ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ

ด้วยรักและศรัทธาในองค์หลวงปู่ชื่น

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2016-4-24 19:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนแรกผมก็ไม่รู้จักหลวงปู่ ก็หาเครื่องลางใส่ไปเรื่อยตามเวปต่างๆ เจอเก๊เพียบใส่แล้วเงียบสนิท อยู่ๆเกิดอยากได้ของ ลป ชื่นขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่แทบไม่ได้ศึกษาเครื่องลางหรือประวัติของหลวงปู่เลย ก็ลองหามาบูชาดู แต่ไม่รู้เลยว่าแท้ไหมดูไม่เป็น แต่พอใส่แล้ว ปสก มาตั้งแต่วันแรกเลย และก็เกิดขึ้นเรื่อยๆและเร็วมาก.. ทุกวันนี้ก็แขวนแต่ของ ลป ละครับ
โพสต์ 2016-6-24 00:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บางทีบททดสอบมันช่างหนักหนาสำหรับเรา แต่ศรัทธาก็ยังไม่เคลื่อนคลาย
โพสต์ 2017-3-11 14:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไม่ต้องยิ่งใหญ่และดูซาบซึ้ง ไม่ต้องดูเด่นเหนือใครๆ

ให้เพียงตั้งมั่นในศรัทธา ก็เพียงพอแล้ว
โพสต์ 2018-3-21 16:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2021-12-7 18:45

