ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นครนาคราช
›
ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ "พญานาคราช" เชิญที่นี่
»
“ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่”
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 13296
ตอบกลับ: 17
“ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่”
[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2013-11-12 04:57
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
พญานาค มีจริงหรือไม่???
พญานาค บนพื้นฐานของความเชื่อในเรื่องพญานาคนั้น มีพระไตรปิฎกเป็นหลัก ด้วยมีการกล่าวถึงพญานาคอยู่หลายวาระ แม้ผู้ไม่เชื่อในเรื่องพวกนาคก็ยังคงสงบปาก ไม่วิจารณ์เพราะเกรงว่าบางทีพญานาคอาจมีจริง
ผู้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนาแม้ไม่เชื่อ หรือไม่รู้จักพญานาค ย่อมรู้จักอัตรายิกธรรมทุกคน
ภาพประกอบ วัดกัลยาบริหาร ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สิรินธร อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
อัตรายิกธรรม คือข้อขัดข้องที่จะทำให้ผู้นั้นบวชเป็นพระภิกษุไม่ได้ ซึ่งมีอยู่ 8 ข้อ อันพระอุปัชฌาย์จะต้องถามผู้ขอบวช 8 คำถาม
1 ใน 8 คำถามนั้นคือ
“ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่”
ความจริงของเรื่องนี้มีปรากฏชัดเจนในพระไตรปิฎก พญานาคตนหนึ่งฟังธรรมของพระพุทธองค์จนบังเกิดความเลื่อมใส คิดออกบวชเพื่อติดตามพระพุทธองค์ ซึ่งเวลานั้นเป็นห้วงครึ่งพุทธกาล อันพระพุทธองค์ได้ทรงอนุญาตให้คณะสงฆ์เป็นคณะอุปสมบทผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้
พญานาคตนนั้นสบโอกาส จึงขอบวชกับคณะสงฆ์ และได้เป็นพระภิกษุสมใจปรารถนา
หลังจากบวชแล้ว พญานาคตนนั้นได้พำนักในวัดที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธองค์ แต่ความที่เป็นพญานาคจึงมีความเป็นอยู่แตกต่างไปจากมนุษย์ คือในขณะหลับโดยไร้สติในกุฏิของตนนั้น ร่างเดิมของพญานาคก็จะปรากฏขึ้น บังเอิญมีพระภิกษุรูปหนึ่งมาเห็นเข้าจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระพุทธองค์ และได้ทรงเรียกพญานาคตนนั้นเข้าเฝ้าให้พญานาคสิ้นสุดความเป็นภิกษุ แล้วทรงเมตตาประทานโอวาทธรรมเพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติแก่พญานาค
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 04:58
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:31
เมื่อพญานาคผิดหวังในการบวช จึงทูลขอถวายคำว่า นาค ให้แก่ผู้ขอบวชเพื่อเป็นอนุสรณ์ พระพุทธองค์ทรงเมตตาตามคำทูลขอนั้น จึงเป็นเหตุให้เกิดคำว่า บวชนาค และเกิดอัตรายิกธรรม เป็นต้นมา
บางทีการที่ทรงประทานอนุญาตนามนาคก่อนบวชเป็นพระภิกษุ อาจด้วย
เหตุอีกประการหนึ่งหนุนอยู่ นั่นคือ สมัยอดีตชาติหนึ่งของพระพุทธองค์ ทรงเคยเสวยชาติเป็นพญานาคชื่อว่า ภูริทัตต์ รวมถึงพุทธสาวกอีกหลายองค์ ที่มีอดีตชาติเป็นพญานาค อย่างเช่น พระสารีบุตรและพระอานนนท์ ซึ่งเคยเป็นพญานาคชื่อว่า เทวทัตนาคราช
พญานาคเกี่ยวข้องแน่นแฟ้นและลึกซึ้ง
กับพระพุทธศาสนาเช่นนี้จึงไม่มี
ปัญหาอะไรกับการประทานนามนาค
เอาไว้เป็นเครื่องรำลึกถึง
พญานาคคืออะไร ???
