ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6813
ตอบกลับ: 13
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

คาถาชนะพญานันโทปนันทนาคราช

[คัดลอกลิงก์]
คาถา ชนะพญานันโทปนันทนาคราช



นันโทปะนันทะภุชะคัง  วิพุธัง  มะหิทธิง           ปุตเตนะ  เถระภุชะเคนะ  ทะมาปะยันโต
   อิทธูปะเทสะวิธินา  ชิตะวา  มุนินโท              ตันเตชะสา  ภะวะตุ  เม*  ชะยะมังคะลานิ.

พญานันโทปนันทนาคราชผู้หลงผิด  แผ่ฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่

พระพุทธองค์โปรดให้พระเถระพุทธบุตรผู้ประเสริฐไปปราบ

ทรงชนะด้วยการแสดงฤทธิ์เดชอันเหนือกว่า

ด้วยพระเดชนั้น  ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 01:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เล่าเรื่อง
ณ  เชตวันมหาวิหาร  อนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระบรมพุทธศาสนา เข้ากราบอาราธนา

ทูลเชิญองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมหมู่พระภิกษุสงฆ์สาวก  จำนวน  ๕๐๐  รูป  เข้ารับภัตราหารเพล

ในวันรุ่งขึ้นยังเรือนแห่งตน  เมื่อพระพุทธองค์รับอาราธนาแล้ว  ทรงเสด็จเข้าประทับยังพระคันธกุฎี  (พระกุฎิ

ที่ประทับ)  


ครั้นเพลาใกล้รุ่ง  พระพุทธองค์ทรงแผ่ข่ายสัพพัญญุตญาณ  (พระปรีชาญาณหยั่งรู้อดีต  ปัจจุบัน  อนาคต)

พิจารณาดูเหล่าสรรพสัตว์ใดบ้างที่มีบุญวาสนาถึงวาระอันควรที่จะได้รับพระธรรมเทศนา  เพื่อผลแห่งกาล

บรรลุธรรมในอนาคตกาล


ครานั้น  พญานาคราชผู้ทรงฤทธิ์นามว่า  "นันโทปนันท"  ได้ปรากฏเข้ามาในข่ายพระญาณ  พระพุทธองค์

ทรงดำริว่า  


"พญานาคราชตนนี้มีฤทธานุภาพมากมายมหาศาล  เนรมิตกายาได้ดังใจปรารถนาครอบครองทิพยวิมาน

ห้อมล้อมด้วยนาคบริวารปรนนิบัติ  แลด้วยความพร้อมสรรพจากบุญบารมีที่เคยสั่งสมมานั้น จึงถือตัวสำคัญ

ตนว่าเป็นผู้เลิศด้วยฤทธิ์เหนือกว่าผู้อื่นใดในหล้า  แต่ด้วยมีวิสัยแห่งการบรรลุธรรมในภายภาคหน้า  จึงได้

ปรากฏขึ้นในข่ายพระญาณแห่งเรา  มาตรว่าหากจะปลดเปลื้องความเห็นผิด  (มิจฉาทิฐิ)  ทำลายความถือตัว

สำคัญตนว่าเลิศกว่าผู้อื่น  (มานะ)  ของพญานาคราชแล้วละก็  จักต้องแสดงฤทธานุภาพที่เหนือกว่า  ให้เป็น

ที่ประจักษ์และยอมรับอย่างสดุดี  แลเมื่อลดตัวไม่ถือตนลงได้เมื่อใด  เมื่อนั้นเราจักแสดงธรรมเทศนาสั่งสอน

เพื่อผลแห่งการบรรลุธรรมของพญานาคราชสืบต่อไปในอนาคตกาล"


ครั้นอรุณรุ่ง  พระพุทธองค์ทรงพระดำเนินมายังเบื้องหน้าพระคันธกุฎี  แลตรัสต่อพระอานนท์  พระสารีบุตร