     สวัสดีคับพี่น้องเหล่า ค.ศ.ช  ทุกท่าน  ห่างหายจากกระทู้นี้ไปนาน  ด้วยติดภาระหน้าที่การงานและ  อยากรวบรวมเรื่องราวบางอย่าง  เพื่อมาบอกเล่าพูดคุยให้เหล่า  สานุศิษย์ของอาจารย์สรายุทธทุกท่านได้อ่าน   รวมทั้งผู้ที่เข้ามาศึกษาและศรัทธาใหม่ๆ  ได้รับรู้เรื่องราวของ วัตถุมงคลยุคหลังๆที่ อาจารย์ได้จัดสร้างกันบาง  ด้วยวัตถุมงคลของท่าน  ได้ออกมาให้เช่าบูชากันหลายต่อหลายรุ่น  ล้วนมีประสปการณ์  ต่อผู้นำไปใช้จน วัตถุมงคลบางอย่างเป็นที่หวงแหนของผู้ครอบครองยิ่งนัก   บางคนนำไปใช้ได้ผลแบบน่าพิศวง  จนทำให้วัตถุมงคลยุคหลังๆมานี่  ราคาแพงมาก  และก็หายากซะด้วย  หากไม่ขัดสนกันจริงๆ ไม่มีทางนำมาปล่อยให้บูชาต่อเป็นอันขาด
    ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็   ตะกรุดมนต์พระกาฬ   ล๊อคเก็ตมนต์พระกาฬ  ตะกรุดสามหัวเมือง ขุนแผนมะรุมมะตุ้มรุ่น 2  ฯลฯ  อีกรายรุ่นที่จัดสร้างเป็นเนื้อพิเศษ (ตอนนี้คนมีต่างก็เก็บเงียบ  กลัวเป็นเป้าคนอื่นที่อยากได้มาบูชา)   ที่ผู้ใช้นำไปบูชาจนมีประสปการณ์   แต่จะทราบกันไหมคับว่า  กว่าจะได้เป็นวัตถุมงคลที่ให้ผลขนาดนี้   อาจารย์และสานุศิษย์บางท่านลำบากลำบนกันขนาดไหน  กว่าจะนำมวลสารเหล่านี้มาจัดสร้างวัตถุมงคลได้ในแต่ละรุ่น   
   ถ้าจะให้บอกเล่าเรื่องราวคงจะยาว  เฉพาะที่ผมไปกับอาจารย์ท่านก็มากมาย  ของบางอย่างก็มาจากนิมิตรของอาจารย์  และบางอย่างก็มาจากหลวงปู่ท่านดลจิตดลใจ   อีกทั้งแต่ละสถานที่ไปนำมวลสารก็ไม่ทำมาดา   เคยถามอาจารย์เหมือนกันว่า  อาจารย์ท่านรู้ได้อย่างไรว่าสถานที่นี้มีของดี  ท่านก็บอกมาจากนิมิตรบ้าง  และเป็นสถานที่ๆเคยเดินทางมากลับหลวงปู่ชื่น  และท่านบอกเล่าถึงสถานที่นั้นๆว่าเป็นแบบไหน  ดีอย่างไร  และบางครั้งก็เป็นเรื่องบังเอิญ  ที่ไปพบสถานที่แบบนั้น  (บังเอิญนี่...บ่อยมากๆจน  แม้แต่ผมยัง พิศวงสงสัย)  อีกทั้งมวลสารที่ไปหาก็ต้องพลีถูกต้องตามตำราและวิธีการ  อาจารย์จะควบคุมดูแลการจัดหามวลสารด้วยตัวเองทุกครั้ง  เพื่อให้พวกเราได้ใช้วัตถุมงคลของท่าน  เห็นผลรวดเร็วและสัมฤทธ์ผล   ยกตัวอย่าง..........ดิน 7 ท่า ก็ต้องเอาดินที่  ท่าน้ำนั้นจริงๆ  เจอมากับตัวเล่นเอาผมกลับน้องอีกคนเหนื่อยสุดๆ  รองเท้าขาดไปคู่เลย  เพราะกว่าจะได้ครบ  7 ท่าต้องใช้เวลาทั้งวัน  และท่าน้ำนั้นๆต้องมีคนใช้บริการเยอะด้วย  อาจารย์ท่านว่าจะดีมากๆเลย     และอีกเรื่องคือ  ดิน 7 ป่าช้า   ต้องเป็นป่าช้ายิ่งมีความเฮี้ยน  ยิ่งเฮี้ยน  ยิ่งดี  งานในครั้งนั้นมีประสปการณ์กับผู้ไปนำดิน  กันจนถ้วนหน้า  รวมทั้งผมด้วย  (เรื่องนี้  จะนำมาเล่าให้ฟังคราวหน้านะคับ)   เรื่องราวการเสาะแสวงหามวลสาร   ในแต่ละครั้ง  