แนวทางในการปฏิบัติของหลวงปู่คลิ้ง ผุสสฺธฺมโม เมื่อหลวงพ่อคลิ้งจำใจรับเป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อแดง เพราะมีพรรษามากกว่าพระรูปอื่น ที่มีอยู่ในวัด การปฏิบัติตัวของท่านก็ทำตัวเหมือนพระลูกวัดธรรมดา โดยทั่วๆ ไป ท่านไม่เคยเคร่งครัดอะไรกับใคร ไม่มีปัญหาอะไรกับใครเขา ไม่เคยด่า ไม่เคยว่าใครให้ทุกข์ ท่านเป็นเพียงหัวหน้าวัดเป็นเพียงผู้ดูแลวัดโดยมิได้สนใจอะไร แต่แอบฝึกฝนปฏิบัติต่อจิตอยู่เพียงลำพัง ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยจะศรัทธาท่านสมภารคลิ้งเท่าที่ควร จะมีบ้างก็เพียงแต่มาปรึกษาเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการทำบุญสุนทานเท่านั้น เนื่องจากหลวงพ่อท่านคลิ้ง ท่านไม่สนใจในวิชาอาคมใดๆ เลย ชาวบ้านจึงไม่ค่อยจะศรัทธาหันไปนับถือหลวงพ่อวัดอื่นๆ แทน ซึ่งเป็นการดีสำหรับหลวงพ่อท่านคลิ้งที่ไม่มีใครหันมาสนใจ ท่านจึงได้ฝึกฝนปฏิบัติของท่านไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องกิเลสของชาวบ้าน การฝึกฝนปฏิบัติต่อจิตของหลวงพ่อคลิ้งจึงเจริญรุดหน้าไปเรื่อยๆ โดยอาศัยเรียนรู้ในสัจธรรมต่างๆ จากโลกภายนอก การปฏิบัติของท่านคลิ้งนั้นท่านเคร่งครัดของท่านเอามากๆ โดยเฉพาะการสวดมนต์ไหว้พระและหมั่นทำสมาธิเป็นประจำทั้งเช้าและเย็นมิได้ขาดเลย “แม้แต่วันเดียว” ท่านทำกิจของสงฆ์มิเคยขาดตกบกพร่อง หลวงพ่อคลิ้งท่านแอบฝึกปฏิบัติของท่านเพียงองค์เดียวมากว่า 30 พรรษา โดยญาติธรรมในแถบนั้นไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าท่านสมภารคลิ้งจากวัดเล็กๆ ในหมู่บ้านนาสีทอง คือพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในศีลจริยวัตรอย่างมาก จนกระทั่งท่านได้มีโอกาสรู้ในสิ่งที่สมควรรู้เห็น ท่านไปของท่านเรื่อยๆ โดยมิได้สนใจใคร จนกระทั่งท่านสามารถหาทางออกของท่านได้สำเร็จเป็นพระอริยสงฆ์อีกองค์หนึ่ง พ่อท่านคลิ้งจะสั่งสอนธรรมให้กับใครก็ตาม ท่านจะดูวาระจิตของบุคคลผู้นั้นเสียก่อนว่า ควรจะนำอะไรไปสอน เพราะท่านสามารถที่จะรู้วาระจิตของมนุษย์ได้ ใครจะคิดอะไร ใครจะทำอะไร ท่านรู้ แต่ไม่สนใจ อดีตชาติของท่านนั้นก็มีความเกี่ยวพันธ์กับหลวงปู่ทวดอยู่มิใช่น้อย พ่อท่านคลิ้งได้ละสังขารด้วยโรคชราที่วัดนาสีทอง เมื่อ พ.ศ. 2546 สิริอายุ 96 ปี 59 พรรษา
|