พระโมคคัลลานะ  พระรัฏฐปาล  และหมู่พระภิกษุสงฆ์ทั้งปวงว่า


"บัดนี้  เราทั้งหลายจักจาริก  (ท่องไปเพื่อสั่งสอน)  ยังดาวดึงสเทวโลก  เพื่อประโยชน์อันยิ่งของพญานันโทป-

นันทนาคราช  ขอท่านทั้งหลายจงกระทำสิ่งอันเป็นมงคลนี้พร้อมกันเถิด"


เมื่อสิ้นพระสุรเสียง  พระพุทธองค์ทรงกระทำอิทธิฤทธิ์ศักดานุภาพ  เปล่งฉัพพรรณรังสี เสด็จนำหมู่พระภิกษุ

ุสงฆ์สาวกทั้ง  ๕๐๐  รูป  ดำเนินยังเบื้องบนนภากาศ  เพื่อเสด็จยังดาวดึงสเทวโลกในบัดดล


ครานั้น  พญานันโทปนันทนาคราชเนรมิตกายาให้งามสม  ดุจดังกษัตราธิราชเจ้า  สถิตยังรัตนบัลลังค์ทิพย์

สำเริงสำราญกับบรรดาเหล่านาคบริวาร  ซึ่งพากันนอบน้อมปรนนิบัติด้วยทิพยสุธาโภชน์อันละเมียดอยู่นั้น

พลันทั่วท้องนภากาศปรากฏแสงรัศมีอันรุ่งโรจน์กระทบต้องจักษุพญานาคราชอย่างแรงกล้า  ยังความพิโรธให้

บังเกิดขึ้นในทันใด  จึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันโกรธขึ้งว่า

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 01:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"สมณะเหล่านี้  มิได้เกรงในฤทธิ์อำนาจแห่งเราเลย  คงคิดจะพากันเหาะเหินเดินอากาศข้ามวิมานของเรา

ไปสู่ยังสวรรค์ดาวดึงส์เป็นแน่แท้  หากเราไม่สกัดกั้นสมณะเหล่านี้ไว้ล่ะก็  ฝุ่นผงละอองดินจากบาทา  คงจะ

ร่วงหล่นต้องศีรษะของเราเป็นแม่นมั่น"



เมื่อเสียงแห่งความโกรธาสิ้นสุดลง  จึงเนรมิตตนกลับสู่กายพญานาคราช  มุ่งตรงยังเขาสิเนรุมาศอันสูงถึง

๘๔,๐๐๐  โยชน์  บันดาลเมฆหมอกให้มืดมัว  เนรมิตกายาใหญ่โตมโหฬาร  ใช้ขนดหางรัดรอบเขาสิเนรุฯ

ไว้  ๗  รอบ  แล้วแผ่พังพานปิดสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ซึ่งอยู่เหนือยอดเขาเอาไว้  ประหนึ่งจะให้อันตรธานหายไป

จากชั้นฟ้า


ครานั้น  พระรัฏฐปาลเถระมองเห็นถึงความผิดปกติ  จึงกราบทูลต่อพระพุทธองค์ว่า

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 01:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระรัฏฐปาล
:
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ในกาลก่อนนั้นข้าพระองค์ยืนอยู่ยังที่นี้  จักมองเห็นเขาสิเนรุมาศ

และบริภัณฑ์เขาที่ล้อมรอบ  อีกทั้งเห็นสวรรค์ดาวดึงส์  แลยอดธงบนปราสาทไพชยนต์

นั้นอีกเล่า  บัดนี้ข้าพระองค์ยืนอยู่ยังที่เดิมเช่นกาลก่อน  กลับมืดมัวด้วยเมฆหมอก

มองมิเห็นสิ่งใดเลย  เหตุไฉนจึงเป็นเช่นนี้พุทธเจ้าข้า


พระพุทธองค์
:
ดูก่อน...รัฏฐปาล  เมฆหมอกอันหนาครึ้มยังความมืดมัวไปถ้วนทั่วเช่นนี้  เหตุเพราะ