บางแห่งมีเรื่องให้ต้องเก็บมาเล่าให้พี่ๆน้องได้รับทราบกันบ้าง   เพราะอยากให้รู้ถึงวัตถุมงคลของสำนักในแต่ละรุ่น  ไม่ใช้จะทำกันออกมาง่ายๆ  อย่างเช่นพระเครื่องหรือวัตถุมงคลของที่อื่น  ของที่นี่จัดเต็มทุกอย่าง  มวลสารใส่เต็มๆ  ฉนวนหล่อหลอมเต็มๆ   ไม่มีกั๊ก  เพียงเพราะอยากให้ผู้เช่าบูชาไป  นำไปใช้และมีประสปการณ์กันถ้วนหน้า   ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้หาได้ยากยิ่ง  ผมและพี่ๆน้องๆหลายๆคนต่างทราบดี  ถึงการหามวลสารมาสร้างวัตถุมงคลของสำนัักนี้    บางอย่างบทจะหาง่ายก็ง่ายสิ้นดี   บางอย่างบทจะยากก็ยากจนแทบถอดใจ  เหมือนยังไม่ถึงเวลา   แต่ทุกครั้งก็มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นจนประหลาดใจก็หลายหน   ยกตัวอย่างเช่น   
     ครั้งเมื่อกำลังเตรียมการจัดสร้าง  ขุนแผนแสนตรีเวทย์  พอมาถึงสำนักก็ได้รับ  คำบอกเล่าจากอาจารย์ว่าให้ไปที่  วัดๆหนึ่งในบริเวณไม่ไกลจากพำนักเท่าไรนัก  ไปขอผงพรายหลวงปู่ทิมและหลวงปู้แย้มให้ที   เนื่องจากอาจารย์  เล่าว่าช่วงนักสมาธิอยู่  สัมผัสได้ถึงพรายหลายตนมากราบ  นมัสการหลวงปู่ชื่นที่พำนัก  และอยากจะมาร่วมบุญด้วย (รายละเอียดบางอย่าง และสถานที่  ผมคงบอกเล่าไม่ได้  ด้วยเหตุผลบางประการนะคับ)   จึงให้ผมกับพี่โถนขับมอเตอร์ไซค์  ของพี่โถนเดินทางไป  ไปถึงก็เข้าไปกราบท่าน    และแจ้งจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้  ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก  แม้แต่ผมยังประหลาดใจว่า  ทำไมถึงช่างง่ายดายปานนี้  ซึ่งเราต่างก็รู้ดีว่า   ผงพรายของหลวงปู่ทิมและหลวงปู่แย้มต่างก็หาได้ยากยิ่ง    ท่านเดินไปด้านใน  ซึ้งไม่ไกลจากที่ผมยืนดูอยู่นัก   ไปตักผงพรายมาให้  ซึ้งอยู่ในถังพลาสติกใบเล็ก  2 ใบ  ที่วางแยกกัน  ท่านก็ตักผงที่อยู่ทั้ง  2 ใบให้ผมนำกลับพำนัก  โดยไม่ได้คิดมูลค่าใดหรือเรียกร้องอะไร  ตอบแทนเลย  ได้แต่ร่วมอนุโมทนาในการจัดสร้างพระเครื่อง แสนตรีเวทย์นี้เท่านั้น  และก็สวดมนต์ทำพิธีส่งมอบต่อให้ผมเป็นคนถือกลับ      ช่วงที่นำผงพรายกลับพำนัก  ก็มีเรื่องให้ต้องตกใจ  จนผมกลับพี่โถนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  เล่นพวกตรูสองคนกันแล้ว  ทำไงดีอาจารย์ไม่ได้สอนมาซะด้วย..............ค่อยมาต่อคับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2018-5-18 16:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2021-12-7 18:47

       ต่อ....ช่วงที่นำผงพรายกลับพำนัก  ก็มีเรื่องให้ต้องตกใจ  จนผมกลับพี่โถนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  เล่นพวกตรูสองคนกันแล้ว  ทำไงดีอาจารย์ไม่ได้สอนมาซะด้วย....

