ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 9490
ตอบกลับ: 31
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ว่าน

[คัดลอกลิงก์]
ว่าน
ไม้ประดับนามมงคล
"ว่าน" คำที่ใช้เรียกนำหน้าชื่อต้นไม้โดยเฉพาะต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรและไม้ประดับบางชนิด ว่านหลายชนิดถูกเรียกว่า "ว่าน" จนติดปากและเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ จากการสืบค้นพบว่ามีการกล่าวถึงว่านในหนังสือตำรายาไทยชื่อ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ รวบรวมโดย พระยาพิศประสาทเวช ในปี พ.ศ. 2452 และ หนังสือชื่อ แพทย์ตำบล เล่ม1 รวบรวมจัดพิมพ์โดย พระยาแพทย์พงศา วิสุธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) ต้นตระกูลสุนทรเวช ในปี พ.ศ.2464 หนังสือทั้งสองเล่มกล่าวถึงว่าน 5 ชนิดเท่านั้นคือ ว่านกีบแรด ว่านนางคำ ว่านหางช้าง ว่านน้ำ ว่านเปราะ
หลังจากปี พ.ศ. 2464 เป็นต้นมา ว่านจึงเริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีตำราที่กล่าวถึงลักษณะว่าน ตำราที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับว่าน ใน ปี พ.ศ. 2476 หลวงประพัฒน์สรรพากร รวบรวมหนังสือชื่อ ตำรากระบิลว่าน จนเป็นที่ยอมรับในหมู่นักเล่นว่านและนับว่าเป็นตำราที่ให้ความรู้เรื่องว่านอย่างสมบูรณ์ที่สุด แม้ราชบัณฑิตสถานยังยอมรับและใช้เป็นหนังสืออ้างอิงในการชำระพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน โดยนิยามไว้ว่า "ว่าน คือพืชที่มีหัวบ้าง ที่ไม่มีหัวบ้าง ใช้เป็นยาบ้าง ใช้อยู่ยงคงกระพันบ้าง" เห็นได้ว่าความหมายตามพจนานุกรม ว่านคือพืชที่มีหัวหรือไม่มีหัวก็ได้ บางชนิดปลูกเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพร เป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันอันตราย พิษสัตว์กัดต่อย ยาเบื่อเมา ยาสั่ง ยาเสพติด สามารถดับพิษร้ายให้หายได้ ว่านแต่ละชนิดมีคุณานุภาพบันดาลให้เกิดผล เกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา มีคนเคารพนับถือ มีความเชื่อกันว่าการปลูกเลี้ยงว่าน ถ้าทำให้ถูกต้องตามพิธีการ ให้ความสำคัญว่าว่านเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ ก็ต้องมีพิธีมากกว่าการปลูกเลี้ยงธรรมดา เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปลูกเลี้ยงและเป็นการเพิ่มฤทธิ์ธานุภาพให้แก่ว่าน เช่น เวลารดน้ำต้องเสกคาถากำกับเป็นบทเป็นตอนต่างกันไป สามจบ เจ็ดจบหรือตามอายุของผู้ปลูกเลี้ยงแล้วแต่ชนิดของว่าน การขุดก็ต้องทำในวัน เดือน ต่างๆ กัน ทั้งข้างขึ้น ข้างแรม เช่น การขุดเก็บว่านมักเลือกวันอังคาร วันใดวันหนึ่งในเดือนสิบสองหรือไม่เกินวันพุธข้างขึ้นของเดือนอ้าย เวลาขุดใช้มือตบดินใกล้กอว่านหรือต้นว่าน แล้วเสกคาถาเรียกว่านไปตบดินไปจนจบคาถา จึงคอยขุดนำหัวว่านขึ้นมา
นับจาก พ.ศ.2484 ความนิยมว่านก็ค่อยๆ ห่างหายไป จนกระทั่ง พ.ศ. 2500 ความนิยมว่านให้ความสำคัญกับว่านกลับมาอีกครั้งหนึ่ง มีการรวบรวมจัดพิมพ์หนังสือว่านขึ้นมาอีกหลายฉบับ โดยเฉพาะหนังสือ ว่านกับคุณลักษณะ รวบรวมโดย นายเลื่อน กัณหะกาญจนะ จัดพิมพ์จัดจำหน่ายในนามของ สมาคมพฤกษศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมจากนักเล่นว่านมาก
ปัจจุบันผู้ที่ให้ความสนใจว่านไม่เพียงชื่นชอบเหมือนผู้เลี้ยงว่านในสมัยก่อนเท่านั้น แต่ยังให้ความสนใจในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในด้านอื่นๆ หลายรูปแบบ รวมทั้งการสนใจว่านในเชิงพฤกษาศาสตร์ ซึ่งมีการจัดแบ่งว่านได้ถึง 34 วงศ์ (Family) 512 สกุล (Genus) และ กว่า 1700 พันธุ์ (Species) มีทั้งว่านที่ให้ประโยชน์ทางยาสมุนไพรรักษาโรค ว่านที่มีชื่อเป็นมงคลนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ซึ่งมีความเชื่อว่าว่านเหล่านี้เมื่อปลูกเลี้ยงแล้วจะส่งผลให้ทำมาค้าขึ้น นำโชคลาภวาสนา มาสู่ผู้ปลูกเลี้ยง เช่นว่านที่เว็บไซท์ ๑๐๘ พรรณไม้ไทย นำเสนอนี้เป็นเพียงบางส่วนของว่านที่เป็นมงคลนาม มีความสวยงาม และเป็นที่นิยมของผู้ปลูกเลี้ยงทั่วไป