พญานันโทปนันทนาคราชกำลังสำแดงฤทธานี้ให้ปรากฏแก่เราเหล่าสมณะทั้งหลาย

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 01:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระรัฏฐปาล
:
เมื่อกาลเป็นเช่นนี้  ข้าพระพุทธองค์ขออาสาปราบพญานาคราชตนนี้  เพื่อให้หยุดสำแดง

ฤทธิ์เดชดังปรากฏ  พุทธเจ้าข้า


พระพุทธองค์
:
อย่าเลย...รัฏฐปาล  พญานาคราชตนนี้  ฤทธานุภาพมากมายเป็นยิ่งนัก  เกินวิสัย

ของท่านที่จะปราบให้สิ้นฤทธิ์ลงได้ไม่

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 01:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามพระรัฏฐปาลแล้ว  ทรงมีพระดำริในพุทธวิธีที่จะอบรมสั่งสอน  ด้วยเล็งเห็น

ในอัธยาศัยแห่งพญานาคราชนั้น  จึงมีพุทธดำรัสตรัสกับพระโมคคัลลานะผู้เป็นเอตทัคคะ  (พระสาวกที่ได้รับ

ยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมทางใดทางหนึ่ง)  ทางด้านฤทธานุภาพว่า

พระพุทธองค์
:
พญานาคราชตนนี้  เห็นทีจะเกินวิสัยฤทธานุภาพของสมณะรูปอื่นใด  ที่จะปราบให้สิ้น

พยศลงไปได้  แลด้วยอุปนิสัยของพญานันโทปนันทนาคราชนี้  เราขอมอบให้

ท่านโมคคัลลานะ  เป็นผู้กระทำการทรมาน  (ทำให้ลำบากโดยการข่ม  ปราบ  และฝึก

ให้สิ้นพยศ  เพื่อเปลี่ยนนิสัยให้ละจากความถือตัว)  เถิด.


พระโมคคัลลานะ
:
พระพุทธเจ้าข้า

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 01:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นเมื่อพระโมคคัลลานะรับพุทธดำรัสของพระพุทธองค์แล้ว  จึงมุ่งตรงยังเขาสิเนรุมาศ  กระทำฤทธานุภาพ

เนรมิตกายากลายเป็นพญานาคราชใหญ่มหึมายิ่งกว่าถึงสองเท่า  กระหวัดขนดหางรัดตรึงทับพญานันโทป-

นันทนาคราชเข้าไว้กับเขาสิเนรุมาศ  แม้พญานาคราชจะพยายามขัดขืนดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ

สักเท่าไร  ก็ยิ่งถูกบีบรัดตรึงแน่นขึ้นไปทุกขณะ  ยังความอึดอัด  ร้าวระบม  ประหนึ่งกระดูกทุกข้อจะถูกบด

ละเอียดไปทั่วทั้งกายา


ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวกายาอย่างแสนสาหัส  พญานาคราชจึงพยายามรวบรวมพละกำลังทั้งหมดสำแดง

ฤทธานุภาพอย่างเต็มกำลัง  พ่นควันพิษกลุ่มใหญ่  สลับพ่นเปลวเพลิงอัคนีอันร้อนแรงเข้าใส่พระโมคคัลลานะ

หมายว่าจะให้เสียที  แล้วตนจักได้หลุดจากพันธนาการอันทุกข์ทรมานนี้


แต่แล้ว  พญานาคราชยิ่งพยายามพ่นควันพิษกลุ่มใหญ่สักเท่าไร  พระโมคคัลลานะก็พ่นควันพิษกลุ่มใหญ่กว่า

ผลาญกลบลงไปสิ้น  และยิ่งพยายามพ่นเปลวอัคนีอันร้อนแรงสักปานใด  พระโมคคัลลานะก็พ่นเปลวอัคนี

อันร้อนแรงยิ่งกว่าเผาผลาญพญานาคราช  ให้บังเกิดความร้อนรุ่มปวดแสบปวดร้อนกายา  ยังความทุกข์

