ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5930
ตอบกลับ: 13
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

>> บุกเมืองละโว้ หาของดี อุบัติ พญาอนุชิต พญาลิงครองเมือง <<

[คัดลอกลิงก์]
>> บุกเมืองละโว้ หาของดี อุบัติ พญาอนุชิต ผู้ไม่มีวันตาย <<




วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง
เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์




ถึงเวลาได้ฤกษ์ยามอันดี ถือกำเนิด พญาลิงเผือก ขึ้นอีกครั้ง
หลังจากปี พศ 2546 ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่นท่านได้เคยจัดสร้าง " หนุมาน "
ไว้ในพิธีชัยมหานาถ จนกลายเป็นตำนานไปแล้ว
ผู้คนที่ได้เป็นเจ้าของก็ล้วนพบประสบการณ์ต่างๆมากมาย เอามาเล่ากันไม่รู้จบ
บ้างก็เห็นเป็น ลิงเผือก วิ่งเล่นบนต้นไม้ในบ้านบ้าง
บ้างก็ได้ยินเสียงของเค้า ร้อง เจี๊ยก !!
บางท่านไม่เคยเห็น แต่พกไปที่ไหน คิดอะไรในใจ ก็เหมือนมีอะไร จัดให้ได้ตามต้องการ
จนราคาค่านิยมของเจ้าลิงเผือกพุ่งไปไกล อีกทั้งจัดสร้างขึ้นน้อยมาก ใครมีก็หวงสุดใจ







ดังคำที่หลวงปู่ชื่นท่านเคยกล่าวไว้ว่า " วัตถุมงคลที่ท่านทำ อีกหน่อยจะหากันไม่ได้ "
และ ลูกหลานของท่านจะตามมาหาอีกมากมาย
ท่านจึงได้ลบผงทิ้งไว้ ให้อาจารย์สรายุทธ
ท่านว่า ผงทั้งหมดนี้สำเร็จแล้ว
แค่ผสมมวลสารกดพิมพ์ก็ใช้ได้เลย ดีแล้ว ไม่ต้องเสกแล้ว!!

ในการถือกำเนิดใหม่ครั้งนี้ !! ของพญาลิงเผือก
จะทำให้เสียชื่อหลวงปู่ชื่นไม่ได้ !!

จึงต้องตามหามวลสารที่หลวงปู่เคย กล่าวไว้ว่า
ถ้าจะสร้างหนุมานให้ขลัง
ต้องมีมวลสารจากเมืองหนุมานเหล่านี้ !!

ผงธูปอธิฐาน ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ
น้ำแช่ลูกศร ศาลลูกศร
ดินสอพอง จากทะเลชุบศร



ปฏิบัติการนี้จึงเกิดขึ้น !!



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
>> กำเนิดเมืองลพบุรี <<




ตำนานการเกิดเมืองลพบุรีนั้น มีการเล่าเป็นเรื่องราวสืบต่อ
กันมาโดยสัมพันธ์กับวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ว่า
เมื่อพระรามกับทศกัณฐ์ทำศึกกันนั้น หนุมาน
เป็นทหารเอกของพระราม ได้ช่วยเหลือการศึกจนพรรามชนะ
พระรามจึงปูนบำเหน็จให้แก่หนุมาน โดยทรงแผลงศรให้หนุมา
เหาะตามลูกศรไป ถ้าลูกศรไปตกที่ใด ก็ให้หนุมานครองเมืองนั้น
ลูกศรของพระรามไปตกลงที่ทะเล ด้วยอำนาจ
ของลูกศรที่มีอิทธิฤทธิ์ร้อนแรงทำให้นำ้ทะเลเหือดแห้ง
และดินสุกเป็นสีขาว หนุมานเห็นว่าพื้นที่บริเวณนั้นไม่ราบเรียบ
จึงแปลงกายให้ใหญ่โตแล้วใช้หางกวาดดินหินไป
รวมกันไว้กองๆเป็นภูเขา เมืองนี้จึงมีภูเขาหลายลูก
เมื่อได้พื้นที่ราบเรียบแล้ว หนุมานก็ให้ไพร่พลลิง
สร้างเมืองขึ้นจนเสร็จ พระรามประทานชื่อเมือง
แก่หนุมานว่า "ลพบุรี" อันหมายถึงเมืองของพระลพ
ผู้เป็นโอรสของพระราม(บางตำนานเล่าว่า
พระรามประทานชื่อว่า นพบุรี เพราะแผลงศร
ไปตัดภูเขาเก้ายอด แล้วเพี้ยนเป็น ลพบุรี)
บริเวณที่ศรตก คือตำบลทะเลชุบศร ในเขต
อำเภอเมืองลพบุรี ซึ่งดินบริเวณนี้และบริเวณใกล้เคียง
ดินบางแห่งจะเป็นสีขาวเรียกว่า ดินสอพอง


