ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เป็นพระที่ดีและพลังแรงมากๆ สายพุทธคุณล้วน

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อานิสงส์ชินบัญชร

      พระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ตกทอดมาจากลังกา เจ้าประคุณสมเด็จค้นพบในคัมภีร์โบราณ ได้ดัดแปลงแก้ไขแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ได้เนื้อถ้อยกระทงความสมบูรณ์ แปลออกมาแล้วมีแต่สิ่งสิริมงคลแก่ผู้สวดภาวนาทุกประการ
      พระคาถานี้ เป็นการอัญเชิญพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าที่ได้เคยตรัสรู้มาก่อนหน้านั้น จากนั้นเป็นการอัญเชิญพระอรหันต์ขีณาสพอันสำเร็จคุณธรรมวิเศษแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน นอกนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่างๆอันโบราณจารย์เจ้าถือว่า เป็นพระพุทธมนต์อันวิเศษแต่ละสูตรมารวมกันสอดคล้องเป็นกำแพงคุ้มกันตั้งแต่กระหม่อมจอมขวัญของผู้ภาวนาพระคาถาลงมาจนล้อมรอบตัว จนกระทั่งหาช่องโหว่ให้อันตรายสอดแทรกเข้ามามิได้

อานุภาพแห่งพระคาถาชินบัญชร

      ผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กล้ากล้ำกราย ไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูลทวี ขจัดภัยจากภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ ทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริต แก้สรรพโรคภัยหายสิ้น เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารภนา ดังคำโบราณว่า “ฝอยท่วมหลังช้าง”จะเดินทางไปที่ใดๆ สวด ๙ จบ แล้วอธิฐานจะสำเร็จสมดังใจ
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอปิดท้ายด้วยเรื่องคาถา นะ ชา ลิ ติ ซึ่งเป็นพระคาถาที่มีปรัชญาในการงานที่ดีเยี่ยมคือ
นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ
ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน
ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย
ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด
ดังนั้นพระนาคปรกห้าพลังจึงมีอะไรมากกว่าที่หลายคนคิดไว้มากนัก
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
3. พระปิดตาหลวงปู่ชื่น จะกล่าวถึงเฉพาะองค์ที่เคยได้สัมผัสมานะครับ

พระปิดตาของหลวงปู่ชื่นที่ผมเคยได้สัมผัสมามีสี่แบบด้วยกันคือ
1.ปิดตาลอยองค์
2.ปิดตาใบเสมา
3.ปิดตารุ่นรับทรัพย์
4.ปิดตาผสมผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์

