ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 73354
ตอบกลับ: 108
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เป็นพระที่ดีและพลังแรงมากๆ สายพุทธคุณล้วน

[คัดลอกลิงก์]
พระที่มีพุทธคุณดังกล่าวของหลวงปู่ มีหลายองค์ แต่เหมือนจะไม่ค่อยมีใครพยายามเก็บกันซักเท่าใด ทั้งที่ดีมากๆ และใส่ได้ทุกสถานการณ์เพียงแต่จะไม่ได้เด่นในเรื่องเมตตาและเสน่ห์ก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าในเรื่องความมั่นคงของชีวิตในระยะยาว ผมอยากที่จะแนะนำ พระบางชุดที่หลวงปู่ทั้งสร้างไว้ครับ

1. พระยอดขุนพล
     เป็นพระที่พลังค่อนข้างแรงและรวดเร็วมาก หนักแน่นและมีกำลัง เหมาะเวลาเ กำลังใจตก หดหู่ ท้อถอย
    เพราะเป็นยอดขุนพล พระนี้จึงสามารถโน้มนำคุณสมบัติของยอดขุนพลให้เกิดขึ้นในตัวเราได้ ตามตำราพิชัยสงครามของซุนวู กล่าวว่า อันผู้บังคับบัญชานั้นเป็นเครื่องหมายของสติปัญญา ความเป็นธรรม ความเมตตา ความกล้าหาญ และเคร่งครัด ผู้ใดมีพระยอดขุนพล มีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง ประกอบความดี ละความชั่ว มีจิตใจเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น ย่อมได้รับอานิสงค์แก่ตัวเอง ได้แก่คุณสมบัติของยอดขุนพลดังกล่่าว
        ส่วนประสบการณ์ ต้องรู้ด้วยตนเองดีที่สุด แต่หลวงปู่ปลุกเสกกว่าห้าปี แน่นอนถือว่านานมาก พร้อมยังมีพุทธคุณทำน้ำมนต์ และเท่าที่ได้ฟังมาหลวงปู่ท่านตั้งใจบรรจุใต้ฐานพระด้วย แปลว่า พระนี้หลวงปู่ท่านต้องการสร้างไว้สืบทอดพระศาสนา ดังนั้นพระยอดขุนพลจึงเป็นของสูง เหมาะแก่การบูชาอย่างมิต้องสงสัย

By MorPie


metha ตอบกลับเมื่อ 2013-8-2 07:48
อาจารย์เคยบอกว่าห้อยพระยอดขุนพลแล้วต้อง ถือศิลและ ...

  ลำบากหละครับแบบนี้  
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
2. พระนาคปรกห้าพลัง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีพลังหลักอยู่ห้าอย่างอันได้แก่
1. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจบารมี
2. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีโชคลาภมีความสำเร็จแห่งชีวิต
3. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มีเมตตามหานิยม ลาภผลพูนทวี
4. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ปกป้อง แคล้วคลาด ปลอดภัย
5. พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองป้องกันมนต์ดำ เดรัจฉานวิชา วิญญาณชั่วร้าย

  พระนี้พลังดีและหนักแน่นมาก มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีความหมายที่ดีมากๆ องค์ประกอบกสร้างก็ดีมาก ทำไมจึงบอกอย่างนั้น อันนี้ตอบได้จากการวิเคราะห์อย่างละเอียด

