าไปเติมเต็มในชีวิตให้ผู้ป่วย แล้วเขาจะพบทางออกด้วยตัวของเขาเอง เมื่อจิตใจเขามีเครื่องอยู่ มีกำลังใจ หรือมีกรรมฐาน เขาก็ไปดี และจากการทำงานตรงนี้ ทำให้พบว่ามันไม่ใช่แค่นั้น แต่เป็นกระบวนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก ที่ทำให้คนหันมาสนใจว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นคำตอบของชีวิตได้จนนาทีสุดท้าย

             "คนเราเลือกเกิดได้ และเลือกตายเป็น ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ เลือกไม่เกิดก็ได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการทำโครงการนี้ แล้วทำให้เกิดความศรัทธาที่มากขึ้นๆ ทั้งจากผู้ป่วย จากญาติโยมรอบข้าง ที่เห็นว่าเพราะสิ่งนี้ทำให้คนป่วยของเขาดีขึ้น ก็จะกลายเป็นว่า ความศรัทธาในพระศาสนาก็เยอะขึ้น "

                     ล่าสุดพระอาจารย์ครรชิตเล่าว่า มีโยมในหมู่บ้านหนึ่ง เป็นอาสาสมัครโครงการนี้ แล้วนิมนต์พระไปดูแล ปรากฏว่าโยมดีขึ้น หลังจากนั้นลูกหลานบ้านก็พากันมาไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน

             "เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่แท้บ้านนั้น นับถือศาสนาคริสต์ คุณตาท่านนั้น คือคนที่นำศาสนาคริสต์เข้ามาในบ้านนั้น แล้วคุณตาคนนั้นก็คือคนที่สร้างโบสถ์คริสต์ในหมู่บ้านนั้น แล้วหมู่บ้านนั้นเป็นหมู่บ้านชาวคริสต์ แต่จากโครงการกัลยาณมิตรเข้าไป ทุกคนก็กลับมาอะระหัง สัมมากันหมดเลย

             "นี่เป็นการรักษาไว้ซึ่งพระภิกษุ เพราะพระได้เรียนในสิ่งที่ต้องเรียน คือสติปัฏฐาน พุทธศาสนาเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ พอเรียนเข้าใจแล้วก็ได้ทำหน้าที่ในสิ่งที่ควรทำ นั่นคือผู้นำทางจิตวิญญาณที่แท้จริง ไม่ได้ตามพิธีกรรม และถ้าพระไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ หรือไม่เรียนในสิ่งที่ต้องเรียน พระจะตระหนักในคุณค่าของความเป็นพระได้อย่างไร ถ้าพระอยู่ได้ การดำรงพระศาสนาก็อยู่ได้ ก็เลยกลายเป็นคำตอบว่า โครงการที่ทำอยู่นี้เป็นการรักษาพระศาสนา เผยแผ่พระศาสนา และทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าประจักษ์แจ้ง ให้คนได้รู้ว่าเป็นอกาลิโก ไม่ขึ้นกับกาลเวลา

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้