|
รายชื่อพี่น้องทั้งหมด มีดังต่อไปนี้..
พี่สาวคนโตชื่อ หมึก ต่อมาชื่อ นางทองนวล นายรอด นางส้มแก้ว นางส้มแป้น นายเฟืองและสุดท้องคือหลวงพ่อ
เด็กชายทอง เกิดในครอบครัวชาวนาฐานะพอปานกลาง การศึกษาเบื้องต้นเหมือนเด็กชนบททั่วไป ที่ต้องไปเสาะแสวงหาความรู้ที่วัดต่างๆเด็กชายทองก็เช่นเดียวกัน ย่างเข้าวัยหนุ่มหลังจากเสร็จฤดูทำนาแล้ว ได้ชวนเพื่อนไปร่ำเรียนวิชาเพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ตามลักษณะนิสัยของหนุ่มๆสมัยนั้น และเต็มใจบรรพชาเป็นสามเณรเพื่อศึกษาที่วัดอินทคีรี หมู่ที่ ๗ ตำบลพรหมโลก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก และอุปสมบทที่วัดนี้ได้รับฉายาว่า “พุทฺธสุวณฺโณ” แปลว่า “ผู้มีผิวพรรณดีดั่งพระพุทธเจ้า” โดยอยู่จำพรรษาอยู่ประมาณ ๒ พรรษา หลังจากนั้นได้ขออนุญาตอาจารย์เพื่อจาริกออกหาความรู้เพิ่มเติม จึงมาเรียนอยู่ที่วัดพระบรมธาตุอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ๒ พรรษา แล้วเดินทางไปยังจังหวัดพัทลุงเพื่อหาสำนักเรียนต่อไป ที่พัทลุงหลวงพ่อได้มาฝากตัวกับพระอาจารย์จันทร์ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ที่ดังขณะนั้น อยู่พำนักและศึกษาวิชากับท่านพอสมควร พระอาจารย์จันทร์จึงฝากหลวงพ่อให้เป็นศิษย์เรียนวิชาต่อกับพระอาจารย์ทอง (ครูทองเฒ่า) วัดเขาอ้อ ซึ่งเป็นเพื่อนสหธรรมิกของพระอาจารย์จันทร์
ที่วัดเขาอ้อหรือสำนักเขาอ้อ อันเป็นสำนักเรียนที่เลื่องชื่อที่สุดแห่งจังหวัดพัทลุง หลวงพ่อได้สหธรรมิกที่แก่พรรษากว่า คือ หลวงพ่อเอียด อริยวํโส วัดคงคาวงศ์ (พระอาจารย์ของขุนพันธรักษ์ราชเดช) และเป็นสหธรรมิกที่รู้ใจกันมากที่สุด เห็นได้จากระยะหลังจากหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดดอนสะท้อน ก็เดินทางไปมาหาสู่กับหลวงพ่อเอียดอยู่เป็นนิตย์ และได้ทดสอบวิชาที่เรียนมาด้วยกันบ่อยๆ
หลังจากที่หลวงพ่อเล่าเรียนวิชาจากสำนักเขาอ้อจนแตกฉานแล้ว ตั้งใจเดินทางออกธุดงค์ขึ้นไปภาคกลาง โดยเดินทางตามทางรถไฟมาเรื่อย จนมาถึงจังหวัดหลังสวน (ปัจจุบันคืออำเภอหลังสวน) หลวงพ่ออยู่จำที่วัดดอนชัยประมาณ ๒ พรรษา ระหว่างนี้ได้รู้จักและแลกเปลี่ยนวิชาที่ร่ำเรียนมากับเพื่อนสหธรรมิกหลายรูป เช่น หลวงพ่อพัน วัดในเขา, หลวงพ่อจีต วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อพลอย วัดเชิงคีรี เป็นต้น
จากนั้นหลวงพ่อออกเดินทางมาถึงอำเภอสวี ได้แวะพักจำที่วัดพระธาตุสวี จึงออกเดินทางต่อมายังวัดดอนสะท้อน ระหว่างที่พักจำอยู่ที่นี่หลวงพ่อได้สงเคราะห์ชาวบ้านแถบนี้เป็นอันมาก ด้วยพุทธคุณที่ท่านได้ร่ำเรียนมาทุกครั้งไป จนชาวบ้านนิมนต์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอนสะท้อน นับต่อจากหลวงพ่อพันซึ่งท่านได้ไปสร้างวัดขึ้นใหม่ชื่อว่า “วัดหน้าเมรุ” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก (ปัจจุบันยังมีหลักฐานหลงเหลืออยู่)
|
|