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านกวักแม่ทองใบ
ลักษณะทั่วไปว่านกวักแม่ทองใบ เป็นว่านที่มีหัวอยู่ใต้ดิน มีลักษณะกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ผิวนอกของหัวมีสีเขียวอ่อน เนื้อในหัวสีขาว มองดูเผินๆ จะเหมือนกับต้นพลับพลึง แต่ไม่ใช่เพราะไม่มีลำต้นเหนือดินอย่างพลับพลึง มีก้านใบแตกออกจากหัว โคนของก้านใบเป็นกาบสั้นๆ ก้านใบด้านบนแบนแต่ด้านหลังนูน กลางใบมีร่องสีเขียวเข้ม ใบยาวประมาณ 25-30 ซม. หน้าใบเป็นเส้นอย่างเห็นได้ชัด มีความหนาพอประมาณ แตกใบออกเป็น 2 ข้างสลับกันข้างละใบ เป็นใบรูปหอก ปลายใบมนแหลม โคนค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ ดอกสีขาว เหมือนดอกพลับพลึง มีเกสรสีเหลือง กลิ่นหอม มีก้านช่อดอกยาว ออกดอกเป็นกลุ่ม กลุ่มละหลายดอก มีกลีบดอกขนาดเล็กสีขาวโคนกลีบดอกมีพังผืดสีขาวเชื่อมระหว่างกลีบดอกการปลูกควรปลูกในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี กลบดินแค่ครึ่งหนึ่งของหัวว่าน อย่ากดดินให้แน่นนัก และให้รดน้ำทุกเช้า-เย็น ระวังอย่าให้น้ำขังเพราะจะทำให้หัวว่านเน่าได้การขยายพันธุ์โดยการแยกหัวความเป็นมงคลเป็นว่านมหานิยม เหมาะที่จะปลูกไว้หน้าบ้านหรือร้านค้าขาย ดูแล้วสวยงาม จึงดึงดูดให้ผู้พบเห็นเกิดความสนใจ เรียกโชคลาภเข้าร้านเข้าบ้านไม่ขาด


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านสี่ทิศ
ชื่อวิทยาศาสตร์Hippeastrum johnsonii.วงศ์AMARYLLIDACEAEชื่อสามัญWan-See-Tilชื่ออื่นๆ-ลักษณะทั่วไปว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์พลับพลึง มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดินมีลักษณะคล้ายกับหอมหัวใหญ่ ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นส่วนของก้านใบ และตัวใบเท่านั้น ลักษณะของใบเป็นสีเขียว รูปหอกยาวเรียว ปลายมน ขอบใบเรียบ ใบกว้างประมาณ 3-5 ซม. และยาวประมาณ 25–30 ซม. ก้านดอกจะแทงสูงขึ้นจากกอ มีความประมาณ 25-30 ซม. ดอกออกตรงปลายก้านดอก มีสีชมพูตรงปลายดอก ดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ เมื่อบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 6-8 ซม. และจะทยอยกันบานทีละ 4 ดอก จึงนิยมเรียกกันว่า “ว่านสี่ทิศ”การปลูกควรปลูกในดินปนทราย ให้น้ำ และความชื้นปานกลาง ว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบแสงแดดมาก จึงควรต้องปลูกในที่แจ้ง จึงจะเจริญเติบโตและมีดอกได้ดีการขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยแยกหน่อ หรือแยกหัวไปปลูกใหม่ความเป็นมงคลเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงว่านสี่ทิศให้ออกดอกพร้อมกันได้ทั้งสี่ดอกหรือสี่ทิศผู้เลี้ยงจะมีโชคลาภ และหากว่าในช่วงที่ว่านสี่ทิศกำลังออกดอกทั้งสี่อยู่นั้น ผู้เลี้ยงคิดจะทำอะไร ก็จะประสบความสำเร็จทุกประการ แต่ถ้าหากว่า ว่านสี่ทิศออกดอกไม่ครบทั้งสี่ดอก หรือออกดอกแค่ 2 หรือ 3 ดอก ก็จะไม่เป็นผลดีแก่ผู้เลี้ยงเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดแก่ผู้เลี้ยง

