ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1695
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อย่าหลงอารมณ์

[คัดลอกลิงก์]
อย่าหลงอารมณ์



ความยึดมั่นถือมั่น

เมื่อมีเราก็มีของเรามาหมายมั่นเหมือนกันกับฝาผนังถ้าไม่มีหัวตะปูแล้วห้อยเสื้อไม่ได้ห้อยกางเกงไม่ได้ไม่มีที่เกาะฉันใดถ้าภาวนาถึงที่แล้วมันก็"ไม่ใช่เรา""ไม่ใช่ของเรา"เป็นต้นพระอรหันต์ท่านจึงหลุดพ้นหลุดพ้นจาก"เรา" หลุดพ้นจาก"เขาอาสวะทั้งหลายไม่มีที่เกาะอาสวะทั้งหลายไม่มีที่แอบอิงไม่มีที่พึ่งถ้ามันหมดตัวเรา
การกระทำทุกวันการประพฤติทุกวันการพิจารณาทุกเวลาจึงเป็นปัญหาที่จะแก้ปัญหาให้รู้จักตัวว่าเราหรือไม่ใช่ของเราออกถ้ายังมีตัวเราอยู่อย่างอุปาทานก็มีของเราตลอดไปเมื่อมีของเราก็มีของหายมีของได้ เมื่อมีได้เมื่อมีเสียก็มีสุขก็มีทุกข์เมื่อมีสุขเมื่อมีทุกข์ก็มีเหตุมีปัจจัยหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุดที่จบลงได้
ฉะนั้นพระพุทธเจ้าของเราท่านจึงเน้นเน้นข้อประพฤติเน้นข้อปฏิบัติให้เห็นตามเป็นจริงเมื่อเห็นตามเป็นจริงแล้วก็สบายแต่เราไม่ค่อยเห็นตามเป็นจริงได้ง่าย
สมัยก่อนศีลสมาธิ ปัญญาไม่ค่อยมีมีแต่ว่าบรรลุธรรมะไปฟังธรรมก็ภาวนาไปด้วยเมื่อรู้จักธรรมความละอายก็เกิดขึ้นมาไม่กล้าทำในสิ่งที่ผิดทางกายวาจา ใจ เพราะได้ฟังธรรมะรู้เรื่องตามความเป็นจริงแล้วจึงมีความละอายความละอายท่านเรียกว่า"ศีล"จิตที่มั่นอยู่กับความละอายว่าจะเป็นบาปอยู่นั้นความมั่นในอารมณ์ที่ว่ามันเป็นบาปอันเดียวนั้นเรียกว่า"สมาธิ" ก็ได้เมื่อสมาธิความมั่นอยู่ในอารมณ์ไม่กระทำบาปทำใจให้สุขุม"ปัญญา" ความรู้เท่าทั้งหลายก็เกิดขึ้นมาบรรลุถึง "สนติธรรม"เห็นตัวเราของเราตามความเป็นจริงว่ามิใช่เราขึ้นมาเป็นตัวปัญญาเกิดขึ้นมาพ้นจากวัฏฏะสงสารอันนี้ได้ฉะนั้นในครั้งพุทธกาลท่านว่าเมื่อมีการฟังธรรมก็บรรลุธรรมเท่านั้นเองเมื่อมีศีลสมาธิแล้ว ปัญญาก็เกิดขึ้นมา


ความพอใจทำให้หมดปัญหา

เมื่อหากว่าเราพอแล้วสิ่งอื่นก็หมดราคาพูดง่ายๆว่าเรารับประทานอาหารแม้ว่าอาหารจะเอร็ดอร่อยอย่างไรก็ช่างมันเมื่อมันมีเกินที่เราต้องการแล้วถ้าหากว่าเราอิ่มอยู่ทุกอย่างแล้วอาหารที่เหลือนั้นมันหมดราคาน้อยลงไม่เหมือนเรารับประทานครั้งแรกทีแรกอันนั้นก็จะเอาอันนี้ก็จะเอามีราคาหมดทุกอย่างพออิ่มเข้าอิ่มเข้าอาหารที่อร่อยย่อมหมดราคาน้อยลงเพราะเราอิ่มมันเลยเป็นของหมดราคาเมื่อความหิวมีอยู่ก็เอาหมดผักน้ำพริกก็เอาแก่เท่าไรก็ว่าอ่อนเพราะความหิวมีอยู่ความอยากมีอยู่เป็นต้นความต้องการมีอยู่เมื่อความเป็นเราเป็นเขามีอยู่เป็นต้นมันก็มีปัญหาอยู่ตลอดกาลตลอดเวลาเสมอ