ขากลับหลังจากได้ผงพรายมาแล้ว   ผมนั่งซ้อนรถพี่โถนขับ  พอออกจากเขตวัด  ก็เกิดเหตุชวนให้ขนลุกทันที   อยู่ๆรถพวกผมก็มีอัน  บิดคันเร่งไม่ขึ้นเหมือนรถจะหนักมากจนวิ่งไม่ออก    แม้แต่จะขับข้ามสะพานเตี้ยๆก็ยัง   เร่งไม่ค่อยจะขึ้นผิดกับตอนขามาลิบลับ   ที่จริงไม่หน้าจะเป้นไปได้รถที่ขับมาก็ยังใหม่  ถอยออกมายังไม่ถึงปีและถามพี่โถนก็บอก   รถไม่เคยมีปัญหาอะไรขับอยู่ทุกวัน   และช่วงเวลาที่ขับกลับมานั้นเอง  ผมสองคนก็มีอาการมึนหัวขึ้นมาเฉยๆ   พี่โถนบอกคลื่นไส้จะอ้วก   ผมเลยบอกพี่ทนอีกนิดจะถึงสำนักแล้ว  เด่วจะเรียกอาจารย์และหลวงปู่ให้มาช่วย..................
       แต่พอมาถึงสำนักเท่านั้นล่ะ    อาการทุกอย่างหายไปหมดเลย  ผมต้องร้องเรียกอาจารย์ให้ออกมารับผงพรายไป   เพราะตอนกลับมาเล่นงานผม สองคนแทบจะอ้วก  พี่โถนบอกพอใกล้ถึงสำนักอาการของรถก็รู้สึกจะหายไปเลย  หลังจากนั้นพี่โถนแก่ก็หาที่ล้มตัวนอนพักทันที   เหมือนคนหมดแรง
      นี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งในการหามวลสารมาทำ  วัตถุมงคลของสำนัก   ยังมีเรื่องราวอีกที่ประสปฯ  มากับตัวกับศิษย์น้องๆหลายๆคน   เช่นเรื่อง  ไปนำดินเจ็ดป่าช้า     ไปนำดินจากท่าน้ำเจ็ดท่า   และ มวลสารจากสถานที่มีอาถรรพย์อีกหลายที่  แล้วจะนำมาทยอยเล่าให้ทราบกันนะคับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2018-6-7 10:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2021-12-7 18:48

       ว่าจะไม่กล่าวถึงแล้วก็..อด  สงสารผู้ศรัทธาใหม่ๆ  และสานุศิษย์หลวงปู่ชื่น  ที่มีภูมิความรู้น้อย  หลงไปเช่าหาบูชาวัตถุมงคล
ที่ทำเสริมออกมา  มากมายในช่วงนี้  ทั้งในเฟสฯ  และในเวปฯ  และที่สำคัญ  พวกที่มาทำเป็นกรูรูมากมาย  มีความรู้แค่นิดหน่อย
กลับทำเป็นผู้รู้  มากความสามารถ  ทั้งที่มันเป็นของทำเสริม  ผมเห็นแล้วอนาถใจมาก  
     อยากจะบอกว่าถ้าหลงเช่าบูชาแล้ว  นำไปใช้ไม่ได้ผล  อย่าเหมาว่าวัตถุมงคลของท่านไม่ดี  ไม่สมกับคำเลื่องลือไม่ได้นะคับ
ก็ที่เช่าหามาคือของทำเสริมไม่ได้ผ่านการปลุกเสก  โดยหลวงปู่ชื่นนะคับ  
    พวกที่เอาของเสริมมาปล่อย  ก็อ้างบอกมาจากจอมพระ  รับมาจากคนใกล้ชิด  สารพัดจะแอบอ้าง สร้างความหน้าเชื่อถือ ยิ่งมาเจอพวกมาศึกษาทีหลัง  กลับออกตัวเป็นกรูรู  ทั้งๆที่ไม่ได้มีความรู้มากมาย  อย่างที่สร้างเคดิตให้ตัวเองเป็นผู้ชำนาญเลยสักนิด  ที่ต้องออกมากล่าวแบบนี้เพราะเห็น  ในเฟสฯบางเเห่งนำของเสริมออกมาขายกันเป้นว่าเล่น  แล้วแอตมินออกมาบอกว่าแท้  จำนวนการสร้างก็มั่ว  จุดสังเกตุก็ให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง  มั่วไปเรื่อยๆ       อยากจะขายเพื่อให้ได้เงิน  ไม่สนหรอกคับว่าคนเช่าไปจะเป้นยังไง  พอเช่ามาแล้วใช้ไม่ได้ผลก็ปล่อยต่อไปเป็นลูกโซ่
ส่วนคนที่เสริมก็ทำเสริมออกมาเรื่อยๆเพราะเห็นว่าขายได้  ก็ทำออกมาหลอกเอาเงินผู้ศรัทธา
    อยากจะบอกว่า  พวกผมช่วยกันเล่าขานประสปการณ์  เพื่อบูชาพระคุณครูและหลวงปู่ชื่น  ให้เป็นที่รู้จักมากว่า 10 ปี กลับมาถูก
พวกเห็นแก่ได้  ทำลายซะนี่  แบบนี้จะไม่ให้ผมแรงกลับได้ยังไง
    ออกมาเตือนให้ระวังกันนะคับ  อย่าให้ความโลภครอบงำ ของเสริมออกมากัน  มากจริงๆ  คนรุ่นใหม่ไปเช่ากันเยอะ ก็ยิ่งเข้าทาง
พวกพ่อค้า...เท่านั้นเอง