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านนางคุ้ม
ชื่อวิทยาศาสตร์Proiphys amboinensisวงศ์AMARYLLIDACEAEชื่อสามัญCardwell Lily, Northern Christmas Lilyชื่ออื่นๆว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้านลักษณะทั่วไปเป็นว่านที่มีหัวอยู่ใต้ดิน ลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ ซึ่งหัวประกอบไปด้วยกลีบของหัวที่เรียงซ้อนกันอยู่จนเป็นหัวกลม ใบกลมใหญ่ หนา คล้ายใบฟักทอง มีสีเขียว ก้านใบยาวสีเขียวแก่ ดอกออกเป็นช่อจากกลางกอ ก้านดอกเป็นแท่งสูงตรง จะมีดอกตูมก่อนแล้วบานเป็นสีขาว แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบ 6 กลีบ เกสรสีเหลือง มีกลิ่นหอมการปลูกดินที่จะนำมาปลูกว่านนางคุ้ม ให้นำไปเผาไฟเสียก่อน แล้วทุบดินให้แตกละเอียด แล้วตากน้ำค้างทิ้งไว้ 1 คืน จึงนำดินใส่กระถางสำหรับปลูกวางหัวว่านกลางกระถางแล้วกลบดินไม่ต้องให้ดินปิดหัวว่านจนมิด ให้หัวว่านโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย รดน้ำพอเปียกเท่านั้น อย่าให้น้ำมากไป เพราะจะทำให้หัวว่านเน่าได้ รดน้ำ เช้า-เย็น อย่างสม่ำเสมอการขยายพันธุ์โดยการแยกหัวความเป็นมงคลเชื่อว่าว่านนางคุ้มเป็นว่านที่มีความมงคลทางด้านคุ้มครองป้องกันอันตรายต่างๆ ถ้าปลูกไว้ในบ้านจะมีคุณทางป้องกันไฟไหม้ได้ คือ จะคุ้มครองให้บ้านและผู้เป็นเจ้าของรอดพ้นจากการถูกไฟไหม้

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านนางล้อม
ลักษณะทั่วไปเป็นว่านที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ในหนึ่งกอจะมีหัวใหญ่อยู่ 1 หัว อยู่ตรงกลางกอ มีหัวเล็กๆ ซึ่งเกิดทีหลังเรียงรายอยู่รอบๆ หัวใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นสีเขียว กลมเรียวเป็นมัน ใบแตกตรงส่วนยอดของหัวว่าน ใบคล้ายใบกุยช่ายพื้นใบสีเขียว ใบแคบเล็ก ยาว ขอบใบทั้งสองข้างใบจะเป็นเส้นขนานปลายใบแหลม ผิวและขอบใบเรียบ ไม่มีจัก ไม่มีก้านใบ

การปลูกให้ปลูกในดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำได้ดี และควรปลูกใส่กระถางปากกว้าง ทรงเตี้ย แล้วจัดวางกระถางว่านไว้ในที่ร่มรำไร อย่าให้โดดแดดจัด รดน้ำเฉพาะตอนเช้า เพียงวันละหนึ่งครั้งก็พอ รดน้ำให้ชุ่ม แต่อย่าให้แฉะ เพราะจะทำให้หัวว่านเน่าได้

