" เหตุที่นิมิตเกิดขึ้นได้เพราะอะไร "

Sornpraram

" เหตุที่นิมิตเกิดขึ้นได้เพราะอะไร "


เพราะจิตได้ตัดสัญญาภายนอกออกไปหมดแล้ว

                             สัญญาภายนอกคือ......

  สิ่งที่จำได้หมายรู้จาก การได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส นี่เรียก  " สัญญาภายนอก "

เมื่อตัดสัญญาภายนอกออกได้แล้ว ก็ต้องเหลือ..........   

                             " สัญญาภายใน "

  สัญญาภายในตัวนี้เกิดจากสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ เก็บเอาไว้ใน ห้วงลึกของ

ดวงจิตเหมือนรอยประทับ ซึ่งมีทั้งที่ประทับใจและไม่ประทับใจ ต่อเนื่องอยู่ในห้วง

จิตที่ลึกๆ ยกตัวอย่างเช่น สมมุติเราเคยชอบเรื่องเทพเรื่องพรหม หรือผี สิ่งที่เป็น

รอยประทับใจและไม่ประทับใจที่ผ่านมาในอดีต จะปรากฏขึ้นออกให้เห็นเป็นนิมิต

การเห็นนิมิตก็ไม่ได้เห็นด้วยตา แต่เห็นด้วยดวงจิตดวงใจ ที่บางคนบอกว่า  นั่ง

ทางใน หรือมีตาในก็ลักษณะนี้แหละ





                   หลวงปู่ดุลย์ เคยปรารถกับเรื่องนิมิตว่า....

    " สิ่งที่เห็นในนิมิตนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นนั้นมันไม่จริง"



   บางคนก็เห็นเทพเทวดา  เห็นพระศิวะแล้วก็ไปนอบนำองค์พ่อศิวะมาในตัว

แบบเล่นกับนิมิต แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นพ่อศิวะ กลายเป็นคนทรงเจ้าไปเลยก็มี

บางคนดูหนังพีเรียส์บ่อยๆ แล้วชอบ   นิมิตปรากฏเห็นทหารไทยโบราณ นึกว่าตัว

เองระลึกชาติได้ ว่าเคยเป็นทหารไทยกลับชาติมาเกิดก็มี  นี่เป็นเรื่องของนิมิต




   ในฌานที่ 2 นิมิตที่ปรากฏโดยมากเลอะๆ เทอะๆ ไปตามเรื่องตามราวที่เก็บ

สะสมมาแสนนานของคนหนึ่งคน ในชาติที่เกิดมา  แต่บางคนบรรพกรรมดีอาจ

เกิดนิมิตเป็นธรรม เป็นปัญญาไปเลยก็มี

       " แต่...นิมิตที่จะเป็นธรรมะเป็นปัญญามักจะอยู่ในนิมิตขั้นสุดท้าย "

   ต้องขอกล่าวก่อนว่า นิมิต ในพระพุทธศาสนานั่นตามหลักแห่งภาษาธรรม

มีอยู่ทั้งหมด 3 ลักษณะแล้วหากนักปฏิบัติคนไหน ปฏิบัติจนเห็นนิมิต ก็ต้องผ่าน

3 ขั้นนี้ หากไม่ผ่านก็ไม่สามารถพาจิตไปสู่ ฌานที่ 4 ได้อย่างแน่นอน

            1. นิมิต      

            2. อุคหนิมิต   

            3. ปฎิภาคนิมิต      

   ในฌามที่ 2  จะปรากฏนิมิต   เป็น นิมิต และ อุคหนิมิต สิ่งแรกที่เห็นนิมิต

           " เพียงแค่เห็นนิมิต "

    บ้างคนก็ถึงกับติดงอมแงมเพราะทั้งชีวิตไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อเราเห็นแล้ว   " ต้องไม่เข้าไปยุ่งกับมัน " ว่าอยากให้มีหรือไม่อยากให้มี




                            " การละนิมิต "

  แค่ทำใจให้ให้ว่างๆ เป็นกลางๆพอแล้วเดี๋ยวนิมิตหนีไปเอง แต่หากเราไปเพลิน

อยู่กับมัน จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย


เมื่อจิตละนิมิตได้แล้ว..

ก็จะก้าวเข้าสู่ฌามที่ 3 และฌานที่ 4 ตามลำดับเพราะทั้งสองฌาน นี้ คล้ายๆกัน

แต่ความละเอียดของจิตต่างกัน




                       " การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง "

Nujeab

ขอบคุณครับ

Metha

ขอบคุณครับ

morntanti

สิ่งที่ไม่เคยเห็นใช่ว่าจะไม่มี...เพียงแค่เรายังไม่ได้รับรู้และสัมผัสถึงแค่นั้นเอง...

Metha

  ขอบคุณครับ

Sornpraram

          " การละนิมิต "

  แค่ทำใจให้ให้ว่างๆ เป็นกลางๆพอแล้วเดี๋ยวนิมิตหนีไปเอง แต่หากเราไปเพลิน

อยู่กับมัน จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

Sornpraram

                            " การละนิมิต "

  แค่ทำใจให้ให้ว่างๆ เป็นกลางๆพอแล้วเดี๋ยวนิมิตหนีไปเอง แต่หากเราไปเพลิน

อยู่กับมัน จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย


เมื่อจิตละนิมิตได้แล้ว..

ก็จะก้าวเข้าสู่ฌามที่ 3 และฌานที่ 4 ตามลำดับเพราะทั้งสองฌาน นี้ คล้ายๆกัน

แต่ความละเอียดของจิตต่างกัน




                       " การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง "