ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 33113
ตอบกลับ: 31
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หนึ่งในเจ็ดตะกรุดของพระคณาจารย์ " ที่ใช้ได้ผลอย่างเหลือเชื่อ

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-31 08:38

ถ้าจะพูดถึงเรื่อง "เครื่องรางของขลัง" แล้วจัดว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับและเหลือเชื่อมาก ตำราพิชัยสงครามได้ระบุว่า "นักรบสมัยโบราณจะมีความเชื่อมั่นในวัตถุมงคลที่ตนเองได้รับมาจากครูบา อาจารย์ เมื่อได้รับมาแล้ว จะเก็บรักษาอย่างมิดชิด ยามนอนกับภรรยา จะต้องอาราธนาเอาของมงคลนี้ออกจากตัวทุกครั้ง" ต่างกับคนในยุคนี้ ซึ่งใช้เครื่องรางของขลังที่คณาจารย์ทำให้ด้วยใจคะนอง บางคนอวดดี นำเครื่องรางที่ตนได้รับมามาทำการทดลอง จึงเห็นบางคนมีเครื่องรางเต็มคอ พอมีเรื่องก็ถูกยิงตายคาที่ก็มี บางคนแขวนพระเต็มคอประสบอุบัติเหตุถึงกับขาหัก แขนหัก ก็โทษว่าเป็นพระที่ตนเองแขวนอยู่ไม่ช่วยถึงกับขาดความนับถือในวัตถุนั้นๆ ก็มีเรื่องนี้ ต้องพิจารณากันใหม่

          "วัตถุมงคล" และ "เครื่องรางของขลัง" ทุกชนิด ที่พระคณาจารย์ผู้เรืองเวทย์ได้สร้างทิ้งไว้ และได้มอบให้ "คนดี" นำไปใช้ติดตัวนั้น จุดประสงค์ต้องการให้บุคคลผู้นั้นระลึกถึง "ความดี" ไม่เบียดเบียนใคร ได้มีโอกาสเจริญพระคาถาที่คณาจารย์แต่ละรูปนั้นมอบให้เพื่อเป็นอนุสติ เป็นเครื่องเตือนใจตนเองไม่กระทำความชั่ว หมั่นทำแต่ความดี

ถ้าทุกคนยึดได้แค่นี้ พระท่านก็ต้องคุ้มครอง จะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ซึ่งก็ได้มีตัวอย่างที่ปรากฏให้เห็นในยุคนี้แล้ว

          "วัตถุอาถรรพณ์" ที่สร้างโดยพระคณาจารย์ที่มีอำนาจจิตสูง หรือบางอย่างก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งผมจะแยกให้ท่านทราบพอเข้าใจนะครับ เป็นสังเขปนะครับ

          "วัตถุอาถรรพณ์" ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาตินั้น ซึ่งก็ได้แก่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ถือว่าวัถุนี้มีดีอยู่กับตัวและมีเทพรักษา สิ่งเหล่านี้ได้แก่ เหล็กไหล คดต่างๆ เขี้ยวเสือกลวง เขี้ยวหมูตัน เถาวัลย์หลง ไม้กาฝากต่างๆ และว่านบางชนิด ฯลฯ

          วัตถุอาถรรพณ์ ที่สร้างขึ้นมาโดยเกจิอาจารย์ที่มีเวทมนต์หรือมีวิชาอาคมสูง หรือสร้างโดยฆราวาสที่มีที่ไปที่มาว่าได้เรียนมาจริง (ปัจจุบันมีฆราวาสไม่เป็นจริง ก็อุปโหลกว่าเป็นหลอกลวงชาวบ้าน เอาเงินไปบำเรอความสุขตนเอง ถ้าเจอบุคคลเช่นนี้ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับกุมได้เลยครับ) ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ใช้ความเพียรของตนเอง สร้างวัตถุอาถรรพณ์ขึ้นมา เพื่อให้ญาติโยมได้ใช้ "ของดี" ทำด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์เพียงขอปัจจัยนำมาสร้างเสนาอาสนะ, วัดวาอารามให้ดีขึ้น ซึ่งการสร้างของแต่ละอาจารย์ก็พอจะสรุปได้ว่า มี