ประวัติและความสำคัญ ครั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น ๗ วัน แล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่า มุจจลินท์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันนั้นเกิดฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน พญานาคมุจจลินท์ ผู้เป็นราชาแห่งนาค ได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบน เหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย ครั้งฝนหายแล้ว พญามุจจลินท์นาคราช จึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกาย พระพุทธเจ้า จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ ในที่เฉพาะพระพักตร์ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า สุโข วิเวโก ตุฏฺฐัสสะ สุตะธัมมัสสะ ปัสสะโต อัพยาปัชชัง สุขัง โลเก ปาณะภูเตสู สัญญะโม สุขา วิราคะตา โลเก กามานัง สะมะติกฺกะโม อัสมิมานัสสะ วินะโย เอตัง เว ปะระมัง สุขัง ฯ ความว่า ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขในโลกความนำออกเสียซึ่งอัสมินมานะ คือความถือตัวตนให้หมดได้นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข ภายในวงขนดของพญานาคมุจจลินท์นาคราชที่ขดแวดล้อมพระกายอยู่นี้
ดังนั้น คุณสมบัติสำคัญคือ ความปกป้องปลอดภัยจากเหตุอันไม่สะดวกต่างๆ ป้องกันการเบียดเบียนและสิ่งไม่ดีงามทั้งหลาย อีกทั้งยังเข้าถึงคุณธรรมของความสงัด การไม่เบียดเบียน และปราศจากกิเลสอีกด้วย นำพาความสุขยิ่งแก่ชีวิต
นอกจากนี้ยังต้องวิเคราะห์แผ่นยันต์ที่นำมาหลอมสร้างด้วย อันได้แก่
แผ่นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ แผ่นยันต์นวหรคุณ  แผ่นยันต์พระเจ้าสิบชาติ แผ่นยันต์พระสิวลี แผ่นยันต์นะชาลิติ แผ่นยันต์ชินบัญชร  