ก่อนจะลงรายละเอียดแต่ละรุ่น ต้องกล่าวถึงที่มาของพระปิดตาเสียก่อน
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระประวัติของปิดตา
พระภควัมบดี เป็นคติการสร้างรูปจำลองแห่งพุทธสาวก คำว่า "ภควัมบดี" หรือ "ภควัมปติ" แปลว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" อันเป็นอีกนามหนึ่งของ พระมหาสังกัจจายนะ หนึ่งในพระสาวกผู้ทรงเอตทัคคะ (เป็นเลิศ) ๘๐ รูป ของพระพุทธองค์
พระมหาสังกัจจายนะ เกิดในวรรณพราหมณ์ ณ กรุงอุเชนี มีผิวกายประหนึ่งทองคำมาตั้งแต่เกิด จึงได้นามว่า "กาญจนะ" และได้อุปสมบทโดยเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้)  พระมหาสังกัจจายนะ มีความเป็นเลิศทางการย่อพระธรรมคัมภีร์ให้สั้นลง และอธิบายความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง พระมหาสังกัจจายนะมีรูปร่างและผิวกายงดงามมาก และด้วยความงดงามแห่งรูปกายนี้เอง ก่อให้เกิดความหลงใหลคลั่งไคล้จากฝูงชนทั้งชายหญิง จนเกิดเรื่องพิพาทกันไม่รู้จักหมดสิ้น ทำให้พระมหาสังกัจจายนะเกิดสลดสังเวชในใจ พิเคราะห์ดูว่า การมีรูปกายงดงาม ก่อให้เกิดทุกข์มากมาย ท่านจึงตั้งสมาธิอธิษฐานเปลี่ยนสรีระรูปร่างกายเป็นต่ำเตี้ย พระอุทรพลุ้ย ศีรษะใหญ่ ขาสั้น อันเป็นลักษณะของ "พระสังกัจจายน์" ที่เห็นในปัจจุบัน  แม้จะอธิษฐานเปลี่ยนสรีระแล้ว ผลแห่งกุศลในอดีตชาติยังส่งผลให้ "พระสังกัจจายน์" เป็นที่รักใคร่นิยมยินดี มีแต่ผู้ให้ลาภสักการะสรรเสริญ
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้งหนึ่ง พระศาสดาพร้อมด้วยพระสาวก ๕๐๐ รูป เดินทางธุดงค์เรื่อยมาจนถึงทางสามแพร่งแห่งหนึ่ง ก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี ทางสามแพร่งแห่งนี้มีอยู่ ๒ เส้นทางสำคัญที่จะไปยังจุดหมาย
เส้นทางแรก เป็นระยะทางอันสั้น จัดเป็นเส้นทางลัดที่ใช้เวลาเพียงน้อยนิด ไปสู่จุดหมายได้รวดเร็ว
เส้นทางที่สอง เป็นเส้นทางที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าเส้นทางแรกหลายเท่า กว่าจะไปถึงจุดหมาย
เส้นทางแรก เป็นเส้นทางลัดก็จริง แต่ในระหว่างทางแทบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย จัดเป็นเส้นทางที่แห้งแล้งทุรกันดาร ถ้าเดินทางธุดงค์ผ่านไปก็จะเดือดร้อนเรื่องของขบฉัน ครั้นพอตกกลางคืน สมเด็จพระบรมศาสดาได้แสดงพระธรรมเทศนาตามกิจวัตรของพระธุดงค์ ซึ่งเมื่อตกกลางคืนก็จะมาสนทนากัน และในเวลานี้ก็มีพรหมเทพเทวดาทั้งหลายได้พากันมาสดับพระธรรมเทศนาของพระองค์ด้วย
ณ ที่ประชุม พระศาสดาทรงมีพุทธดำรัสตรัสถามในที่ประชุมสงฆ์ว่า จะใช้เส้นทางใดในการเดินทางธุดงค์ไปยังจุดหมาย ในที่ประชุมสงฆ์นั้นก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะใช้เส้นทางใด
พระศาสดาจึงมีรับสั่งถามว่า "ในที่ประชุมนี้พระสีวลี (หรือพระฉิมพลี-ผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะ) เดินทางมาด้วยหรือไม่" พระสาวกทั้งหลายกราบทูลตอบว่า "พระสีวลีมิได้เดินทางมาด้วย"
พระศาสดาจึงตรัสถามต่อไปว่า "หากว่าพระสีวลีไม่มาแล้วพระสังกัจจายน์มาด้วยหรือไม่" พระสาวกทั้งหลายกราบทูลตอบว่า "มาด้วย"
พระศาสดาจึงทรงมีพุทธบัญชาให้ใช้เส้นทางลัด อันเป็นเส้นทางทุรกันดาร เป็นเส้นทางในการเดินทางไปสู่จุดหมาย
หลังจากเลือกใช้เส้นทางลัดดังกล่าวเป็นข้อยุติแล้ว พระศาสดาจึงมีพุทธบัญชาปิดประชุม พระศาสดาและพระสาวกทั้งหลาย ต่างแยกย้ายกันไปจำวัดยังกลดของตน
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การประชุมสงฆ์ดังกล่าว ทำให้พระสังกัจจายนะบังเกิดความพิศวงเป็นยิ่งนักว่า ทำไม? พระศาสดาจึงต้องเลือกเสด็จไปทางลัดอันทุรกันดาร โดยให้มีท่านเดินทางไปด้วย? ท่านนั้นมีดีอะไรหรือ?
คิดดังนั้นแล้ว จึงตั้งจิตอธิษฐาน ยกมือทั้งสองปิดหน้า เรียกว่า เข้านิโรธสมาบัติปิดตาอธิษฐานลาภ เพื่อจะตรวจดูตัวท่านเองว่า มีความโดดเด่นอะไรหรือ? และท่านก็ได้ประจักษ์กับความจริงว่า ท่านเคยเป็นหมอยา (ในอดีตชาติ) รักษาโรค ได้บำเพ็ญทานบารมีด้วยการแจกยารักษาโรคให้ผู้คนทั่วไป โดยมิได้คิดค่ารักษา ด้วยอานิสงส์ผลบุญจากทานบารมีดังกล่าว ทำให้ท่านเป็นผู้มีความบริบูรณ์ในโภคทรัพย์ และลาภสักการะ
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นพอรุ่งเช้า พระศาสดาพร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลาย จึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังจุดหมาย โดยใช้ทางลัดที่ทุรกันดาร ซึ่งปรากฏว่า ด้วยบารมีธรรมของพระสังกัจจายนะ ทำให้มีทั้งมนุษย์และอมนุษย์ (เทพยดาพรหมทั้งหลาย) พากันมาใส่บาตรถวายแด่พระศาสดา และพระสาวกกันมากมาย ทำให้พระศาสดาและพระสาวกทั้งหลายไม่เดือดร้อนเรื่องภัตตาหาร ของขบฉันต่างๆ จนสามารถเดินทางถึงยังจุดหมายโดยสวัสดิภาพ
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีคติความเชื่อว่า พระสังกัจจายนะมีความโดดเด่นทางด้านโภคทรัพย์และลาภสักการะ จึงมีการสร้างรูปจำลองของพระมหากัจจายนะในปาง "เข้านิโรธสมาบัติปิดตาอธิษฐานลาภ" ซึ่งมีลักษณะเป็นพระอ้วนพุงพลุ้ย มือทั้งสองปิดอยู่ที่หน้า (ตา)
ปางที่เป็นรูปของพระสังกัจจายนะนั่งสมาธิแบมือบ้าง มือทั้งสองกุมอยู่ที่ท้องบ้าง ขึ้นมาบูชาเป็นสัญลักษณ์ของพระแห่งโชคลาภ จนแพร่หลายอยู่กระทั่งทุกวันนี้ โบราณาจารย์ได้จำลองลักษณะแห่งพระภควัมบดี ในรูปพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยแสดงความหมายที่สำคัญของพระภควัมปติ อันเป็นผู้มีความละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า
- พระสังกัจจายน์ อันเป็นที่รักใคร่นิยมยินดี เต็มไปด้วยลาภสักการะสรรเสริญ
- พระปิดทวารทั้ง ๙ อันเป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย - พระปิดตามหาอุตม์ อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ในกระบวนพระปิดตาของพระเกจิอาจารย์แต่โบราณนั้น มีขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัตถุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระ มีทั้งเนื้อชินตะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙ การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็นปริศนาธรรมที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน

ดังนั้น ถ้านำข้อมูลทุกชุดมารวมกัน ก็จะเห็นได้ว่า พระปิดตาไม่มีดีแค่เสน่ห์เมตตา และโชคลาภ เพียงเท่านั้นอย่างที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่ยังมีความหมายอื่นๆที่ลึกซึ้ง ที่วิเคราะห์ได้จากประวิติและเรื่องราวทั้งหมด

20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 18:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
1.ท่านสามารถอธิบายธรรมะให้ย่อสั้นลงและเข้าใจได้ง่าย ดังนั้นการมีพระปิดตาอยู่กับตัว หากระลึกได้อย่างถูกต้อง บุคคลผู้บูชาก็จะเข้าใจธรรมะได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถอธิบายให้แก่ผู้อื่นได้อีกด้วย ซึ่งการเผยแผ่ธรรมะของรพระพุทธองค์ อันได้รับฟัง อ่าน ธรรมะก็ดี หรือกล่าวธรรมะแก่ผู้อื่นก็ดี ย่อมเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ดังที่ว่า การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง ใครทีมีพระปิดตาไม่ว่าของสำนักไหน เก่าหรือใหม่ หรือรุ่นไหนของหลวงปู่ชื่นก็ตาม อย่าหวังเพียงเสน่ห์โชคลาภ คุณค่าที่แท้จริงของพระปิดตาอยู่ที่การเข้าใจและเผยแผ่ธรรมะ เพื่อสร้างบุญกุศลให้กับสรรพสัตว์ และสืบทอดพระพุทธศาสนาต่างหากเล่า

2.การที่ท่านปิดตาและเข้าเข้านิโรธสมาบัติปิดตาอธิษฐานลาภนั้น แสดงให้เห็นว่าท่านต้องเข้าสมาธิให้เป็นหนึ่งเสียก่อน ผู้ที่มีพระปิดตาอยู่กับตัว หากใช้ให้ถูกต้อง บุคคลผู้นั้นก็สามารถรวบรวมสมาธิ เพื่อตั้งจิตอธิฐานได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยการระลึกถึงองค์พระท่าน การทำสมาธิเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นในทุกๆทาง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องพุทธศาสนาหรอก ทางตะวันตกก็ทราบเรื่องนี้ดี ประโยชน์ของสมาธิที่ผมจะนำมากล่าวถึงมี 7 ข้อด้วยกัน



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้