ดังนี้

1. เครื่องคาด อันได้แก่วัตถุที่ใช้คาดที่หัวหรือนำมาคาดเอว, คาดแขน หรือคล้องคอ

2. เครื่องฝัง ได้แก่วัตถุอาถรรพณ์ที่ใช้ฝังลงไปในเนื้อของคน เช่น เข็มทอง, ตะกรุดทอง, ตะกรุดสาลีกา (ใส่ตา) ซึ่งรวมถึงการฝังเหล็กไหลหรือโลหะอาถรรพณ์ต่างๆ ลงไปในร่างกาย ซึ่งจัดอยู่ในพวกนี้ทั้งสิ้น

3. เครื่องสวม ได้แก่วัตถุอาถรรพณ์ที่ใช้สวมคอ, สวมนิ้ว, สวมหัว, สวมแขน

4. เครื่องอม ได้แก่วัตถุอาถรรพณ์ที่ใช้อมในปาก เช่น ลูกอม, ตะกรุดลูกอม ดังนี้เป็นต้น

          พระคณาจารย์แต่ละรูปไม่ว่าในอดีต และปัจจุบัน มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการสร้าง "วัตถุอาพรรพณ์" ซึ่งก็มีหลายรูปด้วยกัน ถ้าเป็นในอดีตก็มี หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ซึ่งสร้างตะกรุดมหาโสฬส, หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า, หลวงพ่อหนิด วัดท่ากง จ.ระยอง, ตะกรุดฝาบาตรหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จ.พิจิตร ฯลฯ ซึ่งถ้าจะนำมาพูดถึงก็คงจะจบยาก เนื่องจากมีหลายคณาจารย์ที่มีการสร้างยอดวัตถุอาถรรพณ์ได้อย่างล้ำลึก และใครๆ ก็ปรารถนาอยากจะได้ไว้เป็นสมบัติของตนเอง

          จุดประสงค์ของการเขียนเพื่อแนะนำวัตถุอาถรรพณ์ในคอลัมน์ผมนี้ก็ไม่ต้องการ ให้ผู้อ่านไปแสวงหาของพระคณาจารย์ยุคเก่า เนื่องจากเราเกิดไม่ทันอาจจะเสี่ยงกับ "ของปลอม" ก็ได้ จึงอยากจะขอแนะนำเฉพาะพระคณาจารย์อยู่ในยุคปี 2500 ขึ้นไป ซึ่งก็พอจะมี "ของแท้" หลงเหลือให้ท่านนำไปใช้ติดตัวได้ ซึ่งก็ขอให้ท่านพิจารณาเป็นรายๆ ไป

          วันนี้ผมขอรวมยอดเกจิอาจารย์ที่สร้าง "เครื่องราง" ได้ขลังจริงๆ มีผู้ไปใช้ และก็ได้นำมาเล่าให้ฟังสุดๆ ว่าใช้แล้วเยี่ยมจริงๆ จึงต้องบอกเพื่อนฝูงให้นำไปใช้บ้าง ซึ่งผมจะนำมาเล่าเป็นท่านๆ ไปนะครับ

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่าน แรก คือ ท่านพระครูภาวนาภิรัติ หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ จ.ระยอง ซึ่งเป็นยอดเกจิฯ เป็นเทพเจ้าแห่งภาคตะวันออกที่ทุกคนให้ความนับถือมาก หลวงปู่ท่านสร้างวัตถุมงคลหลายชนิดโดยเฉพาะเครื่องราง ซึ่งท่านก็สร้างไว้เหมือนกัน บางอย่างท่านก็สร้างน้อย เช่น ตะกรุดมหากำบังนิทราใหญ่, ตะกรุดมหาระงับ, ตะกรุดมหารูด, ตะกรุดหนังเสือ, ตะกรุดใบลาน, ตะกรุดใต้น้ำ, ตะกรุดโทน ฯลฯ