อ้างอิง : http://www.funny2cu.com/tour/tour01.php

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภาระกิจแรก
สักการะ เจ้าพ่อพระกาฬ




          ศาลพระกาฬ ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ และพระปรางค์สามยอด ตำบลท่าหิน เป็นเทวสถานเก่าของ ขอม
สร้างด้วยศิลาแลง เรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง จึงเรียกกันมาแต่ก่อนอีกชื่อหนึ่งว่า "ศาลสูง" ที่ทับหลังสลัก เป็นรูปพระนารายณ์
บรรทมสินธุ์ทำด้วยศิลาทราย 1 แผ่น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 วางอยู่ติดฝาผนังวิหาร หลังเล็ก ชั้นบน ณ ที่นี่ได้พบหลัก
ศิลา จารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณ ส่วนด้านหน้าเป็นศาลที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2496 โดยสร้างทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้ในรัชสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐาน พระนารายณ์ยืน ทำด้วยศิลา 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบ เทวรูปเก่าในประเทศไทย
องค์ใหญ่เป็นประติมากรรม แบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระ เศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้
เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป ในบริเวณรอบศาลพระกาฬร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ จึงเป็นที่อยู่อาศัย ของฝูงลิงจำนวนมาก ซึ่งกลาย
เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดลพบุรี มีร้านขายของที่ระลึก และ อาหารสำหรับลิง ตลอดจน ศาลาพักผ่อนมีถนนตัดรอบทำให้
โบราณสถานมีลักษณะเป็นวงเวียน


อ้างอิงข้อมูลจาก : http://forum.narandd.com/index.php?topic=1116.0

พร้อมแล้วลุย !!


อุ๊บ!! น้องวุ่น!! พบอดีตชาติ
หลังจากใช้เวลาค้นหาอยู่นาน
เหตุใด?? สถานที่แห่งนี้จึงคุ้นตานัก !!
ที่แท้วุ่นก็เคยเป็นลิงเฝ้าศาลพระกาฬนี่เอง



สักการะองค์พ่อพระกาฬ ขอพร พร้อมทั้งแจ้งความจำนงต่อองค์ท่าน



คาถาบูชาองค์พ่อ


หลังจากนั้นก็ขออนุญาติเจ้าหน้าที่ เพื่อขอผงธูปอธิฐาน
เจ้าหน้าที่ถามว่า จะเอาไปทำอะไรหรอครับ ??
เมื่อบอกว่าจะนำไปจัดสร้างหนุมาน
เจ้าหน้าที่ก็บอกอย่างหนักแน่นว่า ว่าเยี่ยม ขลังดี
ขออนุญาติองค์พ่อแล้ว เอาไปได้เลยครับ !!

คุณเมธก็บรรจงตักอย่างค่อยๆ ค่อยๆ ค่อยๆ.....
ในใจก็คิดว่าองค์พ่อครับช่วยลูกด้วย ตักลำบากเหลือเกิน
เพราะธูปปักอยู่เต็มกระถางเลย


อยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาถาม ว่าได้ธูปหรือยัง ??
หลังจากนั้น ก็จัดการให้อย่าง จัดเต็ม เลยทีเดียว !!


สุดท้ายเราก็บรรลุภาระกิจแรก
พร้อมด้วยผงธูป น้ำมนต์ ศาลพระกาฬ


ก่อนกลับ ได้ถามทางกับเจ้าหน้าที่ของศาลพระกาฬ ถึงเป้าหมายต่อไป
หลังจากสอบถามเส้นทางเสร็จ
ก่อนจะลาเจ้าหน้าที่ อยู่ดีๆเจ้าหน้าที่ท่านนั้น ก็พูดกับอาจารย์สรายุทธว่า ท่านจะไปทำอะไรหรอ
แล้วก็กล่าวออกตัวก่อนเลยว่า ที่เรียกอาจารย์ว่า "ท่าน" เพราะ ท่านมากันหลายองค์ ?!?!
อาจารย์ ก็ทิ้งไว้เพียงแต่รอยยิ้ม
และแอบมอบปริศนาให้กับพวกผมงุนงงเสียจริง ว่าท่านที่เค้าว่า คือท่านไหน ?!?!

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภาระกิจที่ 2
ตามรอยศรพระราม


ตามตำนานเล่าว่า.......