“พระเจ้าห้าพระองค์” คำนี้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายต่างรู้จักกันดีในนามคาถาพระเจ้าห้าพระองค์
ซึ่งมีใจความสั้นๆว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” เป็นคาถาที่เชื่อกันว่าเมื่อบริกรรมแล้วจะมีพระเจ้าห้าพระองค์มาสถิตที่ร่างกายทั้งห้าจุด นั้นคือแขนทั้งสอง ขาทั้งสองและกระหม่อม หากบริกรรมขณะต่อสู้ก็จะเกิดพลัง ไม่เหนื่อยง่าย บ้างก็เชื่อว่าถึงขั้นคงกระพันหนังเหนียว ตามตำนานพระเจ้าห้าพระองค์นั้นกล่าวว่า กาเผือกได้ตกไข่ 5 ฟองที่ภูลังกา วันหนึ่งเกิดลมพายุใหญ่หอบเอาไข่ปลิวไปตามลม ไข่นั้นได้ตกกระจัดกระจายไปในสถานที่หลายแห่ง ต่อมาไข่นั้นได้ฟักออกมาเป็นพระเจ้ากกุสันโธ พระเจ้าโกนาคโม พระเจ้ากัสสโป พระเจ้าโคตโม และองค์ต่อไปได้แก่ พระศรีอาริยเมตรัยโย ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตอีกประมาณ 750 ล้านปี เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้ ดังนั้นจึงเท่ากับการบูชาพระพุทธองค์พร้อมกันถึง 5 พระองค์
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ส่วนคาถาหัวใจพระนวหรคุณ หรือ พระคาถา อิติปิโส เก้าห้อง ซึ่งก็คือ หัวใจพระพุทธคุณ นั่นเอง เป็นพระคาถาที่ถอดใจความสำคัญออกมาจากพระพุทธคุณทั้ง 56 พระคาถา คาถาบทนี้ยังใช้ต่อสายสิญจน์ที่ขาด ใช้ปลุกสิ่งของต่างๆ ทั้งใช้ภาวนา เป็นเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดได้ คาถาบทนี้ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ใช้บริกรรมภาวนาขณะปลุกเสกวัตถุมงคล ไล่เรียงตั้งแต่ห้องที่ 1 ถึง ห้องที่ 9 ดังนี้
1.อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง สำหรับป้องกันไฟทั้งปวง
2.สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง สำหรับ เป็นตบะเดชะเสริมสร้างสง่าราศี
3. วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ สำหรับเสริมโภคทรัพย์โชคลาภ
4. สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี สำหรับใช้ในด้านการเดินทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ
5.โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้งสำหรับภาวะนาเมื่อเข้าป่าหรือที่มืด
6. อนุตตโร ปุริสะทัมมะสาิถิ หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่าสำหรับใช้ทางมหาอำนาจ ตวาดผี
7. สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นเสน่ห์เมตามหานิยม สมณะ ขุนนางเอ็นดู
8. พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สำหรับใช้ภาวนาอารมณ์ ทำให้ไม่ตกต่ำอับจน
9. ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนก ธรรมและสั่งสอนสัตว์สำหรับใช้ในทางป้องกันภยันอันตรายจากมนุษย์,อมนุษย์,อสูรกาย,สัตว์เดรัจฉาน,ป้องกันการประทุษร้ายเหล่านั้นได้ ทั้งสิ้นแล
แค่ปางที่สร้าง และแผ่นยันต์ที่นำมาหลอมแค่สองชุดก็มีพุทธคุณล้นมากนานาประการแล้ว
ต่อไปจะมาวิเคราะห์เพิ่มเติมถึง แผ่นยันต์พระเจ้าสิบชาติ แผ่นยันต์พระสิวลี แผ่นยันต์นะชาลิติ แผ่นยันต์ชินบัญชร
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระเจ้าสิบชาติ
หมายถึง ทศชาติชาดก ประกอบด้วย ๑. เตมียชาดก : บำเพ็ญเนกขัมมบารมี, ๒. มหาชนกชาดก : บำเพ็ญวิริยบารมี, ๓. สุวรรณสามชาดก : บำเพ็ญเมตตาบารมี, ๔. เนมิราชชาดก : บำเพ็ญอธิษฐานบารมี, ๕. มโหสถชาดก : บำเพ็ญปัญญาบารมี, ๖. ภูริทัตชาดก : บำเพ็ญศีลบารมี, ๗. จันทกุมารชาดก : บำเพ็ญขันติบารมี, ๘. นารทชาดก : บำเพ็ญอุเบกขาบารมี, ๙. วิทูรชาดก : บำเพ็ญสัจจบารมี และ ๑๐. เวสสันดรชาดก : บำเพ็ญทานบารมี
นำนามหน้าของแต่ละชาติมาเรียงรวมกันเป็น คาถาพระเจ้าสิบชาติ "เต ชะ สุ เน จา นา มะ ภู วิ เวฯ" คาถาพระเจ้าสิบชาติ เสกข้าวกินทุกวัน ปัญญาดีเลิศกว่าคนทั้งหลาย ทำน้ำมนต์ให้หญิงมีครรภ์กิน ลูกเกิดมาปัญญาเฉลียวฉลาดดีนัก ปราศจากโรคาพยาธิ และมีอนุภาพอื่นๆอีก
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระสีวลี ท่านเลิศทางมีลาภมาก จากผลบุญในอดีตชาติ

จนแม้กระทั้งองค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสิวลี ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ผู้บริโภคด้วยลาภ ยกเว้นแต่พระตถาคตเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดจะเลิศด้วยลาภเหมือนพระสิวลีเถรเจ้า”

บทเดิมจะว่า "นะ ชา ลิ ติ" หรือ "นะ ชา ลี ติ"

คาถาหัวใจพระสีวลีทั้ง ๔ ตัวนั้นถอดมาจากคาถา "ธรณีปริตร" ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้พระอานนท์

"ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลัง ชาลิเต มหาชาลิเต ชาลิตัง มหาชาลิตัง

มุตเต มุตเต มุตตัง มุตตัง สัมปัตตัง สุตัง คะมิติ สุตังคะมิติ มัคคะยีติ ทิฏฐิลา ทัณฑะลา มัณฑะลา

โรคิลากะระลา ทุพพะลา ริตติ ริตติ กิตติ กิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ มุตติ มุตติ จุตติ จุตติ

ธาระณี ธาระณีติ อิทังธา ระณะ ปะริตตัง"