          ถ้าจะนำมาพูดทั้งหมด ก็คงจะเสียเวลากล่าวถึงพระคณาจารย์รูปอื่นอย่างแน่นอน จึงขอพูดถึง "ตะกรุดโทน" ที่หลวงปู่ท่านมักจะแจกให้แก่ใครๆ ที่ไปกราบท่าน "ตะกรุดโทน" ของท่านจะใช้แผ่นทองแดง, ทองเหลือง หรือแผ่นตะกั่วหรือเงิน ซึ่งก็แล้วแต่จะหาได้ นำมาตัดสี่เหลี่ยม และลงอักขระขอมที่ท่านได้เล่าเรียนมาจากครูบาอาจารย์ เมื่อลงเสร็จแล้ว เวลาม้วนตะกรุดจะต้องภาวนา "คาถาปิด"

          เท่าที่ทราบ บางทีท่านก็ภาวนา "พุททังปิด อิตติปิด ยะมิด" โดยกลั้นใจภาวนา หลังจากนั้นหลวงปู่จึงนำไปปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง ตะกรุดโทนของท่านนั้นใช้ดีทางด้านแคล้วคลาด, คงกระพัน ไปที่ไหนปลอดภัย ตะกรุดโทนที่สร้างยุคแรกๆ ไม่มี "โค้ด" ตอก เนื่องจากในยุคนั้นใครมารับกับมือหลวงพ่อก็แล้วกันไปภายหลังคณะของ คุณชินพร สุขสถิตย์ ได้เข้ามาสร้างวัตถุถวายหลวงปู่ จึงได้นำโค้ดมาตอกเพื่อจะได้จำได้ว่า เป็นของหลวงพ่อไหนสร้าง ซึ่งก็มี "คุณพัฒนา" ได้นำมาตอกตะกรุด โดยใช้ "เลข 3" เป็นสัญลักษณ์ สำหรับตะกรุดโทนที่วัดได้ลงนั้น ทางวัดได้ใช้โค้ดตัว "เฑาะว์" ตอกไว้เพื่อให้จำได้ และตะกรุดโทนรุ่นนี้หลังจากที่หลวงปู่ปลุกเสกให้แล้ว ก็ถูกบรรดาลูกศิษย์ใกล้ชิดแบ่งกันไปจนหมด ถ้าท่านเจอที่ไหนก็ให้เก็บไว้เถิดครับ เป็นของดีจริงๆ


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านที่สอง คือ หลวงปู่แก้วเกสาโร ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระลูกวัดที่จำพรรษาอยู่ที่วัดละหาร ไร่ ท่านนับถือหลวงปู่ทิมมาก หลวงปู่แก้วท่านเคยเป็น "เสือ" ที่ปล้นฆ่ามาก่อน ภายหลังท่านกลับใจจึงหนีมาบวช ตอนที่ท่านบวชอายุมากแล้ว หลวงปู่ทิมท่านยกย่องหลวงปู่แก้วมาก ท่านพูดอยู่เสมอว่า "ท่านแก้วมีวิชาสูง ใครอยากได้ของอะไรก็ให้ไปขอกับท่านแก้ว" ซึ่งพอไปขอกับหลวงปู่แก้วทีใด หลวงปู่จะไล่ให้ไปขอคุณพ่อ ซึ่งแสดงถึงท่านกตัญญูต่อคุณพ่อ ให้ความสำคัญต่อหลวงปู่ทิมเป็นอย่างมาก