ทรมานเป็นยิ่งนัก


พญานาคราชคิดตรึกสงสัยเป็นหนักหนาว่า  ผู้ที่ต่อกรกับเรานี้เป็นใครกันหนอ  เรายิ่งแสดงฤทธานุภาพออกไป

เท่าใด  กลับยิ่งได้รับความทุกข์ทรมานจากฤทธานุภาพนั้นเป็นเท่าทวีคูณ  เมื่อตนสงสัยเช่นนั้น  จึงเอ่ยถาม

ด้วยน้ำเสียงแห่งความทุกข์ทรมานว่า

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 02:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พญานาคราช
:
เรา...นามว่า  "พญานันโทปนันทนาคราช"  ทั่วทั้งนภากาศนี้  หามีผู้ใดเสมอด้วย

ศักดานุภาพแห่งเรา  ท่านเป็นใครรึ  มีจุดประสงค์ในสิ่งใด  ถึงกระทำฤทธานุภาพ

ผลาญศักดานุภาพของเราลงเช่นนี้


พระโมคคัลลานะ
:
อาตมา...นามว่า   "โมคคัลลานะ"  เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งองค์สมเด็จสัมมา-

สัมพุทธเจ้า


พญานาคราช
:
เช่นนี้เองรึ!  เหล่าสมณะเหาะเหินเดินอากาศ  พวกท่านกระทำกรรมอันหยาบช้า

พากันหอบฝุ่นผงละอองดินจากบาทา  คิดข้ามวิมานของเราอย่างมิเกรงอกเกรงใจ

เท่านี้คงมิหนำใจ  ยังใช้ศักดานุภาพสำแดงฤทธิ์สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเราอีก


พระโมคคัลลานะ
:
ดูก่อน...พญานาคราช  ตัวท่านนี้เป็นสัตว์เดียรัจฉาน  สิ่งใดประเสริฐสุดท่านมิอาจ

รู้จักได้  อันบุคคลเกิดมานับแสนนับล้านชาติก็ยังมิอาจได้พบพานองค์สมเด็จสัมมา-

สัมพุทธเจ้า  อย่าว่าแต่ฝุ่นผงธุลีดินจะร่วงหล่นต้องศีรษะของท่านเลย  แม้ว่าพระบาทของ

พระพุทธองค์ต้องศีรษะของท่าน  ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาใหญ่หลวงยิ่งนัก


พญานาคราชเอย....อันเหล่าสมณะสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีจิตเมตตา

อันบริสุทธิ์ต่อเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นอันมาก  เรามิได้กระทำทรมานต่อท่านด้วยกำลัง

แห่งกิเลสตัณหาเลย  การทรมานท่านครานี้  พระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ

เป็นที่ยิ่ง  ในการจะปลดเปลื้องมิจฉาทิฐิ  (ความเห็นผิด)  ของท่านให้หมดไปเพื่อประโยชน์

ของท่านในอนาคตกาล


พญานาคราช
:
เช่นนั้นรึ!  แต่วิธีการของพวกท่านนั้น  ช่างทารุณเป็นอย่างยิ่ง  มิสมควรแก่สมณะภาวะเลย

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 02:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อสิ้นคำบริภาษ  (กล่าวโทษ  ติเตียน)  ของพญานาคราชแล้ว  พระโมคคัลลานะจึงเนรมิตกายากลับเป็น

พระสมณะ  เดินเข้าช่องหูขวาของพญานาคราชแล้วออกทางช่องหูซ้าย  เดินเข้ารูจมูกซ้ายแล้วออกมารูจมูกขวา

หมายเพิ่มความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้บังเกิดขึ้นแก่พญานาคราช  เพื่อผลแห่งการสอนสั่งให้บังเกิดสัมมาทิฐิ

(ความเห็นถูก)  ในอนาคตอันใกล้นี้


ความทุกขเวทนานั้น  เป็นที่ประจักษ์ต่อพญานาคราชอย่างยิ่งยวด  แต่ด้วยความทะนงในศักดานุภาพของตน