สมัยโบราณ ถ้าหากจะลงอักขระให้ครบทุกตัวนั้น ก็คงจะยาวเกินไป จึงมีการย่อคาถาบทต่างๆให้สั้นลง

ซึ่งเรียกว่า "หัวใจ" และคาถา "ธรณีปริตร" ดังกล่าวนี้

ก็ได้ย่อให้เหลืออักขระที่เป็นหัวใจเพียงสี่ตัว คือ "นะ ชา ลิ ติ"

อานุภาพทางโชคลาภ เมตตามหานิยม ป้องกันภัยจากไฟอีกด้วยครับ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประวัติพระสีวลีเถระ
พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่น ๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ.ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความปรารถนาในอดีต
ในกัปที่แสน แต่กัปนี้ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ในครั้งนั้น ท่านได้เกิดเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี ได้ยินพระพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งสาวกของพระองค์ชื่อสุทัสสนะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้มีลาภมาก ดังนั้น ทรงปรารถนาในตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้นิมนต์ พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน ครั้น ถวายมหาทานแล้วก็ได้ตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ท่านเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภในอนาคตกาล.พระปทุมุตตระบรมศาสดา จึงทรงพยากรณ์ว่าความปรารถนาของท่านนี้จะสำเร็จในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป ท่านจะบังเกิดในนาม สีวลี ได้บวชในสำนักของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าโคตมะ ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช ดังนี้แล้ว เสด็จหลีกไป

ต่อจากนั้น ท่านก็กระทำกุศลจนตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ท่องเที่ยวไปกำเนิดในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ครั้นในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้ถือปฏิสนธิในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลพระนครพันธุมดี ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนคร และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมัยหนึ่งหลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จเที่ยวจาริกไปในชนบท กลับมาสู่พระนครพันธุมดี ครั้งนั้น พระเจ้าพันธุมะซึ่งเป็นพุทธบิดา ได้ทรงเตรียมอาคันตุกทาน เพื่อภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงปรารถนาจะทำมหาทานแข่งกับชาวเมือง ในวันใดที่พระราชาเป็นผู้ถวายทาน เหล่ามหาชนก็จะสังเกตดู และในวันรุ่งขึ้นก็จะเตรียมทานให้ยิ่งกว่านั้น และในวันถัดไป พระราชาก็จะถวายให้ยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๖ ซึ่งเป็นวันของชาวเมือง ชาวเมืองเหล่านั้นทั้งหมดได้จัดเตรียมสิ่งของไว้ทุกสิ่ง โดยตั้งใจจะไม่ให้มีสิ่งใดที่ขาดแม้สักสิ่งเดียว จึงได้ตรวจดูทานที่ตนได้เตรียมไว้ก็ไม่เห็นน้ำผึ้งสด มีเพียงน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้ว ชนเหล่านั้นจึงให้คนถือเอาทรัพย์คนละ ๑ พันกหาปนะแล้วส่งไปเฝ้ายังประตูพระนครทั้ง ๔ เพื่อขอซื้อจากผู้ที่มาจากชนบทนอกพระนคร

ในวันนั้นเอง ท่านเดินทางเข้ายังพระนครด้วยปรารถนาจะเยี่ยมนายบ้าน ในระหว่างทางท่านเห็นรวงผึ้งที่ปราศจากตัวอ่อน ขนาดเท่างอนไถ จึงไล่ตัวผึ้งให้หนีไป แล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้ง ด้วยตั้งใจว่าจะนำไปให้แก่นายบ้าน ฝ่ายผู้ที่ชาวเมืองมอบเงินไปเพื่อหาซื้อน้ำผึ้ง พบท่านถือรวงผึ้งสดเข้ามาจึงขอซื้อในราคาหนึ่งกหาปนะ