          ครั้งหนึ่งมีคนนำวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมไปลองยิง พอท่านรู้เข้าท่านพูดว่า
"พวกไม่ต้องเอาของคุณพ่อไปลองหรอก ลองมายิงตอไม้ที่เยี่ยวรด มันก็ไม่ออกเหมือนกันว่ะ"
พวกนั้นเห็นหลวงปู่แก้วท้าเช่นนั้น ก็ลองแอบไปยิงดู ปรากฎว่ายิงไม่ออก ต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมากับหลวงปู่ และจะขอของจากหลวงปู่แก้ว ปรากฎว่าท่านไม่ให้ ท่านไล่ให้ไปเอาที่หลวงปู่ทิม ซึ่งพวกนี้ก็ไปขอที่หลวงปู่ทิม แก่ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะหลวงปู่ทิมท่านั่ง "นิ่งเงียบ" ไม่ยอมพูดกับใครเลย

          หลวงปู่แก้ว ได้สร้างวัตถุมงคลหลังจากที่หลวงปู่ทิมมรณภาพแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่วัด หนองพะวา ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาหลายชนิดเช่นกัน อาทิเช่น ล็อกเกตรูปเหมือนท่าน หลังฝังเส้นเกศา และพระธาตุ พระกริ่ง 9 แก้ว เหรียญรูปเหมือนปี 18 สีฝึ้งนางหลงเงา ตะกรุดเทพรัญจวน ปรกมะยาม เหรียญปิดตา ฯลฯ

         
ตะกรุดเทพรัญจวน เป็นวิชาสุดยอดที่หลวงปู่แก้วตั้งใจสร้างให้ คุณอนุชิต ตั้งความเพียร ที่ได้อุปการะดูแลหลวงปู่แก้วมาตลอดจนท่านมรณภาพ หลวงปู่ได้ทำไว้เพื่อตอนแทนคุณความดีของลูกศิษย์คนนี้ ที่ได้สละมาดูแลท่านอยู่ที่วัดหนองพะวา ท่านจะบอกคุณอนุชิตว่า "ตะกรุดเทพรัญจวนนี้ท่านเรียนมาจากหลวงปู่ทิม" ไม่ทำให้ใคร ดีทางเมตตา-มหานิยม ใช้ติดตัวเป็นที่รักแก่บุคคลผู้อื่นและบุคคลทั้งหลาย นำตะกรุดนี้แช่ในน้ำหอมปลุกเสกโดยคาถาที่ท่านได้มอบให้ 3 ครั้งนำน้ำมันหอมนี้มาตัวทาที่คิ้วไปไหนเป็นที่รักแก่เพศตรงข้าม จะให้ใครก็ต้องดูว่า เป็น "คนดี" หรือเปล่า จึงค่อยให้ไป มิฉะนั้นจะเป็นบาปทีหลัง

          ผมเคยเห็นลูกค้าคนหนึ่งมาเช่าตะกรุดเทพรัญจวนหลวงปู่แก้วถึง 10 ดอก บอกว่าจะไปเลี่ยมเป็นสร้อยสังวาลย์ให้เป็นสมบัติประจำตระลภายหลังลูกค้า ท่านนี้นำมาอวดให้ผมดู ก็รู้สึกดีเหมือนกัน เลี่ยมเป็นปล้อง และมีเม็ดทองคั่น วันไหนผมมีเงินจะลองไปทำดูบ้าง


4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านที่สาม คือ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม หรือ ท่านพระครูศรีฉพังคสังวร อดีตเจ้าอาวาสวัดจุกกระเฌอ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลวงพ่อเริ่มท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์เป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะ วิชาโหราศาสตร์ แม่นจนเหลือเชื่อ ท่านคนจริง ทำอะไรก็ทำจริง หลวงพ่อเริ่มได้ศึกษาวิชาอาคมกับ "หลวงพ่ออ่ำ" ผู้สร้างเครื่องรางรูป "แพะ" แห่งวัดหนองกระบอก จ.ระยอง ท่านไปเรียนวิชาฝนแสนห่า และสีฝึ้ง 7 จันทร์ ซึ่งจัดเป็นวิชาเมตตา-มหานิยมชั้นสูง โดยได้รับการทดสอบจากหลวงพ่ออ่ำผู้เป็นอาจารย์ โดยจับมัดมือหลวงพ่อเริ่ม ไพล่หลังค่อมตออยู่ริมป่าช้าผีดุ วัดหนองกะบอกและให้ "คาถา 4 ตัว" บอกให้ภาวนาจนเชือกหลุด เพื่อพิสูจน์พลังจิตของหลวงพ่อเริ่ม ปรากฎว่าหลวงพ่อเริ่มทำได้ หลวงพ่ออ่ำจึงรับเป็นศิษย์

