ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5624
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เอรกปัตตะ นาคราช พญานาคราชตะไคร่น้ำ

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-14 10:58



มีพญานาคตนหนึ่งชื่อ เอรกปัตตะ ได้แต่งเพลงบทหนึ่งให้ลูกสาวร้อง แล้วประกาศว่า ถ้าใครสามารถร้องเพลงแก้โต้ตอบในปริศนาธรรมนั้นได้ก็จะยกลูกสาวให้..มีคนไปขับร้องโต้ตอบเพลงทีลูกสาวพญานาคร้องมากมาย แต่ก็ไม่สามารถแก้ปริศนาธรรมในเพลงนั้นได้....จนวันหนึ่งมีมานพคนหนึ่ง ชื่ออุตตรมานพ ได้แต่งเพลงเตรียมจะไปร้องโต้ตอบกับลูกสาวพญานาค

วันนั้นอุตตรมานพอยู่ในข่ายพระญาณของพระพุทธเจ้าที่จะทรงไปโปรดพอดี พระองค์จึงเสด็จไปประทับ ณ ร่มไม้แห่งหนึ่งในระหว่างทางที่อุตตรมานพจะไป เมื่อมานพมาถึงพระพุทธเจ้าจึงถามว่าท่านจะไปที่ใด มานพจึงเล่าให้พระองค์ฟังว่าจะไปร้องเพลงโต้ตอบลูกสาวพญานาค

พระพุทธเจ้าจึงให้มานพร้องเำพลงให้ฟัง...พอมานพร้องเพลงจบพระพุทธองค์ก็บอกว่า เพลงนี้ยังใช้ไม่ได้ แล้วพระองค์ก็ประทานบทเพลงให้มานพไปขับร้องโต้ตอบกับลูกสาวพญานาค พอมานพได้ฟังบทเพลงแก้ปริศนาธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอน ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม เขาจึงนำเพลงนั้นไปร้องตอบโต้กับลูกสาวพญานาค

ในบทเพลงที่พญานาคแต่งให้ลูกสาวขับร้องมีใจความดังนี้
เป็นใหญ่ชนิดไหนจึงชื่อว่าพระราชา
พระราชาชนิดไหนชื่อว่ามีพระเศียรเปื้อนฝุ่น
พระราชาชนิดไหนไม่เปื้อนฝุ่น
คนชนิดไหนเรียกว่าคนพาล
คนพาลถูกกระแสน้ำชนิดไหนพัดไป
บัณฑิตจะบรรเทาเบาบาง
แก้ไขให้ตนให้ปลอดภัยได้อย่างไร
ใครที่คิดว่าเก่งช่วยตอบฉันที

บทเพลงที่พระพุทธเจ้าแต่งให้มานพนำไปโต้ตอบมีใจความดังนี้
เป็นใหญ่เหนือทวารทั้งหกเรียกว่าพระราชา
พระราชาที่มากราคะชื่อว่ามีพระเศียรเปื้อนฝุ่น
พระราชาที่ไม่มากราคะชื่อว่าไม่เปื้อนฝุ่น
คนที่มากราคะเรียกว่าคนพาล
คนพาลอันห้วงน้ำ(คือกามโอฆะเป็นต้น)ย่อมพัดไป
บัณฑิตย่อมบรรเทาโอฆะอันด้วยความเพียร
บัญฑิตผู้ไม่ประกอบด้วยโยคะทั้งปวงชื่อว่า
เป็นผู้เกษมจากโยคะ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-14 10:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-14 10:57