ศาลลูกศรตามตำนานว่าไว้ว่าเมื่อพระรามรบชนะทศกัณฑ์ได้ปูนบำเหน็จความชอบแด่ขุนทหารโดยทั่วกัน และได้รับสั่งว่าให้หนุมานทหาร เอกได้ครองกรุงอโยธยาร่วมกัน แต่หนุมานขอให้พระรามพระราชทานพื้นที่สร้างเมืองโดยให้พระรามแผลงศรออกไป เมื่อลูกศรไปตกณ.ที่ใดก็ให้หนุมานสร้างเมือง ณ ที่แห่งนั้น ตามตำนานว่าไว้ว่าเมื่อลูกศรตกลงมาถูกพื้นดินก็ได้เกิดไฟเผาผลาญพื้นดินนั้นจนสุกขาวเป็นที่มาของดินสอพอง และลูกหลานของหนุมานนั้นก็คือลิงที่อาศัยอยู่ที่ศาลพระกาฬและพระปรางค์สามยอด ลูกศรของพระรามนั้นเชื่อว่ายังมีฤทธิ์อยู่เมื่อใดที่ผู้ดูแลศาลปล่อยให้น้ำที่แช่อยู่แห้งลงไปจะเกิดไฟไหม้เมืองลพบุรี




สักการะเจ้าพ่อเจ้าแม่ศาลลูกศร ลุงผู้ดูแลศาล ท่านเล่าว่าสถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์มากๆ
ใครมาบนอะไรไว้ ก็ไม่แคล้วต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อแก้บน

พวกเราจึงแจ้งความจำนงต่อองค์ท่านร่วมกันว่า...
หากแม้นพวกเราสามารถจัดสร้างสถานปฎิบัติธรรมได้เร็ววัน ดั่งที่หลวงปู่ชื่นเคยฝันไว้
พวกเรานั้นจะมาร่วมกันแก้บน ขอให้เจ้าพ่อเจ้าแม่ช่วยอวยพรอวยชัย
ให้งานมหาบุญนี้สำเร็จได้โดยเร็ว ด้วยเทอญ




ลูกศรในตำนาน


อาจารย์ทำพิธีของพรให้ภาระกิจต่างๆที่คิดไว้สำเร็จทุกประการ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภาระกิจที่ 3
แหวกทะเลชุบศร


หมู่บ้านดินสอพอง

ลพบุรีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตดินสอพองที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งเดียวในประเทศไทย แหล่งผลิตอยู่ที่ หมู่บ้านหินสองก้อน (ริมคลองชลประทาน) ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง (บริเวณสะพาน 6) เป็นหมู่บ้านที่มีการทำดินสอพองกันแทบทุกครัวเรือน และบริเวณนั้นจะมีดินสีขาว เรียกกันว่า ดินมาร์ล มีเนื้อเนียนขาว ละเอียดแน่น จึงไม่เหมาะแก่การปลูกพืช แต่ด้วยภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น ได้นำมาผลิตเป็นดินสอพอง ซึ่งสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายชนิด เช่น แป้ง เครื่องสำอาง ยาสีฟัน ตกแต่งผิวเครื่องเรือน เป็นต้น




วิธีการผลิตดินสอพอง

ขั้นแรก ขนดินมาร์ล ใส่บ่อกาก แล้วหปล่อยน้ำลงไปผสมดินให้ละลาย เมื่อดินละลายดีแล้ว ตักน้ำในบ่อกากเทใส่ตะแกรงลงในบ่อกรองหรือบ่อเนื้อ เพื่อแยกเอาหินกรวด และเศษหญ้าทิ้ง

ดินดิบ






ขั้นที่สอง ตักน้ำดินจากบ่อกรอง เทผ่านผ้ากรองลงในบ่อนำแผ่น ทิ้งไว้ 1 คืน ดินขาวจะตกตะกอนนอนก้นบ่อ ตอนบนน้ำจะใส ค่อย ๆ ช้อน หรือดูดเอาน้ำใสนี้ออกจากบ่อ จนเหลือแต่แป้งดินสองพองขาวข้น



ขั้นที่สาม ตักดินสอพองหยอดใส่แม่พิมพ์ แล้วตากบนผ้าใบขาวปูรอง เพื่อดูดซับน้ำ ตากแดดให้แห้งสนิทเป็นสีขาว นำไปจำหน่ายต่อไป




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภาระกิจแรก สักการะ เจ้าพ่อพระกาฬ

ขณะที่พวกเรากําลงจะออกจากศาลพระกาฬเราอยู่กันตรงที่ขายพวกวัตถุมงคล บริเวณทางเข้านั้น ได้ยินยาม และคนดูแลพูดกันว่า ไปเปิดกล้องวงจรปิดซิ มีคนถูกล้วงกระเป๋าแล้ว !! ซิ้งเป็นเวลาที่พี่เมธนั้นกําลัง ตักดินจากกระถางทูป ตรงกับ เวลาคนถูกล้วงกระเป๋า