          หลวงพ่อเริ่ม ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆ กับพระคณาจารย์หลายรูปอาทิเช่น หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ, หลวงพ่อสาย วัดหนองเกตุน้อย, หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี, หลวงพ่ออ่อง วัดหนองรี, หลวงพ่อผุย วัดหน้าพระธาตุ จ.ชลบุรี และเจ้าคุณศรี วัดอ่างศิลา เป็นต้น

          ท่านเรียนรู้จนจบและเชี่ยวชาญในอาคมเป็นอย่างยิ่ง เคยลงตะกรุดเสาร์ห้า ขนาดยาว 49 นิ้วด้วยตนเองจัดเป็นตะกรุดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไว้เพื่อเป็นสมบัติ ประจำวัดจนทุกวันนี้

          สำหรับตะกรุดโทน ที่ทำชื่อเสียงให้แก่หลวงพ่อ จนใครๆ ต่างรู้จักท่านมากก็คือ "ตะกรุดฟ้าลั่น" ท่านสร้างขึ้นประมาณ 300 ดอก มีโค้ดตัว "ร" ดอกที่ตะกรุด หลวงปู่เริ่มได้ทำการปลุกเสก และอธิษฐานจิตด้วยตนเองเป็นนิยมของผู้ที่ชมชอบเครื่องรางของท่านเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีขนาดมาตรฐาน และมีโค้ดตอก แถมพุทธคุณไม่ต้องพูดพึง สุดยอดครบเครื่องแน่นอน แถว อ.บ่อวิน มีคนถามหาตะกรุดรุ่นนี้กันมาก

ตะกรุดฟ้าลั่นนี้ ขนาดปลุกเสกได้เกิดเสียงฟ้าคำรามโดยปราศจากเมฆฝน จึงเป็นที่มาของชื่อนี้



5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่าน ที่สี่ คือ หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์เป็นพระเขมรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทำวัตถุอาถรรพณ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตะกรุดของท่าน นับว่าน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง ใครไปกราบท่านหลวงปู่จะหยิบตะกรุด และคาดเอวให้และสั่งว่า "คาดไว้เน้อ จะได้คุ้มครอง ไปไหนไม่ต้องถอดเน้อ นอกจากเวลานอนเท่านั้น"

          ตะกรุดที่ทำชื่อเสียงให้แก่หลวงปู่ฤทธิ์ ก็คือ ตะกรุด 12 ดอก ที่หลวงปู่ตั้งทำเพื่อแจกทหาร และตำรวจชายแดนที่ปกป้องประเทศชาติ เคยมีผู้ที่แขวนตะกรุดท่านแล้วไปเยียบหลุมระเบิดที่ชายแดนเขมร ปรากฏว่าตัวกระเด็นไปไกลแต่ไม่เป็นไร ภายหลังยังกลับมาห้หลวงปู่ฤทธิ์อาบน้ำมนต์ให้

ปัจจุบันท่านยังมี ชีวิต เป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก ท่านสร้างศาลาการเปรียญไว้ 1 หลัง เป็นศาลาอเนกประสงค์ใหญ่โตมากหมดเงินไปหลายล้านแล้ว แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อ ใช้ความเมตตาเจริญเป็นอารมณ์ จึงได้มีญาติโยมไปกราบท่าน และก็ทำบุญให้ท่านจนศาลาหลังใหญ่กำลังจะเสร็จเป็น "รูปธรรม" ไว้ให้ญาติโยมและชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในภายหน้า