หลงโลก หลงอารมณ์

ดังนั้นการฟังธรรมะเพื่อจะอบรมใจเราให้เกิดปัญญาเพื่อให้ไปแก้ปัญหาของโลกปัญหาของโลกอยู่ไหน"โลก" คือ"อารมณ์"ที่มีอยู่รอบๆตาหู จมูก ลิ้นกายเป็นต้นจัดได้ว่าเป็นอารมณ์ดีชั่วทั้งหลายทั้งปวงเป็นอารมณ์อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงถ้าเราหลงอารมณ์ก็คือเรา"หลงโลก" "หลงโลก"ก็คือ"หลงอารมณ์"คำว่าดูโลกไม่ใช่ว่านั่งเครื่องบินไปรอบโลกโลกนั้นคืออารมณ์อารมณ์ที่ชอบใจไม่ชอบใจมีสุขมีทุกข์ทั้งหมดท่านเรียกว่า"อารมณ์" ซึ่งมันเกิดขึ้นกับใจเราก็มีนั่งอยู่เฉยๆก็เกิดขึ้นทางตาหู จมูก ลิ้นกาย ใจ เรามีอยู่รอบสิ่งทั้งหลายเท่านี้แหละเมื่อเราได้สัมผัสกับอารมณ์ทั้งหลายแล้วใจเรามันจะหลงอารมณ์ถ้ามันหลงอารมณ์มันก็แก้ปัญหาของโลกไม่ได้เมื่อแก้ปัญหาของโลกไม่ได้ใจเราก็เศร้าหมองก็ไม่ผ่องใสติดอยู่ในโลกเมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ถ้ามันติดปัญหาข้องปัญหาขึ้นมาจริงๆแล้วบางทีก็ร้องไห้น้ำตาไหลเคยร้องไห้ไหม?แก้ปัญหาลูกไม่ตกแก้ปัญหาเมียไม่ตกแก้ปัญหาวัตถุข้าวของเงินทองไม่ตกแก้ปัญหาความเจ็บไข้ไม่ตกมีแต่น้ำตาไหลออกมาเท่านั้นแหละคนโง่คนไม่มีปัญญา


สภาพของโลกและอารมณ์

คนแก้ปัญหาของโลกไม่ได้ก็ร้องไห้ถ้าไม่ร้องไห้ก็หนีหนีไปยิงตัวตายหนีไปกินยาตายหนีไปโดดน้ำตายมันก็หนีไปอย่างนั้นแหละเพราะคนโง่คนชั่วหนีไปทั่วนั่นแหละเหมือนกับไฟมันไหม้ป่าสัตว์ต่างๆก็หนีไปตามสัญชาติญาณของมันเพราะกลัวตายมันดับไฟไม่ได้มนุษย์เรานี้เหมือนกันฉันนั้นมันติดในอารมณ์แก้อารมณ์ของโลกไม่ได้เดี๋ยวก็ทะเลาะกันเดี๋ยวก็วุ่นวายกันเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวก็ร้องไห้วุ่นวายเป็นอยู่อย่างนี้เองสภาพของโลกเป็นอยู่อย่างนี้


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-7 10:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลงโลกจึงทุกข์

ฉะนั้น เราฟังธรรมก็เพื่อจะได้มีความรู้ไปแก้ปัญหาของโลกเพราะโลกอันนี้ไม่ต้องแก้ปัญหาอะไรให้มันมากมายมาแก้ความเห็นของเรามาแก้ความคิดของเรามาแก้ทิฏฐิของเราให้มีความเห็นอันถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิเท่านั้นโลกที่มันตั้งอยู่มันก็ตั้งอยู่ตามสภาพของมันเพราะเราไปหลงโลกมันจึงทุกข์โลกนั้นมันไม่ทุกข์โลกนั้นมันไม่ยากเราเป็นคนยาก
เหมือนกับเราเดินทางหนทางไกลเท่าไรมันก็ไม่เหนื่อยกับเราหนทางไม่เหนื่อยเราผู้เดินนี้เหนื่อยเราผู้วิ่งนี้มันหนักหนทางมันจะไปไหนก็ช่างมันไม่เมื่อยมันก็ไม่เหนื่อยมันเหนื่อยเพราะเราเดินทางมันเป็นอย่างนี้ฉะนั้นทางมันพอดีของมันอยู่พอดีอย่างไรถ้าเราเดินเหนื่อยเราก็พักก็ไม่เป็นไรถ้าเราฉลาดถ้าเหนื่อยแล้วยังขืนเดินไปก็ตายกับหนทางเท่านั้นแหละทางไม่เป็นอะไรถึงแม้ว่าเราจะหยุดมันก็ไม่บังคับให้เราเดินไปอีกถึงแม้เราจะไปอีกมันก็ไม่บังคับให้เราหยุดโลกมันเป็นอย่างนี้ถ้าเรารู้จักทางก็รู้จักกำลังของเราพอสมควรเราก็พักได้เราจึงค่อยเดินไปเป็นเรื่องของเราคนรู้จักทางเป็นอย่างนี้
คนรู้จักโลกก็เหมือนกันโลกมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้นเองทางนั้นก็เป็นโลกโลกนั้นก็คือหนทางถึงแม้ว่าเราเดินต่อมันก็ไม่สิ้นสุดสักทีโลกไม่ได้ทำให้เราทุกข์เราทุกข์เองฉะนั้นจึงมาแก้ที่เราใจเรานี้มันหลงโลกไม่ใช่โลกหลงเราเรามันหลงโลกเข้าใจไหม?ถ้าว่าอาหารทั้งหลายถ้ามันอร่อยไม่ใช่อาหารมันหลงเราเรามันหลงอร่อยอันนั้นหลงหวาน หลงเปรี้ยวหวานก็พอดีของมันเปรี้ยวก็พอดีของมันมันเป็นของพอดี


โลกเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมัน

โลกนี้เป็นของพอดีแต่เรามีความโลภทะเยอทะยานไปเอง ไม่รู้จักโลกไม่รู้จักภาษาของโลกไม่รู้จักความหมายของโลกว่ามันเปลี่ยนแปลงอยู่ตามธรรมชาติของมันอยู่ทุก วินาทีว่าเมื่อมันเกิดแล้วมันก็แก่แก่แล้วก็เจ็บเมื่อเจ็บแล้วมันก็ตาย
คนทั้งหลายเกิดแล้วก็ไม่อยากแก่แก่แล้วไม่อยากไปทางไหนอยากอยู่อย่างนี้ให้มั่นคงให้ยั่งยืนอยู่นี่อยู่กับลูกกับหลานนี่"ลูกไปไร่ไปนาลูกไปสวนมาบ้านคนขี้คร้านให้นอนอยู่บ้านอย่างเดียวเท่านั้นไม่ต้องไปที่ไหนอีก"อยากอยู่นี่ไม่อยากไปทางไหนไม่อยากให้เฒ่าไม่อยากให้เจ็บไม่อยากให้วุ่นวายไปกั้นแม่น้ำทะเลเอาไว้ถ้ากั้นไม่อยู่ก็ท่วมบ้านท่วมเรือนเหมือนเก่านั้นแหละตายหมดเหมือนเก่านั่นแหละ


รู้แจ้งโลก

ท่านจึงให้พิจารณาโลกปัญญารู้เท่าตามความเป็นจริงของโลกโลกเป็นอย่างใดก็ให้รู้เท่าตามเป็นจริงมันซะถ้าเรารู้จักปัญหาของโลกแล้วก็เหมือนกันกับเรารู้จักธรรมะรู้บรรลุธรรมะเมื่อรู้จักธรรมะแล้วมันก็รู้แจ้งโลกเมื่อรู้แจ้งโลกก็ไม่ติดในโลกเป็น"โลกวิทู รู้แจ้งโลก"
ฉะนั้นธรรมะนี้จึงมีอานิสงส์มากท่านว่าฟังธรรมะมีอานิสงส์มากการให้ธรรมเป็นทานได้บุญมากกว่าสิ่งทั้งหลายปวงมันก็ถูกอยู่



การฟังธรรมก็ได้บุญคนฟังธรรมเอาบุญเกิดจากการฟังไม่ค่อยมีทุกวันนี้ฟังแล้วหมดไปหมดไปเรื่อยๆไม่รู้จักอะไรการฟังธรรมการรักษาศีลปีนี้ชาวพิบูลฯเขามารดน้ำเขามาขอศีลขอก็ให้ นั่งดีๆอาราธนาแล้วข้อ ๑. อย่าฆ่าสัตว์๒. อย่าลักขโมยของเขา๓. อย่าไปนอกใจลูกใจผัว ใจเมียข้อ ๔. อย่าโกหกกันข้อ ๕. อย่ากินสุราเอาแหละใครจะเอาก็เอาถ้าจะเอา เอาไหมล่ะ?พูดอย่างนี้ทำไมให้ศีลง่ายจังนั่นแหละให้ง่ายๆอย่างนี้แหละมันจะยากอะไรถ้าจะเอาเอาไหมล่ะเรื่องเท่านี้เรื่องไม่มากหรอกเขาไม่ค่อยได้ยินเขาอาราธนาขอศีลก็ว่าไปมันไม่ค่อยได้เรื่องแบบนั้นมันตรงเกินไป


ข้าวไม่กินจะกินแต่รำ

กระเทาะเอาเปลือกเอารำมันออกหมดไม่ค่อยอยากจะได้มันไม่รู้จักของกินหรือนี่ทีเอาข้าวสารให้ไม่ค่อยอยากจะกินแต่ถ้าเลียแกลบเลียรำนั้นเร็วมากชอบมาก

ที่มา http://www.ubu.ac.th/wat/ebooks/ ... _Lost_in_Moods.html

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้