เมื่อพูดถึงความเป็นพญานาค ต้องรับว่าเกิดจากความเชื่อ ซึ่งยากจะหาข้อบ่งชี้ หรือพิสูจน์ให้เห็นจริงได้
เปรียบเสมือนเรื่องผี ที่มีทั้งผู้เชื่อว่ามี และไม่เชื่อว่ามี
แต่พญานาคก็มีเรื่องราวกล่าวถึงมากมายทั้งในตำรา และคำบอกเล่าของผู้รู้ ผู้เคยสัมผัส
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงกำเนิด 4 แห่งพญานาคเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
1. พญานาคเกิดจากไข่
2. พญานาคเกิดจากครรภ์
3. พญานาคเกิดจากเถ้าไคล หรือที่ชื้นแฉะ
4. พญานาคเกิดขึ้นเองคล้ายเทวดา
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:00
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:38
ในที่นี้จะกล่าวถึงการเกิดขึ้นเองอย่างเทวดา
พญานาคเป็นชาติภพอีกชั้นหนึ่ง มีความละเอียดและพิเศษกว่าสัตว์โลกหรืองูทั่วไป คือ..
มีสภาวะเป็นทิพย์ มีกำเนิดในลักษณะเดียวกับเทวดา เป็นการเกิดแบบที่เรียกว่า โอปปาติกะ
โดยมีบุพกรรมเป็นตัวกำหนด
ภพภูมิของพญานาค คือหนึ่งในภพภูมิของเทวดา ซึ่งมีอยู่ 16 ชั้น
(ดังที่ปรากฏในบทสวดธัมมจักกัปปวัตนสุตตัง)
โดยแบ่งเป็นกามาวจรภพ 6 ชั้น และ
อกามาวจรภพ 10 ชั้น เหตุที่แบ่งออกมาเป็น 2 กลุ่ม ก็เพราะว่าทั้ง 2 กลุ่ม
มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มแรกที่มี 6 ชั้นนั้น เป็นภพภูมิที่ยังติดอยู่ในสุข ยังเสพย์กาม
ส่วนกลุ่มหลังที่มี 10 ชั้นนั้น ไม่ติดอยู่ในกามแล้ว
เรียกว่า กามาวจรภพ เป็นภพภูมิของเทวดาชั้นต่ำ ส่วนอกามาวจร เป็นภพ
ภูมิของเทวดาชั้นสูง
6 ชั้นของกามาวจรภพ มีดังนี้
1. ภุมมานัง (ชั้นต่ำสุด)
2. จาตุมมะหาราชิกา โดยมีชั้นละเอียดกว่าซ้อนอยู่อีกชั้น เรียกว่าจาตุมะหาราชิกานัง แต่ก็ถือว่าเป็นชั้นที่ 2 ด้วยกัน
3. ตาวะติงสา เรานิยมเรียกชั้นนี้ว่า ดาวดึงส์ จนถึงชั้นเปรียบเทียบว่ามีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และในชั้นนี้ยังมีรายละเอียดเข้าไปอีก คือ ตาวะติงสานัง
4. ยามา ก็มีซ้อนกันอีกชั้นหนึ่งที่ละเอียดกว่าคือ ยามานัง
5. ตุสิตา ที่เรียกว่าสวรรค์ชั้นดุสิต ก็ยังมีที่ละเอียดเข้าไปอีกคือ ตุสิตานัง
6. นิมมานะระตี ซึ่งละเอียดประณีตเข้าไปอีกเป็น นิมมานะระตีนัง, ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี และ ปะระนิมมิตะวะสะวะตีนัง
กล่าวคือ 6 ชั้นภพภูมิแรกนี้เป็นภูมิของเทวดาชั้นหยาบ จากชั้นที่ 7 ขึ้นไปเป็นชั้นละเอียดและสูงกว่าจนถึงชั้นสุดท้าย
คือชั้นที่ 16 ที่เรียกว่าชั้นอะกะนิฏฐะกา
รวมแล้วเรียก 10 ชั้นนี้ว่า ชั้นพรหม หรือสวรรค์ชั้นพรหม ส่วน 6 ชั้นแรกเป็นชั้นต่ำ และไม่ถือว่าเป็นพรหม
ภพภูมิของพญานาคนั้นอยู่ชั้นแรกสุดคือ ชั้นภุมมานัง
ซึ่งไม่มีความโลภ แต่ยังมีราคะ และโทสะ
พญานาคจึงมีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัว
ภพภูมิ ชั้นภุมมานัง ยังคงเป็นภพภูมิของเทวดาที่มีทิพยอำนาจเหนือธรรมดา และอยู่ใกล้ชิดภพภูมิของมนุษย์มากที่สุด
