ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
มรดกธรรม เส้นทางสู่ทางสงบในชีวิตและจิตใจ
»
พระฉัพพรรณรังสี
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 2365
ตอบกลับ: 2
พระฉัพพรรณรังสี
[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-4-25 12:20
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
พระฉัพพรรณรังสี
(โพสเพื่อเป็นพุทธบูชา และให้ท่านที่ยังไม่ทราบได้ทราบนะครับ)
ฉัพพรรณรังสี (อ่านว่า ฉับ พัน นะ รัง สี)
มี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย) ท่านอุปมาว่า
สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอกอัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระมัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง
สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทรายและมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ (กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจากพระเนตรทั้งสอง
สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้ากัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอกชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระโลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตรทั้งสอง
สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สีเหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)
สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)
สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้วผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจากพระสรีระเช่นกัน
ฉัพพรรณรังสีที่ซ่านออกมาหลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์มาถึงคัมภีร์มหาปัฏฐาน ในเบื้องต้นฉัพพรรณรังสีออกจากพระวรกายไปสู่เบื้องล่าง
จากมหาปฐพีใหญ่ อันหนาถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นลอดทะลุแผ่นดิน ลงไปจับน้ำในแผ่นดินหนาถึงสี่แสนแปดหมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นเมื่อเจาะทะลุลมแล้ว แล่นลงไปสู่อัชฎากาส อากาศว่าง ๆ ภายใต้ลม
ฉัพพรรณรังสีที่แผ่ไปสู่เบื้องบนแผ่ไปตั้งแต่มนุษย์และเทวภูมิ ๖ คือ จากนั้นแผ่ไปยังพรหมโลก ตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชชา จนถึงชั้นสุทธาวาส ๕ แล้วแล่นไปสู่อัชฎากาส
ฉัพพรรณรังสีที่ไปสู่เบื้องขวาอันหาที่สุดมิได้ ไม่มีรัศมีใด ๆ ที่เทียบเท่าได้เลย แม้รัศมีของพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว และเทวดาทั้งหลายก็สู้ไม่ได้
ฉัพพรรณรังสีที่ปรากฏในบรรดาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะให้ผู้อื่นมองเห็นหรือมองไม่ให้ก็ได้ แต่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระนามว่า พระมังคละพุทธเจ้า
มีพระรัศมีแผ่ไปมากกว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ คือ มีรัศมีแผ่ไปแสนโกฏิโลกธาตุ (แสนโลกธาตุเท่ากับแสนจักรวาล จักรวาลหนึ่งเท่ากับ ๓๑ ภูมิ)
ส่องสว่างเป็นรัศมีสีทองทั่วไปตลอดทั้งกลางวันกลางคืน กลบแสงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จนสิ้น ประชาชนจะรู้ได้ว่าเป็นกลางวันจากเสียงนกร้อง เป็นเวลากลางคืนเมื่อดอกไม้บาน
เหตุที่พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีฉัพพรรณรังสีส่องสว่างโดยตลอดนั้น เพราะสมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ยักษ์ตนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ได้มาขอบุตรสองคนจากพระโพธิสัตว์
พระองค์ทรงบริจาคให้โดยถือว่าเป็นบารมีไปสู่โพธิญาณ พอยักษ์ได้เด็กแล้วก็กินเด็กทั้งสองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นแล้วไม่มีความเสียพระทัยแม้เพียงปลายผม
กลับยังพระทัยให้เข้มแข็งปิติโสมนัสโดยเปล่งอุทานว่า
"ทานอันใดที่ให้โดยดีแล้ว ยังผลให้สิ้นอาสวะกิเลสเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพาน"
พระมังคละโพธิสัตว์ได้ทรงตั้งพระทัยปรารถนาว่า เมื่อพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ขอให้รัศมีแผ่ไปแสนจักรวาลตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พระองค์ทรงมีรัศมีแผ่ไปแสนจักรวาลคือ ในสมัยที่พระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้เห็นเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วคิดว่า ควรสละชีพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงได้พันกายของตนเป็นคบเพลิง และเอาเนยใสใส่ถาดทองคำสูงประมาณ ๑ ศอกเทินไว้บนศีรษะ แล้วจุดไส้ประทีปที่พันไว้ให้ลุกโพลงทั่วร่างกาย ทำประทักษิณเวียนขวารอบพระเจดีย์ตลอดราตรีจนส่วาง
ด้วยอำนาจแห่งการบูชานี้ แม้ขุมขนสักเส้นหนึ่งก็ไม่ไหม้ไฟ ด้วยอำนาจแห่งพระธรรมที่ยอมสละชีพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติให้เป็นสุข
ด้วยผลกรรมนี้ จึงทำให้รังสีของพระมังคละพุทธเจ้าแผ่ไปถึงแสนจักรวาลเป็นนิจตลอดกาล ในสมัยของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงปรินิพพาน พระฉัพพรรณรังสีนี้ก็ดับไปพร้อมกันทั้งหมด
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์มหาปัฏฐานแล้วเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสี รัศมีซ่านออกจากพระวรกายด้วยความบริสุทธิ์
การที่รัศมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ได้ตลอดเวลาก็ด้วยอำนาจแห่งพุทธวิสัย คือ พระเดช ๕ ประการ ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ
๑. ศีลเดช ทรงมีกาย วาจา เรียบร้อย มีศีลวินัยดียอดเยี่ยม
๒. คุณเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยอดเยี่ยมแก่สัตว์โลกทั้งปวง
๓. ปัญญาเดช ทรงมีพระปัญญาท่วมท้นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ
๔. บุญเดช ทรงมีบุญสั่งสมตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์
๕. ธรรมเดช ทรงรู้ธรรมตามความเป็นจริง แล้วนำมาสั่งสอนให้รู้ธรรมตามความเป็นจริง
ด้วยอำนาจพระเดช ๕ ประการนี้ จึงเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสีด้วยประการฉะนี้แล
คัดย่อจาก / ขอขอบคุณ
ปิยา ธรรมารักษ์
-----------------
จาก ธรรมะเพื่อชีวิต
เล่มที่ ๓๕ ฉบับวันมาฆบูชา ๒๕๔๖
มูลนิธิพุทธศาสนศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม
ที่มา..
http://board.postjung.com/m/665753.html
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Nujeab
Nujeab
ออฟไลน์
เครดิต
27800
2
#
โพสต์ 2014-4-25 14:32
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สาธุครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
3
#
โพสต์ 2014-4-25 20:25
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...