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหัว

ความเป็นมงคลว่านนางล้อมเป็นว่านมหามงคล ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน จะช่วยป้องกันคุ้มครองบ้านเรือนให้รอดพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ได้ ทำให้ครอบครัวมีความอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากศัตรูหรืออมิตรทั้งหลาย
  

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านมหาโชค
ลักษณะทั่วไปว่านมหาโชคมีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ภายในหัวจะเป็นกลีบเรียงตัวซ้อนกันอยู่ คล้ายหัวหอมใหญ่ ส่วนที่โผล่พ้นผิวดินจะเป็นกาบใบ ใบ และดอกเท่านั้น ใบลักษณะคล้ายใบพาย ปลายใบแหลม โคนใบค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ พื้นใบสีเขียวเป็นมัน มีเส้นเรียงเป็นแถวตามแนวยาวของใบเล็กน้อย ก้านดอกเป็นทรงกรวยยาวประมาณ 30-40 ซม. ตรงปลายก้านแยกออกเป็น 5–7 ก้าน มีดอกสีขาวปลายก้าน มีกลีบเรียงซ้อนๆ กันเป็นทรงกลม 6 กลีบ มีเกสรกลางดอกเป็นสีเหลืองอ่อน และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย

การปลูกควรปลูกในดินปนทราย รดน้ำแต่ปานกลางพอให้ดินชุ่ม และให้ได้รับแสงแดดรำไร

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อไปปลูก

ความเป็นมงคลเชื่อกันว่าหากเลี้ยงว่านให้เจริญงอกงามดี ผู้เลี้ยงจะมีโชคลาภในทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นวรรณะ พละกำลัง อนามัยที่สมบูรณ์ และความสุข


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านมหาลาภ
ชื่ออื่นๆว่านหงสาวดี

ลักษณะทั่วไปว่านมหาลาภมีลักษณะต้นเหมือนว่านมหาโชค คือลำต้นเป็นหัวใต้ดิน หัวเหมือนหอมหัวใหญ่แต่มีขนาดเล็กกว่า ใบรูปใบพาย แต่ค่อนข้างสั้นและป้อม ปลายใบโค้งมนแหลม โคนใบค่อยๆ สอบเข้าหาก้านใบ พื้นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ก้านใบจะยาวกว่าใบเล็กน้อย ก้านดอกพุ่งตรงขึ้นมาจากกลางลำต้นสูงประมาณ 30-40 ซม. ออกดอกเป็นกลุ่มแล้วทยอยกันบาน ดอกสีแสดปนเหลือง กลีบดอกค้อนข้างเล็กและยาว ปลายกลีบมน เกสรยาวลงสู่พื้นดิน ส่วนปลายเกสรงอนขึ้นเล็กน้อย ช่อดอกหนึ่งๆ มีดอกประมาณ 3–7 ดอก ขึ้นกับความสมบูรณ์ของต้น

การปลูกว่านมหาลาภเจริญงอกงามได้ดีในดินร่วนปนทราย และผสมดินลูกรังสีแดงด้วย ควรให้มีการระบายน้ำที่ดี เพราะหากน้ำขังจะทำให้หัวว่านเน่าได้ หากปลูกในกระถางปากกว้างจะเหมาะมาก เพราะใบจะปกคลุมปากกระถางดูสวยงาม เป็นไม้ที่ไม่ชอบแดดจัดนักจึงควรจัดให้ได้รับแสงปานกลาง รดน้ำแต่ตอนเช้า

การขยายพันธุ์โดยการแยกต้น

ความเป็นมงคลว่านมหาลาภมีคุณประโยชน์ด้านเมตตามหานิยม ปลูกไว้ย่อมเกิดลาภผลทวีคูณหลายประการ มักปลูกเป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากเจริญงอกงาม ออกดอกดกดี ผู้ปลูกมักจะได้ลาภจากการเสี่ยงโชคเสมอ ในทางกลับกันหากว่าต้นอับเฉาไม่ออกดอกเป็นลางบอกเหตุว่าจะอับโชค เสียทรัพย์ เชื่อกันว่าการปลูกว่านมหาลาภควรปลูกในวันศุกร์ข้างขึ้นจะดีที่สุด