ท่านเกิดความคิดว่า ธรรมดารวงผึ้งนี้ย่อมไม่ถึงค่าน้อยกว่าหนึ่งกหาปนะมาก แต่บุรุษนี้ให้ทรัพย์กหาปณะหนึ่ง เห็นจะมีเหตุเบื้องหลังอยู่ จึงตอบปฏิเสธไป บุรุษนั้นจึงขึ้นราคาให้เป็นสองกหาปนะ ท่านก็ยังปฏิเสธอีก บุรุษนั้นก็ขึ้นราคาไปเรื่อย ๆ จนถึงพันกหาปนะ

ท่านได้พิจารณาเห็นเป็นเรื่องผิดปกติมากที่ขอซื้อรวงผึ้งสดด้วยราคาถึงพันกหาปนะ จึงได้สอบถามถึงเหตุผล บุรุษผู้นั้นจึงให้เหตุผลว่า พวกชาวพระนครได้ตระเตรียมมหาทาน เพื่อถวายพระวิปัสสีสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีสมณะ ๖ ล้าน ๘ แสนเป็นบริวาร ในมหาทานนั้นยัง ไม่มีน้ำผึ้งดิบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงขอซื้อ ในราคาเช่นนั้น.

ท่านเห็นเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่ จึงขอมีส่วนร่วมในมหาทานนั้น บุรุษนั้นไปบอกเนื้อความแก่ชาวเมือง. ชาวเมืองทราบในศรัทธาของเขาจึงอนุโมทนา ท่านจึงได้เอากหาปณะที่ตนเก็บไว้เพื่อเสบียงเดินทางจากบ้านไปซื้อเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ทำให้ป่น นำเอาน้ำส้มมาจากนมส้มแล้ว คั้นรังผึ้งลงในนั้น ปรุงด้วยจุณเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ใส่ลงในบัวตระเตรียมสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว ถือไปนั่งในที่ไม่ไกลพระทศพล เมื่อมหาชนเป็นอันมากนำเอาสักการะไป เขามองดูวาระที่จะถึงแก่ตนในลำดับ รู้ช่องทางแล้วจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สักการะอันยากไร้นี้เป็นของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ข้าพระองค์ รับสักการะนี้เถิด พระศาสดาทรงอนุเคราะห์เขา ทรงรับสักการะนั้นด้วยบาตรศิลา อันท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถวายแล้ว ได้ทรงอธิษฐานให้ไทยธรรมที่ถวายเพียงพอแก่ภิกษุ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า.น้ำผึ้งนั้นก็มีเพียงพอแก่พระสาวกทั้งสิ้น

ครั้นแล้วท่านถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้กระทำภัตกิจ เสร็จแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ด้วยผลแห่งกรรมนี้ ขอข้าพระองค์ พึงเป็นผู้ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยความเป็นผู้มีลาภ ในภพที่เกิดแล้ว ๆ ดังนี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จอย่างนั้น ดังนี้แล้ว ทรงกระทำภัตตานุโมทนาแก่เขาและชาวเมืองแล้วเสด็จหลีกไป.
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประวัติพระคาถาชินบัญชร
  คราวที่สมเด็จโตได้เดินทางไปกําแพงเพชรเพื่อเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ของท่านท่านไปที่วัดเก่าแห่งหนึ่งชื่อวัดเสด็จ
มี เจดีนิโบราญบรรจุพระบรมธาตุอยู่บนฝั่งแม่นํปิงพบคัมภีร์โบรายผูกหนึ่งเป็น ภาษาสิงหลฝังอยู่ในเจดียืนั้นท่าน่ข้าระคุรสมเด้จโตหยอบใส่ย้ามมา และเก้บไว้ที่กุฏิแดงวัดระฆังฯ ตี3เจ้า พระคุรสมเด็โตได้นิมิตเห็นหนุ่มรูปร่างสสูงโปร่งตาคมขําอาภรณ์ชุดขาวยืนอยู่ ที่หัวนอนท่านเจ้าพระคุรสมเด้จกําหนดจิตสมัผัสรู้ว่าผูที่ปรากฏในมิตไม่ใช่ มนุษยืแน่จึงถามในสมาธิจิตว่า"ท่านผู้เจริญการที่อาตมาภาพนี้มีตาได้ชมบารมี ท่านเป้นขวัยตาเหลือเกินท่านมาในมี่นี้ใสงใดที่อาตมาภาพปฏิบัติผิดพลาดใน หลักของพระพุทธศาสนาเล่าชอให้ท่านจงประสาทประทานการสอนให้กับอาตทาภาพนี้ แจ่มแจ้งในพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด อาคันตุกระใน นิมิตได้กล้วขึ้นว่า"ท่านโตวิธีดําเนินงานของท่านนี้คล้ายองค์สมณโคดมอยู่ แต่การที่จะคิดสร้างพระให้เป็นสิ่งที่ระลึกกับมนุย์นั้นสร้างสิ่งนั้นจะต้อง ดีท่านโตก็เชื่อในเรื่องจิตวิยญาณเพราะฉนั้นควรปฏิบัติตามกฏของโลกวิญยาณคือ วิธีวิธีตั้งให้ถูกหลักการในการปลุกเสกท่านเจ้าพระคุณสมเด็จกัหนดจิตออกไป ว่า" ท่านผู้เจริญขรัวโตนี้ได้รับฟังความเห็นของทุกๆคนถ้าแม้ท่านจะโปรดข้านี้ขอ ได้โปรดบอกมาเถิดจะด่าว่าตักเตือนก็ไมว่า