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2018-7-24 14:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 10:04

             ได้เวลากลับมาเล่าเรื่องราว  กันต่อ  หลายปีแล้วที่เรา  เหล่าสานุศิษย์ หลวงปู่ชื่นและอาจารย์สรายุทธ  ได้มารวมตัวกันในบ้านหลังนี้  ผ่านวันเวลามากันขนานนี้คงได้รับรู้ว่า  วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นสุดยอดขนานไหน  หาของแท้ๆยากขนาดไหน  และทุกวันนี้พวกเราก็ได้รับรู้ถึงวัตถุมงคลที่  อาจารย์สร้างในยุคหลังๆ  ที่ออกมาให้เช่าบูชากันเป็นอย่างไร  วัตถุมงคลในยุคหลังๆ  หลายต่อหลายรุ่น   เป็นที่เสาะแสวงของสานุศิษย์รุ่นใหม่ๆ  กันมาก  เพราะวัตถุมงคลที่ท่านอาจารย์สรายุทธจัดสร้างขึ้น  ก่อประสปการณ์ให้กับผู้เช่าบูชากันไปมากมาย  รวมทั้งผมด้วย  บางรุ่นของท่านต่อให้มีเงินยังหาไม่ได้เลยก็มี  และยังแพงมากด้วย                        จากวันเวลาที่ผ่านมาหลายปี  เหล่าสานุศิษย์ที่นี่  หลายๆคนมีประสปการณ์มากมาย  แต่บางคนก็ไม่ได้นำมาบอกเล่า  เวลาพอผ่านไปก็หลงลืม  
รวมทั้งตัวผมด้วย  เพื่อไม่ให้หลงลืมจึงต้องมาลงบันทึกบอกเล่าในเวปฯ   เพราะบางเรื่องราวมันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ  และอัศจรรย์มาก  สำหรับตัวผม  บางครั้งยังนึกแล้วขนลุกไปทั้งตัว   ในการสร้างพระเครื่องหรือวัตถุมงคลของที่นี่    อาจารย์ท่านเน้นจริงๆต้องได้ของเหล่านี้มาทำมวลสารให้ได้
เพื่อความศักดฺ์สิทธ์และสัมฤทธ์ผล  วัตถุมงคลบางอย่าง   ก็ไม่ใช่ของหาได้ง่ายๆอีกทั้งบางสถานที่ก็เฮี้ยนสุดๆ   เหล่าสานุศิษย์ของอาจารย์สรายุทธที่ได้รับมอบหมายให้ไปเสาะหามวลสารนี้มาให้ได้    ย่อมทราบกันดีว่า  สิ่งที่ท่านใช้ให้ไปเอามานั้น ไม่ใช่ง่ายๆเลย
              เรามาเริ่มกันเรื่องราวกันเลยดีกว่า  ขอเล่าถึงประสปการณ์  การเสาะหามวลสาร  เพื่อมาทำผงพุทธคุณของพำนัก ติคญาโณ  แห่งนี้     เรื่องมีอยู่ว่า      อาจารย์  ผมกับเมธ  ได้นัดกันไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง   เป็นถ้ำ  เพื่อไปทำพิธีพลีมวลสารมาสร้าง  วัตถุมงคล   (ต้องกล่าวขอโทษก่อนว่า  ไม่สามารถบอกชื่อสถานที่นี้ได้จริงๆ   เพราะอาจารย์กลัวว่า  หากบอกออกไปจะมีคนเข้ามารบกวน  พวกเขาเหล่านั้นได้  และหากมีพวกที่อยากลองของ   ลองดี   เข้ามา ก็อาจจะเป็นอันตรายได้)   จากที่ทราบจากอาจารย์  บอกว่าถ้ำแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธ์มาก  เพราะเป็นสถานที่ เหล่าเกจิอาจารย์ยุคก่อน  มานั่งกรรมฐานศึกษา  วิชาไสยเวทย์  และสำเร็จกันมากมาย   ซึ่งหากเอ่ยชื่อออกมา  ผู้ที่เล่นหาพระเครื่องยอมทราบกันดีว่า   พระคุณเจ้าเหล่านี้ต่างก็มีชื่อเสียงกันทั้งนั้น   ขออนุญาติลงล่ะกันคับ    เริ่มจาก    หลวงพ่อกลิ่น วัดหนองบัว  ท่านเป็นองค์แรกที่สำเร็จวิชายัง สถานที่นี้   และ  เกจิอาจารย์เหล่านี้ก็มาศึกษา วิชาที่ถ้ำแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
-หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
-หลวงปู่เนียม วัดน้อย
-หลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน
-หลวงพ่อปาน วัดสว่างอารมย์ -
หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
-หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
-หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว  
-หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว  
เหล่าเกจิอาจารย์เหล่านี้คือ  ยุคแรก   และยังมีเกจิอาจารย์ในยุคหลัง   อีกหลายรูปก็มานั่งกรรมฐานสำเร็จไปอีกหลายรูป   เช่น  หลวงปู่แช่มวัดตาก้อง  ,  หลวงพ่อเดิม  ,หลวงพ่อเปิ่น  ฯลฯ  กล่าวได้ไม่หมดแค่ได้ยินแบบนี้ผมและเมธ  ก็อยากจะไปเยือนดูสักครั้งล่ะ     พวกเราตะเตรียมของไปทำพิธีที่นั่นแล้วก็ออกเดินทางไปยัง  ถ้ำแห่งนี้ทันที  เมื่อไปถึงสัมผัสแรกที่ได้รับคือ   ความเงียบสงบ  เมื่อถึงสิ่งแรกคือไปหาท่านเจ้าอาวาส   ผู้ดูแลสถานที่เพื่อบอกกล่าวท่านซะก่อน   แต่ก็ไม่พบใครเลย  เราเลยถือวิสาสะ  เดินขึ้นเขาไปยังถ้ำเอง     บันไดทางขึ้นยาวมาก   เล่่นเอาเหนื่อยเลย   เมื่อไปถึงปากถ้ำ  เจอเณร  หนึ่งองค์เลยสอบถาม  เณรท่านบอกเจ้าอาวาสไม่อยู่  ไปข้างนอกวัดเดี๋ยวจะกลับมา  พวกเราเลยถือโอกาสบอกกล่าวกับเณรว่าจะขอเข้าไปชม  ถ้ำสักหน่อย   เณรก็อนุญาติ    พอเข้ามาแรกๆก็ยังไม่รู้สึกอะไร   แต่พอเราเริ่มเข้ามาลึกขึ้นๆ   และแสงสว่างก็เริ่มจะน้อยลง  น้อยลง...................ค่อยมาต่อคับ
            








ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2018-7-24 16:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 10:05

  ต่อ.........เมื่อเข้ามายังภายในถ้ำ  ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีคนดูแล  มานานมาก  สังเกตุจากทีพื้นลานกว้างฝุ่นผงหนามากๆ   และไม่มีไฟฟ้า  มีแต่แสงจากข้างนอกที่ส่องเข้ามาถึงเท่านั้น   ภายใน...มี  พระพุทธรูป  และรูปปั้น  ให้คนสักการะบูชาอยู่หลายจุด  แต่เท่าที่ดู  เหมือนไม่มีใครเข้ามายังสถานที่นี้  นานมากแล้ว   และเมื่อสัมผัสบรรยากาศที่ได้รับคือ    ความเย็นยะเยือก   หลังจากพวกเรา  จุดธูปไหว้ พระพุทธรูปในถ้ำแล้ว      พวกเราก็เดินเข้าไปยังส่วนที่ลึกขึ้น   แสงจากด้านนอกเริ่มน้อยลง  และที่สำคัญบรรยากาศ  ยิ่งเดินลึกเข้ามา  ยิ่งหนาวยะเยือก  และ  แสงสว่างจากภายนอก เริ่มส่องมาไม่ถึง    ความมืดก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ    ผมกับเมธจึงต้องเอามือถือออกมาฉายไฟแทน   เพื่อให้มองเห็นเส้นทางเดิน  โดยให้อาจารย์ท่านเดินอยู่ตรงกลาง  พวกผมคุมหน้าหลังเอง   และเมื่อเริ่มเข้ามาภายในที่   ทางเดินวกวน   และไม่ราบเรียบ  บางจุดต้องก้าวลงบรรไดลิงที่ทำจากไม้ผุๆ     บางจุดมีสะพานเป็นแผ่นเหล็กที่บังคับให้เราเดินเรียงเดี่ยวเข้าไป  เราเดินเข้ามาค่อนข้างไกลจากปากถ้ำพอควร  ผมรู้สึกว่าไกลมาก   เพราะมือถือผมเปิดเป็นไฟฉาย  แบตมันร้องเตือนใกล้จะหมดเลย  ทั้งๆที่ผมชาร์ทมาเต็มเมื่อคืน  บรรยากาศตอนนี้ชักหนาวๆและกลิ่นความชื่น  ลอยเข้าจมูก ผสมกับกลิ่นมูลค้าวคาว   และที่สำคัญผมรู้สึกเหมือนใครกำลังจ้องมองเราอยู่   ไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้   ทั้งหมดก็รู้สึกเหมือนผม  และเมื่อผมกับเมธรู้สึกแปลกๆในบรรยากาศ   ความที่รู้งานว่าอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล กำลังจะเกิดขึ้น  ด้วยความเป็นลูกศิษย์   ผมกับเมธจึงพร้อมใจกัน  (เหมือนทุกครั้ง) ให้อาจารย์ท่านเดินนำหน้า   พวกผมตามหลังส่องไฟให้   จากแสงไฟเพียงน้อยนิดจากมือถือก็พอจะทราบได้ว่า   อาจารย์กำลังด่าพวกผมแน่นอน  (คงบ่นในใจว่า....ลูกศิษย์กรูนี่  รักกรูจริงๆ)  มาถึงจุดที่ต้องลงบรรไดแคบๆ  และใกล้จะถึงจุดหมาย  อาจารย์ก็หยุดและสั่งให้พวกเรากลับออกไปกันก่อน   ถึงพวกผมสองคนจะไม่ค่อยเข้าใจ   แต่ก็ต้องเดินกลับออกมาทางเดิมแบบ...งงๆ    หลังจากออกมาถึงปากถ้ำ    มานั่งพักเพราะเดินเข้าไปไกลมาก (ความรู้สึกของผม)
    อาจารย์ก็บอกให้กลับลงไปข้างล่างก่อน   โดยที่ยังไม่บอกอะไรพวกผม   ผมได้แต่บ่นว่า    กว่าจะเดินขึ้นบรรไดจากข้างล่างมาถึงปากถ้ำก็เล่นเอาผมหายใจไม่ทันล่ะ
เพราะมันไกลมาก    และนี่ถ้าต้องเข้าไปในถ้ำอีกจะทำยังไง  มือถือแบตฯเกือบจะหมดแล้ว   และข้อสำคัญนี่  ก็ใกล้บ่ายสามโมงล่ะ  กลัวจะกลับบ้านดึก   อาจารย์ไม่สนใจเดินนำพวกผมลงมาถึงข้างล่าง    และก็ได้มาพบกับท่านเจ้าอาวาส  (ท่านกลับมาจากข้างนอกล่ะ)  อาจารย์ก็เลยเข้าไปพูดคุยกราบนมัสการท่าน   ท่านก็เลยชวนเข้าไปคุยกันที่หน้ากุฎิท่าน    ซึ่งไม่ไกลนัก   ช่วงที่เดินตามท่านเจ้าอาวาสเข้าไป  ผมสงสัยจึงถามเหตุผลว่า    ทำไมอาจารย์เปลี่ยนใจให้พวกผมลงจากถ้ำมา  ทั้งๆที่จะถึงที่หมายแล้ว อาจารย์หันมามองหน้าผมและบอกว่า.............เห็นบางอย่าง  เป็นดวงตาสีแดง 2 คู่  กำลังมองพวกเราอยู่  รู้ด้วยจิตว่าไม่ค่อยดีจึงให้ออกมากันก่อน   ผมงี้พอฟังสตั้นไป  พักหนึ่งเลยทีเดียว   และก็เป็นเวลาที่เดินมาถึง  หน้ากุฎิของ  ท่านเจ้าอาวาสพอดี   ท่านบอกให้พวกเรานั่งลง   และเริ่มทักทายสอบถามกันพอสมควร  อาจารย์จึงสอบถาม   ประวัติ  ของถ้ำแห่งนี้  ว่าเป็นมายังไงและก็เริ่มสอบถาม  ว่าตอนที่ท่านมาจำวัดที่นี่ใหม่ๆ  มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  เอาที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องนะคับ  ท่านเล่าว่าตอนท่านมาจำวัดที่นี่ใหม่ ๆ   ก็เจอดีเหมือนกัน  เช่น  ท่านเห็นดวงไฟหลากหลายสี  ลอยเข้าไปยังในถ้ำแห่งนี้   และตอนกลางคืนท่านจำวัดแล้ว   ก็ฝันเห็น...หมาดำตัวใหญ่มาก   2  ตัว  ดวงตาสีแดงจ้า  กระโจนใส่ท่าน จะเข้ามาทำร้ายท่าน (ถึงตอนนี้  ผมมองไปที่อาจารย์   อาจารย์ก็มองมาทางผม  เหมือนจะบอกว่า  สิ่งที่ท่านเห็นเจ้าของดวงตาสีแดง   น่าจะเป็นหมาดำที่ ท่านเจ้าอาวาสพูดถึง แน่นอน)    ท่านแผ่เมตตาให้อยู่หลายคืน   และบอกกล่าวว่าท่านมาดี   ไม่ได้มารบกวนอะไร   และก็พูดคุยหลายเรื่องมาก   ทั้งเรื่องพระพุดขึ้นมาจากพื้นดินในถ้ำด้วย   หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก  .............

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2018-7-25 16:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 14:06