ก็มิยอมสิ้นพยศให้อับอาย  จึงคิดเล่ห์เพทุบายหวังหลอกล่อให้พระสมณะเดินเข้าไปในปาก  และเมื่อนั้นก็จะ

เคี้ยวกลืนเป็นภักษาหารเสียให้จบสิ้น


บัดนั้น  พระโมคคัลลานะล่วงรู้วาระจิตแห่งการคิดนึกของพญานาคราช  และเพื่อสำแดงฤทธานุภาพอันยิ่ง

ให้เป็นที่ประจักษ์  จึงเดินเข้าไปในปากแล้วมุ่งตรงไปภายในอุทร  (ท้อง)  ของพญานาคราช  ทำการเดินจงกรม

จากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก  กลับไปกลับมาอยู่ในอุทรเช่นนั้น  หมายว่าอานิสงส์แห่งความเมตตานี้

จะคลายความถือดีของพญานาคราชให้เบาบางลงได้บ้าง


ฝ่ายพญานาคราชนั้น  เริ่มนึกท้อใจ  มิรู้จะทำเช่นไรที่จะต่อกรเอาชนะพระโมคคัลลานะได้  จึงกล่าวด้วยน้ำเสียง

อันน่าเวทนาว่า
พญานาคราช
:
ข้าแต่พระสมณะเจ้า  หากท่านมิได้มีจิตคิดทรมานเราให้สิ้นชีพตักษัย  ขออย่าได้

้เบียดเบียนเราอีกเลย  โปรดออกจากอุทรของเราในกาลบัดนี้เถิด

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 02:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อพระโมคคัลลานะยินคำอ้อนวอนดังนั้น  ด้วยจิตเมตตาอันบริสุทธิ์จึงสำแดงฤทธาออกจากอุทร  ยืนปรากฏกาย

อยู่เบื้องหน้าพญานาคราช  แต่ทันใดนั้น  พญานาคราชจะยอมสยบแต่โดยดีก็หาไม่  กลับเบ่งลมจากนาสิก (จมูก)

ความแรงประหนึ่งพายุหมุนเข้าถาโถม  หมายมั่นจะให้พระโมคคัลลานะปลิวลับหายไปจากท้องนภากาศ


แต่ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งในการเข้า - ออกฌานอย่างรวดเร็วของพระโมคคัลลานะ  พายุหมุนนั้นจะถั่งโถมรุนแรง

สักปานใด  ก็มิสามารถทำลายองค์ของสมณะให้หวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย


ครั้นพญานาคราชเห็นดังนั้น  ก็รู้สึกเข็ดขยาดกับฤทธิ์อำนาจของพระโมคคัลลานะเป็นอันยิ่ง  นึกตรึกในใจว่า

หากขืนต่อกรต่อไป  คงต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถึงกับม้วยมรณาอย่างแน่นอน  คิดดังนั้น  จึงรีบหลบหนีออกไป

จากที่นั้นอย่างรวดเร็ว


ฝ่ายพระโมคคัลลานะมิยอมให้การเป็นเช่นนั้น  จึงแปลงกายาเป็นพญาครุฑไล่ตามพญานาคราชไปอย่าง

ไม่ลดละ  ส่วนพญานาคราชก็เนรมิตกายาต่าง ๆ  นานา  เล็กบ้าง  ใหญ่บ้าง  เพื่อหลีกเร้นอย่างสุดแรงกำลัง

พระโมคคัลลานะก็ไล่ติดตามเป็นพัลวัน  จนพญานาคราชอ่อนแรงสิ้นกำลังจะหลบหนี  ความพยายามที่เคย

หมายจะเอาชนะกลับกลายเป็นความท้อแท้สิ้นหวัง


บัดนี้  พญานันโทปนันทนาคราชสิ้นแล้วซึ่งความพยศ  จึงรีบเนรมิตกายาเป็นมาณพหนุ่ม  เข้ากราบ

พระโมคคัลลานะ  แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าว่า

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้