นาคราชพอฟังคาถานั้น ทราบความที่พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ดีใจว่า "เราไม่เคยฟังชื่อบทเห็นปานนี้ ตลอดพุทธันดรหนึ่ง "ผู้เจริญ พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกแล้วหนอ" จึงเอาหางฟาดน้ำ. คลื่นใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ฝั่งทั้งสองพังลงแล้ว. พวกมนุษย์ในที่ประมาณอุสภะหนึ่ง แต่ฝั่งข้างนี้และฝั่งข้างโน้น จมลงไปในน้ำ. นาคราชนั้นยกมหาชนมีประมาณเท่านั้นวางไว้บนพังพาน แล้วตั้งไว้บนบก.
               นาคราชนั้นเข้าไปหาอุตตรมาณพ แล้วถามว่า "แน่ะนาย พระศาสดาประทับอยู่ที่ไหน?"
               อุตตระ. ประทับนั่งที่โคนไม้ต้นหนึ่ง มหาราช.
               นาคราชนั้นกล่าวว่า "มาเถิดนาย พวกเราจะพากันไป" แล้วได้ไปกับอุตตรมาณพ. ฝ่ายมหาชนก็ได้ไปกับเขาเหมือนกัน. นาคราชนั้นไปถึง เข้าไปสู่ระหว่างพระรัศมีมีพรรณะ ๖ ถวายบังคัมพระศาสดาแล้ว ได้ยืนร้องไห้อยู่. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนาคราชนั้นว่า "นี่อะไรกัน? มหาบพิตร."
               นาคราช. พระเจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้เช่นกับด้วยพระองค์ ได้ทำสมณธรรมสิ้น ๒ หมื่นปี แม้สมณธรรมนั้นก็ไม่อาจเพื่อจะช่วยข้าพระองค์ได้. ข้าพระองค์อาศัยเหตุสักว่าให้ใบตะไคร้น้ำขาดไปมีประมาณเล็กน้อย ถือปฏิสนธิในอเหตุกสัตว์ เกิดในที่ที่ต้องเลื้อยไปด้วยอก ย่อมไม่ได้ความเป็นมนุษย์เลย ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เช่นกับด้วยพระองค์ตลอดพุทธันดรหนึ่ง.
               พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของนาคราชนั้นแล้ว ตรัสว่า "มหาบพิตร ชื่อว่าความเป็นมนุษย์หาได้ยากนัก การฟังพระสัทธรรม ก็อย่างนั้น การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า ก็หาได้ยากเหมือนกัน เพราะว่าทั้งสามอย่างนี้ บุคคลย่อมได้โดยลำบากยากเย็น"
               เมื่อจะทรงแสดงธรรม ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
                         ๓.         กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ            กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ
                                 กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ           กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท.
                                 ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก, ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย
                                 เป็นอยู่ยาก, การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก, การอุบัติขึ้นแห่ง
                                 พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก.

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-14 10:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-14 10:57



เนื้อความแห่งพระคาถานั้น พึงทราบดังนี้ว่า
               "ก็ขึ้นชื่อว่า ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ชื่อว่าเป็นการยาก คือหาได้ยากเพราะความเป็นมนุษย์ บุคคลต้องได้ด้วยความพยายามมาก ด้วยกุศลมาก, ถึงชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ชื่อว่าเป็นอยู่ยาก เพราะทำกรรมมีกสิกรรมเป็นต้นเนืองๆ แล้วสืบต่อความเป็นไปแห่งชีวิตบ้าง เพราะชีวิตเป็นของน้อยบ้าง, แม้การฟังพระสัทธรรม ก็เป็นการยาก เพราะค่าที่บุคคลผู้แสดงธรรมหาได้ยาก ในกัปแม้มิใช่น้อย
               อนึ่ง ถึงการอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็เป็นการยากเหมือนกัน คือได้ยากยิ่งนัก เพราะอภินิหารสำเร็จด้วยความพยายามมาก และเพราะการอุบัติขึ้นแห่งท่านผู้มีอภินิหารอันสำเร็จแล้ว เป็นการได้โดยยาก ด้วยพันแห่งโกฎิกัป แม้มิใช่น้อย."

               นาคราชไม่บรรลุโสดาบัน               
               ในกาลจบเทศนา เหล่าสัตว์ ๘ หมื่น ๔ พันได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว. ฝ่ายนาคราชควรจะได้โสดาปัตติผลในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้ เพราะค่าที่ตนเป็นสัตว์เดรัจฉาน. นาคราชนั้นถึงภาวะคือความไม่ลำบากในฐานะทั้ง ๕ กล่าวคือการถือปฏิสนธิ การลอกคราบ การวางใจแล้วก้าวลงสู่ความหลับ การเสพเมถุนกับด้วยนางนาคผู้มีชาติเสมอกัน และจุติ ที่พวกนาคถือเอาสรีระแห่งนาคนั่นแหละ แล้วลำบากอยู่ ย่อมได้เพื่อเที่ยวไปด้วยรูปแห่งมาณพนั่นแล ดังนี้แล.

มาจาก: อรรถกถา ธรรมบท ขุททกนิกาย พุทธวรรคที่ 14

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้