ท่านผู้มาเยื่อนได้แนะนํา วิธีการต่างๆในเรื่องทิสทางว่าทิศเป็นมงคลทิสไหนไม่เป็นมงคลในการวางธูป เทียน ดอกไม้เทียนชัยให้ตรงหลักระเบียบของโลกวิยญาณเรียกว่าเทวบัญญัติหรือพรมหบัญญัติโดยเฉเพราะเรื่องปลุกเสกพระ เครื่องรางของขลัง ท่านเจ้าพระคุณสมเด็ดได้จดจําคำแนะนําต่างไว้จดหมดสิ้นและกําหนดจิตถามต่อไปว่า ท่านเป็นใครก็ได้คําตอบว่าเป็นเท้ามหาพรมชินนะบัญชรเป็นลูกศิษย์ของพระโมลคัลลานะสําเร็จญาณชั้นสูง พอออกจากสมาธิท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ได้นำคัมภีร์ผูกนั้นออกมาศึกษาได้ความว่าปัญจระสูตรอัญเชิญพระบารมีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์มาปกป้องคุ้มครองท่านเจ้าพระคุณสมเด็จโตจึงรจนาตัดทิน บางส่วนออกบางคําที่แปลไม่ได้ก็คงไว้แล้วตั้งชื่อพระคาถาบทนี้ว่าชินบัญชร เพื่อถวายกุสลแด่ท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระตามบทสวดที่อสุถัทรโพสพระคาถาไว้ให้แล้ว
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-19 17:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คำแปล
พระคาถาชินบัญชร


      ๑. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรส คืออริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
      ๒. มี ๒๘ พระองค์ คือพระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นอาทิ พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
      ๓. ข้าพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนศีรษะพระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
      ๔. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง
      ๕ พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
      ๖. มุนีผู้ประเสริฐ คือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ ดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
      ๗. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
      ๘. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสิวลี พระเถระทั้ง 5 นี้ จงปรากฎเกิดเป็นกระแจจุณเจิมที่หน้าผาก
      ๙. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรสเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
      ๑๐. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวาพระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
      ๑๑. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฎานาฎิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
      ๑๒. อนึ่งพระชินพุทธเจ้าทั้งหลายนอกที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิดมีศิลาทิธคุณอันมั่นคง คือสัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
      ๑๓. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายในอันเกิดแต่โรคร้าย คือโรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
      ๑๔. ขอพระมหานบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญชรข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
      ๑๕. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูค้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติและรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้