6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านที่ห้า คือ หลวงปู่มัง อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านตาแผ้ว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพระที่พิ่งมรณภาพไปเมื่อไม่นานนี้เอง หลวงปู่มังเป็นพระสมถะ สันโดษ เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ฤทธิ์ ซึ่งเป็นพระคณจารย์แถว จ.สุรินทร์ และ จังหวัด บุรีรัมย์ ต่างนับถือหลวงปู่มังทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ธรรมรังษี ท่านอยู่รูปเดียวเงียบๆ

          วัตถุมงคลที่ท่านสร้าง แต่ละครั้ง ลูกศิษย์ต่างมาบูชากันไปหมดโดยเฉพาะตะกรุดของท่าน ท่านลงเองเสกเอง เมื่อใครไปเอาที่ท่านๆ จะมอบและบอกให้คาดเอวเดี๋ยวนั้นเลย หลวงปู่มังท่านสร้างวัตถุมงคลหลายอย่างที่ดังที่สุดก็คือ พระรูปเหมือน ห้อยคอและพระปรกมะขาม เคยมีคนนำไปลองแล้ว ใช้ปืนยิงไปที่ห่อปรกมะขาม ปรากฏว่ายิงเท่าไหร่ก็ไม่ออก ปัจจุบันนี้แทบไม่เห็นวางในวงการตลาดพระเครื่องเลย ใครเห็นก็เก็บหมด


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-31 08:47

ที่หก คือ หลวงตาชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์

เป็นพระเขมร เหมือนกัน มีวิชาสูงส่งในดวามเมตตา-มหานิยมปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านก็เป็นที่นิยมกัน ทั่วไป แต่ก็มี "ของปลอม" ทำเทียมออกมา และจำหน่ายไม่รู้จักหมด คือพูดง่ายๆ ว่ามีสร้างครั้งเดียวแต่กินจนตาย เสกหรือไม่เสกไม่สนใจ ขอให้กรูเอาตัวรอด รวยคนเดียวก็พอ คืนจะเดือดร้อนแบบไหนข้าไม่สน บาปกรรมจริงๆ ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมคนประเภทนี้ อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้นะความลับไม่มีในโลก

          นี้ก็มีสายด่วนจากทางวัดโทรมาบอกว่า "รูปหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อชื่น" ที่โฆษณาใน "สื่อ" เล่มหนึ่งทางวัดไม่เห็น หลวงตาชื่นไม่ได้ปลุกเสก โดยที่วัดตาอี มีรูปติดอยู่ และชี้แจงให้ญาติโยมได้รับทราบ ใครไปกราบหลวงตาก็ช่วยโทรมาบอกบ้างจะได้นำเรื่องอัปยศเกี่ยวกับการสร้างรูป หล่อชุดนี้มาตีแผ่ลงในหนังสือวงการพระเครื่องให้รู้ว่า "ผู้สร้างเป็นใคร?"  ซึ่งตอนนี้ผมกำลังฟังคำชีแจงกับคณะกรรมการของวัดตาอีอยู่

          หลวงปู่ชื่น ท่านเป็นพระป่า มีเมตตาสูง ใครจะนำวัตถุมงคลอะไรไปให้ท่านเสก ท่านก็ทำให้โดยไม่นึกถึง "ภัย" ที่จะตามาภายหลัง เกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านที่ทำไมผู้คนนำไปใช้จึงใช้ไม่ได้ผล เพราะเกิดการเสริมอย่างมโหฬาร คณะกรรมการวัดทุกท่านจึงลงมติว่า "ต่อไปการสร้างวัตถุมงคลที่วัดตาอี ทางคณะกรรมการจะเป็นผู้สร้าง ควบคุมจำนวนแน่นอนและมีโค้ดตอกป้องกันของปลอมแปลงเพื่อให้วัตถุมงคลออกมามี คุณภาพ ไม่เหมือนชุดก่อนๆ ที่มีผู้อื่นมาสร้างและแบ่งให้วัดเล็กน้อย