อาจารย์บอกว่าเป็นฤกษ์ โจร อะไรที่อยู่เหนือกฏหมายก็คือโจร  คือฤกษ์ "หนุมาน"

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภาระกิจที่ 4
วัดวังโพรงเข้ วัดที่อุดมไปด้วยตำนานปฎิหารย์ ของหลวงปู่หล้า


หลังจากที่เคยได้ยินเรื่องเล่าของหลวงปู่หล้า มามากมาย
ตัวผมเองก็เฝ้ารอวันที่ได้มาสักการะท่านสักหนหนึ่งก็ยังดี
และแล้ววันนี้ก็มาถึง !!

เมื่อก้าวลงจากรถ บรรยากาศเย็นๆ ก็ทำให้รูขุมขนตั้งชัน
ลมพัดเอื่อยๆ เรื่อยๆ เหมือนเป็นเสียงทักทายจากธรรมชาติ
ไม่นานก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ใต้ร่มโพธ์ ณ จุดนั้น
จุดที่ฝังสรีระของหลวงปู่หล้า
กึกก้องไปด้วยเสียง ใบโพธิ์กระทบกัน
คงไม่ใช่เสียงทักทายจากธรรมชาติแล้วหล่ะ ผมคิดในใจ
และที่น่าแปลก ต้นมะขามด้านข้าง ห่างกันไม่มาก
กลับไม่มีวี่แวว ของสายลมแม้แต่น้อย
ใบมะขามเล็กๆ นับล้านใบ กลับนิ่ง เงียบ สงบ





สักการะขอพรจากหลวงปู่หล้ากันสักครู่
ก็เดินทางสำรวจวัดสักหน่อย
สิ่งที่พบเห็นล้วนมีแต่ความร่มเย็น
สบายตา สบายใจ ธรรมชาติอันสงบ



โบสถ์กลางน้ำ ซึ่งเคยเป็นที่จำวัตรของหลวงปู่หล้า



สระน้ำที่แต่ก่อนเป็นวังจระเข้ มีจระเข้มากมายอาศัยอยู่
แต่ด้วยบารมีของหลวงปู่หล้า กลับเจรจากับจระเข้ได้
จระเข้จึงย้ายถิ่นไปอาศัยอยู่อีกคลอง โดยไม่กลับมาอีก



วิหารวัดแห่งนี้ก็แปลก เป็นที่ทราบกันว่าวัดกับนกพิราบ
เป็นของคู่กัน อย่างแยกกันไม่ออก
แต่ที่หลังคาโบสถ์แห่งนี้ เกือบศตวรรษแล้ว ไม่เคยมีนกพิราบมาเกาะ
จะด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบ แต่ก็เคยมีคนมากางเต้นส์พิสูจน์ดูกันแล้ว





โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์มหาอุต
ด้านในรายล้อมด้วยพระปางต่างๆมากมาย



หลังจากเดินสำรวจพื้นที่ก็เริ่มกลับมาจัดดอกไม้ถวายพระประธานกัน



ส่วนอาจารย์ก็เข้าไปสนทนากับหลวงพ่อโทน
ซึ่งหลวงพ่อโทนได้เล่าเรื่องปฎิหารย์ของหลวงปู่หล้าให้ฟังอีกมากมาย



หลังจากนั้น หลวงพ่อโทน ก็เมตตาจารแผ่นยันต์ คาถาหัวใจหนุมาน
ให้อีกด้วย



แล้วอาจารย์ก็บอกว่าให้นำแผ่นยันต์
ไปฝากให้หลวงปู่หล้าอธิฐานจิตให้อีกรอบ
ผมก็จุดธูป บอกกล่าวท่านให้ท่านรับรู้
อยู่ดีๆ ช่วงนั้นลมก็พัดขึ้นมาแรงมาก
เหมือนเป็นสัญญาณว่าท่านรับรู้แล้ว



ส่วนเรื่องกลิ่นในโบสถ์นั้น
สุดท้ายเราก็ได้ของดีกลับสำนักอีกไม่น้อย
แต่จะเป็นอะไร เดี๋ยวรอพี่เมธมาเฉลยดีกว่าครับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
MetMungpae

เอ๋...เสียงเท้าเข้ามาใกล้ผมแล้ว..แต่เอ๋..เสียงเดินนั้นหายไปแล้ว..