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านรางนาก
ลักษณะทั่วไปว่านรางนากเป็นหัวกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ใบจะงอกจากหัว ลักษณะใบหนาและแข็ง โคนใบจะเป็นกาบในรูปหอก ปลายใบแหลมมน ขอบใบเรียบ ไม่มีจัก ใบสีเขียวเข้ม หน้าใบมีร่องกลางใบเป็นสีขาวลากยาวตลอดใบ โคนใบด้านหลังเป็นสีแดง หรือแดงปนม่วง ดอกลักษณะเดียวกับว่านสี่ทิศ มีสีชมพูแสด โดยก้านดอกจะมีสีเขียวนวลยาวสูงพ้นใบ ดอกเป็นรูปกรวย ปลายดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ ช่อหนึ่งจะมีดอก 2–4 ดอก

การปลูกว่านรางนากชอบดินร่วนปนทราย ควรมีอิฐทุบละเอียดผสมผงถ่าน หรือใบไม้ผุ เวลาปลูกให้หัวว่านโผล่พ้นดินเล็กน้อย รดน้ำปานกลางเช้า–เย็น ควรอยู่ที่แดดร่มรำไร ปลูกในกระถางทรงเตี้ยจะงามยิ่งนัก

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการใช้หัว

ความเป็นมงคลเชื่อว่าว่านรางนากเป็นว่านเมตตามหานิยม หากปลูกในร้านค้าจะทำให้มีลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 13:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านไชยมงคล
ชื่ออื่นๆศรีกันไชย เศรษฐีสอด

ลักษณะทั่วไปเป็นว่านมีหัวเหมือนหอมหัวใหญ่ มีลำต้นซึ่งประกอบด้วยกาบก้านใบเรียวซ้อนกันหลายกานลำต้นสีขาว ใบเหมือนใบพลับพลึง แต่มีขนาดแคบกว่า พื้นใบสีเขียว ปลายใบมักมัดสอดอยู่อีกปลายใบหนึ่งต่อเนื่องกันไป ดอกสีขาวเหมือนดอกพลับพลึง

การปลูกควรปลูกด้วยดินร่วนปนทรายชอบน้ำ แต่อย่าให้แฉะ ควรจัดวางกระถางว่านไว้ในที่ร่ม หรือให้ถูกแสงแดดเพียงรำไร รดเช้าเย็น

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการใช้หัว

ความเป็นมงคลเป็นว่านทรงอำนาจช่วยคุ้มครองป้องกันภัยให้กับผู้ปลูกเลี้ยงจนตลอดบริเวณบ้านเรือน หัวมีสรรพคุณเป็นยาใช้กินหรือตำพอกแผลถอนพิษแมลงสัตว์กันต่อยได้ดี

ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-16 14:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ว่านแร้งคอดำ
ชื่ออื่นๆว่านแร้งคอดำ, ว่านคอแดง (กรุงเทพฯ), ว่านแร้งคอคำ (ภาคกลาง), ว่านคอแดง (ภาคใต้)

ลักษณะทั่วไปเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ลักษณะหัวกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ใบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานยาวเรียว ขอบใบเป็นคลื่นบาง มีความยาวประมาณ 60-90 ซม. กว้างประมาณ 7-10 ซม. ดอกออกเป็นช่อ เป็นกระจุกประมาณ 10-20 ดอก ตรงปลายช่อ ดอกตูมมีลักษณะเป็นรูปหอกมีกาบหุ้มยาวประมาณ 7-10 ซม. อยู่บนก้านดอกสั้นๆ ก้านดอกอวบหนามีความยาวประมาณ 60-90 ซม. กลีบดอกแยกเป็น 6 กลีบ และมีความกว้างกว่าดอกพลับพลึง เป็นสีขาว หรือแต้มด้วยสีแดงตรงกลาง หรือทางด้านหลังของกลีบ ส่วนเกสรตัวผู้จะมีอู่ 6 อัน และมีอับเรณูเป็นรูปโค้ง

การปลูกชอบดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้นสม่ำเสมอ ควรอยู่ที่แดดรำไร

การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ

ความเป็นมงคลเป็นว่านคงกระพันชาตรี ใช้หัวพกติดตัวหรือกินหัวว่านก็ได้

สรรพคุณทางยาใช้หัวฝนทารักษาอาการเคล็ด ขัดยอก บวม หรือจะใช้หัวดองกับเหล้ากินเป็นยาชักมดลูก เหมาะสำหรับผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ รักษาโรคเกี่ยวกับอาการปวดในข้อ รักษาโรคริดสีดวงทวาร และฝี ส่วนน้ำที่ได้จากใบใช้รักษาอาการปวดหู


ที่มา http://www.panmai.com/Warn/Warn.shtml
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้