"ฉะนั้นถ้าท่านจะเช่าหา ก็ลองโทรไปไถ่ถามศูนย์ "จอมพระ" ซึ่งเจ้าของเป็นศิษย์เอกของหลวงตาก็คงจะได้รับความกระจางแจ้ง

          วัตถุมงคลยอดขลังของหลวงปู่ชื่น คือ ตะกรุดหัวใจนกถืดทือ ดีทางค้าขาย ท่านจะลงเป็นตะกรุดเล็กๆ ยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และจะต้องลงในคืนวันเดือนมืดสงัด ซึ่งแต่ละครั้ง หลวงตาจะทำไมกี่ดอก ท่านบอกว่า "นกถืดทือ เป็นนกที่หายาก เป็นนกทำกิน" ฝรั่งจะเรียกนกประเภทนี้ว่า "เจ้าแห่งนกกลางคืน" เวลานกถืดทือร้องเป็นเสียงออกมา บรรดาพวกแมลง, หน, ปู หรือชนิดต่างๆ เหมือนถูกมนต์ จะเดินออกมาจากที่ซ่อน เดินออกมาให้นกถืดทือกินทันที

          ตะกรุดนกถืดทือ นี้นำติดตัวดีมาก ปกติหลวงตาจะลงเองแทบทุกดอก ถ้าใครนิยมประเภทตะกรุดชนิดนี้ก็ลองไปขอกับหลวงปู่ชื่น หรือติดต่อศูนย์พระเครื่อง "จอมพระ" ดูได้ ซึ่งเป็นศูนย์ฯ สายตรงเกี่ยวกับวัตถุมงคลหลวงตาชื่น แทบทุกรุ่น ลองสอบถามไปที่นี้ ทางศูนย์ฯ ว่าคงไม่โกหกหรอกครับ เพราะทราบมาว่าทางศูนย์ฯ นี้รักและเคารพหลวงตาชื่นเป็นอย่างมาก





ผลงานการเขียนของ พ. เด็กวัด จากนิตยสารพระเครื่องร่มโพธิ์
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-31 08:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านที่เจ็ด คือ หลวงปู่ธีร์ วัดจันทราววาส จ.บุรีรัมย์ เป็นพระที่มีพลังจิตสูงมาก เคยเข้าสมาบัติไม่ฉันอาหาร ฉันแต่น้ำมนต์ ปิดตัวเองอยู่ในโบสถ์เป็นเวลาเกือบ 1 เดือน ร้อนถึงกรรมการวัดต้องปีนไปเปิดหลังคาโบสถ์ และนำท่านออกมา หลวงปู่ธีร์ ท่านเป็นพระแปลก ไม่ชอบนอนเป็นที่ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย

          วัตถุมงคลของท่าน ใช้ได้ผล แบบเหลือเชื่อจริงๆ ตะกรุดของท่านใช้ได้ครอบจักรวาล และท่านยังมีเชือกคาดเอวด้วย ซึ่งทำยากมากต้องใช้ จีวรผืนใหญ่เขียนอักขระครบสูตร และนำมาควั่นเป็นเชือกคาดเอว ซึ่งมีผู้รู้ไปสั่งจองให้ท่านทำเป็นจำนวนมากซึ่งก็แล้วแต่บุญของใครจะได้ไป วัดของท่านที่ อ.ลำปลายมาศ เป็นวัดใหญ่ ท่านเป็นผู้สร้าง และออกแบบเอง ใครผ่านไปทางนั้นก็ลองแวะไปกราบท่านดูนะครับ



ผลงานการเขียนของ พ. เด็กวัด จากนิตยสารพระเครื่องร่มโพธิ์
ขอบคุณคร้าบ
สาธุครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้