เอาน๋า...คงโดนลองของแน่ๆๆๆ
ภาวนาต่อดีกว่า พุท....โธ....พุท....โธ....พุท....โธ....

แต่....ทันใดนั้น กลับได้ยินเสียงพูด คราวนี้เต็มๆๆๆหูเลยครับ
และเสียงนั้นก็ใกล้ตัวผมมากๆๆๆๆๆ

คงอยากจะรู้ล่ะซี๊ว่าเสียงอะไร

" เมธ นั่งสมาธิเสร็จแล้ว ตักเอามวลสารใส่ถุงด้วยน่ะ "

เสียงอาจารย์นี้เอง...ออกจากสมาธิเลย
พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นอาจารย์ยืนอยู่ข้างๆๆผมกำลังวางถุงพลาสติกพร้อมช้อน
ไว้ตรงหน้าผม...พออาจารย์เห็นว่าผม ลืมตาแล้วก็ชี้มือไปทางกระสอบสองใบ ที่อยู่ข้างๆๆๆพระประทาน

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พออาจารย์  บอกเสร็จก็เดินออกไปนอกโบสถ์
เอ๋!!!! กระสอบสองใบนี้มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่น๋า

ก็ตอนที่ผมเดินดูรอบๆๆๆพระประทาน ไม่เห็นจะมีนี้น่า...มาตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมถามพี่เพชรกับพี่วุ่นก็บอกว่าเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นเลย


แกะกระสอบเลยล่ะกัน....กลิ่นที่เป็นปริศนา มาจากกระสอบนี่นี้เอง
พอแกะเชือกที่มัดกระสอบออกเท่านั้นล่ะครับ

ผง ผง ผง มวลสารครับ แถมยังบดเรียบร้อยแล้วด้วย
สาธุ สาธุ ก่อนเข้าวัดเราอธิฐานของหลวงปู่หล้า ให้ช่วย
ท่านมาช่วยแล้ว ท่านมอบมวลสารให้ครับ
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-4 17:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ย้อนมาที่ภารกิจที่ 2 ณ ศาลลูกศร
เคล็ดลับในการอธิฐานขอพรสังเกตุจากรูปอาจารย์น่ะครับ

ที่นี้จะมีคนดูแล ชื่อลุงศรี (ถ้าจำไม่ผิดน่ะครับ) อาจจะดูต๊องๆๆแต่ใจดีมากครับ
ลุงแก..เล่าให้ฟังว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่ศาลลูกศรแห่งนี้ขอพร บนบานศาลกล่าวได้ผลมานักต่อนักแล้ว
แถมได้ผลเร็วทันใจอีกต่างหาก....ลุงศรียังเล่าอะไรต่ออะไรให้ฟังเยอะเลยครับ
เยอะมาก...นั่งอยู่ด้วยคงจะคุยยาวทั้งวันเลยล่ะครับ

เมื่อฟังแบบนั้น พวกเรา คศช ก็สองจิตสองใจว่าจริงหรือเปล่าน่า???
ไหนๆ  ก็ไหนๆ ลองบนบาน ขอพรดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี้น่า
พวกเรา คศช และอาจารย์ ก็เลยขอบนบานขอพรให้ให้สานต่อความฝัน
ของหลวงปู่ชื่นเรื่องสวนปฏิบัติธรรม ที่เป็นภาระหนักอึ้ง ที่อาจารย์รับปาก
และให้คำมั่นสัญญากับหลวงปู่่ไว้
สถานที่ปฏบัติธรรมที่หลวงปู่่ชื่นท่านสั่งกำชับอาจารย์ก่อนท่านละสังขาร
ว่าต้องทำให้สำเร็จและ สร้างให้เสร็จโดยเร็ววัน

พอพูดถึงสถานที่ปฏิบัติธรรม ผมก็ถามอาจารย์ว่า อาจารย์ครับ
เราจะสร้างเป็นอุทยานพญานาค เลยจะดีไหม??
สร้าใหญ่ๆๆไปเลย..
อาจารย์ตอบกลับว่า...จะสร้างสถานที่ให้ใหญ่โตไปทำไมกัน!!
สถานที่ใหญ่ๆ เค้าก็สร้างกันเยอะแยะแล้ว อีกทั้งพระพุทธองค์
ท่านก็สอนให้อยู่บน ความพอดี

แต่สร้างคนยังมีน้อย และทำได้ยากยิ่ง

ทำไมล่ะครับถึงสร้างคน...อาจารย์ก็บอกว่า


หลวงปู่ท่านอยากสร้างให้มีคนดี เยอะๆๆๆ
พอมีคนดีเยอะกว่าคนไม่ดี ย่อมยิ่งใหญ่กว่าการสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆๆ


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้