         อาจารย์ก็กล่าวขออนุญาติเข้าไป  ในถ้ำอีกรอบหนึ่ง   ท่านเจ้าอาวาสก็ใจดี  เดินไปหยิบไฟฉายให้    พวกเราเลยต้องมาเริ่มต้น  เดินขึ้นเขากันอีกรอบหนึ่ง   ทีนี้เมื่อถึงปากถ้ำ  อาจารย์สั่งให้เมธ  จัดขันต์ห้า  สักหลายๆชุด  ให้เสร็จที่หน้าถ้ำเลย    และทีนี้อาจารย์กลับเดินนำหน้าพวกผม  ถือไฟฉายเดินเข้าไปในถ้ำ  โดยมีพวกผมถือของเดินตามเข้าไป   เมื่อมาถึงจุด  แรก  อาจารย์ก็ทำพิธี  พระพุทธรูปองค์ใหญ่  ในถ้ำโถงแรก (ในรูปเป็นภาพเก่า  ตอนยังมีคนมาท่องเที่ยวกราบไหว้อยู่บ้าง  ปัจจุบันที่ไปถึง  ณ...ตอนนั้น เหมือนถ้ำร้าง  มีหลอดไฟและเห็นปลั๊กไฟอยู่เป็นจุดๆ  แต่กลับไม่มีสายไฟ     ถามเจ้าอาวาสบอกโดนขโมยมาลักไปหมดแล้ว) เสร็จแล้วไปที่รูปปั้นองค์พ่อฯ   และหยุดทำพิธียังจุดที่มีการกราบไหว้บูชาทุกจุด   ที่ประหลาดคือ   อาจารย์สั่งให้เมธกับผม  จุดเทียน   นำไปปักไว้ตามทางเดิน  ตลอดเส้นทางที่เข้าไป    และเมื่อถึงทางลงเป็นบันไดไม้จุดสุดท้าย   ก็เห็นลานกว้างมีแท่นหินขนาดใหญ่รูปวงกลมอยู่กลางลาน    คือจุดหมายที่เราจะมา  บรรยากาศผิดกลับเมื่อตอนเข้ามาทีแรก  แต่ก็ยังได้สัมผัสบรรยากาศ   อันเย็นยะเยือกอยู่  ผมส่องไฟไปรอบๆบริเวณ  ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกตุ    อาจารย์สำรวจแล้วก็มาหยุดยืนที่แท่นหินวงกลม   ตรงจุดนี้ยังพบร่องรอย  เสาหลายต้นปักรอบแท่นหินอยู่และเมื่อส่องไฟเข้าไปดูใกล้จะเห็น  ป้ายบอกชื่อ  พระเถระจารย์ในอดีตที่ท่านเคยมาฝึกกรรมฐาน  ลองวิชาไสย์เวทกัน   โดยรอบแท่นหินนี้   เหมือนเป็นโต๊ะกลมที่เหล่าอัศวินนั่งรายล้อม   อาจารย์เดินสำรวจดูรอบๆแท่นหินแล้ว     อาจารย์ก็สั่งให้  นำของที่เตรียมมาทำพิธีได้เลย   เราจุดเทียนรอบๆแท่นหินวงกลมนี้  เพื่อเพิ่มความสว่างให้มากขึ้น   และอาจารย์ก็เริ่มทำพิธี   ณ....ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่า  บรรยากาศเปลี่ยนไปแบบฉับพลัน   ผมและเมธ  อยู่ข้างๆอาจารย์กลับสัมผัสถึง   พลังงานบางอย่างที่แปรเปลี่ยน  บรรยากาศภายในถ้ำ   ก็เปลี่ยนไปจนรู้สึกได้  และผมมองไปทางอาจารย์   ท่านก็ยังสงบนิ่ง  บริกรรมคาถาต่อไป  แต่ผมกับเมธ  เริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดในบรรยากาศ    เหงื่อเริ่มตกออกมาแบบที่ไม่สามารถบรรยายได้   มันอึดอัดจนผมเริ่มหายใจไม่ออก   เหมือนพลังงานบางอย่างมารวมกันอยู่ที่จุดนี้เพียงจุดเดียว   ผมเริ่มใกล้จะทนไม่ไหว   มองไปทางอาจารย์ก็ยัง   บริกรรมคาถาอยู่   นะตอนนี้.....ผมได้แต่คิดในใจว่า   เมื่อไหร่...อาจารย์จะทำพิธีเสร็จ   ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว   มองไปทางเมธ    ก็เหงือแตกออกมาทางใบหน้าชัดเจน    มันก็คงไม่ต่างจากผมสักเท่าไร   และอีกชั่วอึดใจ   อาจารย์ก็ลืมตา   สั่งให้พวกผมนำดินและผงที่อยู่ในบริเวรนี้กลับไปได้    บรรยากาศในตอนนี้ก็เริ่มกลับเป็นปกติ    หลังจากได้มวลสารมามากพอสมควรแล้ว   อาจารย์ก็สั่งให้เรารีบกลับออกไป  ยังปากถ้ำ   เรามาใกล้ถึงปากถ้ำ   อาจารย์มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า   รูปปั้นพระเถระจารย์ท่านหนึ่ง   และสั่งให้เมธตักน้ำที่อยู่  ในโพรงหลังรูปพระเถราจารย์นี้ให้ได้   กำชับว่าได้เท่าไรเอาเท่านั้นพอ    ผมก็แปลกใจมาก    ว่าอาจารย์รู้ได้อย่างไรว่าด้านหลังรูปปั้น   มีโพรงน้ำอยู่     จึงสอบถาม   อาจารย์เล่าให้ฟังว่าที่นี้  มีตำนานอยู่   รูปปั้นที่เห็นอยู่นี้คือ  อาจารย์ของท่านขุนแผน   และขุนแผนเองก็มาศึกษาวิชาอยู่ที่นี่   และตำนานยังบอกว่า  สถานที่นี้คือที่  ที่ย่างกุมาร   และมาสร้างดาบฟ้าฟื้น  น้ำด้านหลังเป็นน้ำที่ผ่านการทำพิิธีกรรมมาแล้วด้วย    อาจารย์พอเล่าจบก็รีบเร่งให้เมธตักน้ำเร็วๆ   ผมเลยเดินเข้าไปช่วย   อาจารย์บอกพอแล้วก็เร่งให้พวกผมออกจากถ้ำมา    พอมาถึงหน้าถ้ำเราก็ล๊อคประตูทางเข้าตามคำสั่งเจ้าอาวาส   ที่บอกให้ช่วยปิดล๊อคกุญแจประตูเข้าถ้ำให้ด้วย    พวกเราก็เดินตามอาจารย์ลงจากถ้ำมา  มาถึงทางขึ้นเราจึงได้นั่งพัก   

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2018-7-26 11:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 15:34

       หลังจากลงมาจากถ้ำ  แล้วอาจารย์   ผมและเมธ  ก็มานั่งพักด้านล่าง  ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว  และขณะที่เรานั่งพักกันอยู่   หูผมก็ได้ยินเสียงพระสวดมนต์  ดังมาจากถ้ำที่อยู่ด้านบน    ที่พวกเราพึ่งเดินลงมาไกลๆ   แต่เสียงสวดมนต์ชัดเจนมาก  ในถ้ำไม่มีใครอยู่แน่นอน  และพวกผมยังล๊อคประตูใส่กุญแจกับมือ  ผมจึงหันไปถามอาจารย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ   ว่าได้ยินเสียงไหมคับเสียง  สวดมนต์ทำวัตร  เพราะผมก็เคยบวชเรียนมา  จนจบนักธรรมตรี  เสียงแบบนี้จำได้แน่นอนว่า  มนต์ทำวัตรเย็น   ผมกลัวจะหูแว่วไปเอง   อาจารย์ก็บอกว่าใช่  นั้นคือเสียงสวดมนต์   อาจารย์ยังบอกอีกว่า  ถึงให้รีบเร่งลงมากันไงล่ะ    ไม่อยากให้พวกเราไปรบกวนพวกท่านๆเหล่านั้น   เพราะวันนี้เป็นวันพระด้วย   และอาจารย์ก็บอกอีกว่า   อาจารย์ตั้งจิตขอเวลาเพียงแค่เทียนมอด   หมดเล่มเท่านั้นจะออกมา    ผมก็ยัง....งงๆ  กับสิ่งที่เกิดขึ้น   เสียงสวดมนต์นี้  ไม่ใช่เสียงองค์เดียวด้วย  มีหลายรูปแน่นอน   ก็พอดีผมเห็นท่านเจ้าอาวาสเดินมาพอดี   จึงเข้าไปนมัสการสอบถามท่านว่า  พระคุณเจ้ายังไม่ไปทำวัตรเย็นด้วยรึคับ     ท่านกลับตอบมาแบบ  งงๆในคำถามมั้ง    ตอบผมมาว่า   "เด่วจะเข้าไปทำที่กุฎิล่ะ รอพวกโยมกลับก่อน   จะได้ปิดประตูวัด"   ผม  ยิ่ง  งง กับคำตอบ  เพราะสงสัยเสียงที่ได้ยิน  ไม่ได้มาจากกุฎิท่านแน่นอน  ผมเลยถามไปอีกว่า    "ที่วัดนี้  อยู่กันกี่รูปคับ"    ท่านก็หันมาตอบผมว่า "อาตมาอยู่องค์เดียว   และมีเณรอีกองค์   วันนี้คงกลับไปหาโยมแม่ที่บ้าน  ไม่ได้กลับมาที่วัด"     และที่พวกผมกับอาจารย์ได้ยิน  เสียงสวดมนต์ที่ดังมาจากถ้ำล่ะ  ทำไมพวกเราได้ยินกัน  เรื่องนี้เป้นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น  ตอนพวกเรา  ไปหามวลสารและตามรอยตำนานขุนแผน  เพื่อนำมา สร้าง " ขุนแผนแสนตรีเวท " หลายครั้ง   หลายสถานที่  ที่เราไป    มักเกิดเหตุการประหลาดแบบนี้บ่อยๆ   มันเป็นประสปการณ์ชีวิต  ที่ในยุคสมัย  3-4 G  ไม่สามารถอธิบายได้  และสิ่งที่ผมสัมผัส  และพบเจอก็ไม่ใช่แค่เรื่องนี้   ยังเจอเหตุการประหลาดตอนไปหา ดิน 7 ป่าช้าด้วยเหมือนกัน  เที่ยวนี้เหล่าสานุศิษย์ไปกันเอง  ไม่มีครูอาจารย์ไปด้วย  มีแต่มนต์ที่อาจารย์ท่านสอน  วิธีไปด้วยเท่านั้น  ไว้จะมาเล่าต่อ  นะคับ

รูปเป็นภาพเก่าๆ  ตอนที่ยังมีคนดูแลนะคับ   ตอนที่ไป  สภาพเป็นถ้ำร้างเลย

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้