แหล่งกำเนิดของพญานาค มีทั้งบนบกและในน้ำ เรียกตามพระไตรปิฎกว่า ถลชะ เกิดบนบก และ ชลชะ เกิดในน้ำ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
4
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:03
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:39
กำเนิดพญานาคในแบบอุบัติขึ้นเอง ที่เรียกว่า แบบโอปปาติกะนั้น เกิดได้ทั้งบนบกและในน้ำ
คือนอกจากจะอาศัยบุพกรรมเป็นตัวกำหนดแล้วยังอาศัยสัญญาเป็นตัวพาให้เกิดด้วย
พญานาคที่เกิดบนบกและในน้ำ มีการดำเนินชีวิตเหมือนกัน คือเป็นไปด้วยอำนาจทิพย์
สุดแต่จิตปรารถนา
โดยมีเรือนกายที่ประกอบด้วยธาตุ 3 คือ ธาตุน้ำ, ธาตุลม และธาตุไฟ
สามารถไปไหนมาไหนได้ทุกที่ และเสวยสมบัติทิพย์เหมือนเทวดา
ส่วนฤทธิ์และอำนาจของพญานาคจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมที่เคยสร้างไว้ในอดีตชาติ
เป็นตัวส่งผลดลให้ รวมทั้งรูปลักษณ์ของพญานาคเท่าที่มีผู้พบเห็นก็จะแตกต่างกันไปด้วย พญานาคตนใดบำเพ็ญเพียรภาวนาสร้างกุศลจะยิ่งมีลักษณะงดงาม และสามารถเนรมิตกายได้หลายรูปแบบ
ด้วยความที่เป็นเพียงภพภูมิแรกสุดของเทวดา พญานาคจึงมีหลากหลายสายพันธุ์ และหลายอุปนิสัย
ดังเช่นความเชื่อของชาวหลวงพระบาง ยังเชื่อว่าหลวงพระบางเป็นแดนแห่งพญานาค และมีพญานาคอยู่ที่นั่นมากถึง 15 ตระกูล
ถ้าจะเปรียบกับภพภูมิของมนุษย์ก็จะเหมือนชาติพันธุ์ของมนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์ มีทั้งไทย เขมร จีน ฝรั่ง แขก และคนผิวดำ เป็นต้น
พญานาคก็คงจะแตกต่างทางสายพันธุ์เช่นเดียวกันนี้
สายพันธุ์ของพญามุจลินท์นาคราช คือ พญานาค 7 เศียร ซึ่งสืบสายพันธุ์มาจนถึง พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล)
ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว ส่วนฝั่งไทยคือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย แต่เป็นพญานาคเศียรเดียว ซึ่งกล่าวกันว่า ทั้ง 2 ราชาพญานาคนี้เป็นสหายกัน
เรื่องราชาแห่งนาคทั้ง 2 นี้ หลวงปู่คำพันธ์เคยเล่าไว้ว่า ในผืนแผ่นน้ำของประเทศไทยของเรานั้น มีพญานาคราชเป็นใหญ่นามว่า พญาศรีสุทโธ ท่านชอบจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม โดยมอบหมายให้เหล่าพญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
5
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:04
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่คำพันธ์เอ่ยชื่อ 6 อำมาตย์แห่งพญานาคไว้เพียง 3 คือ
1. พญาจิตรนาคราช
เป็นพญานาคที่รักสวยรักงาม มีเขตแดนปกครองของตน ตั้งแต่ตาลีฟู ถึงจังหวัดหนองคาย ตามแนวแม่น้ำโขง โดยมีที่สุดแดนอยู่วัดหินหมากเป้ง
2. พญาโสมนาคราช
มีเขตแดนปกครอง ตั้งแต่วัดหินหมากเป้ง มาจนถึงวัดพระธาตุพนม สุดเขตแดนที่แก่งกะเบา พญาโสมนาคราช มีอุปนิสัยคล้ายพญาศรีสุทโธนาคราช คือชอบปฏิบัติธรรม จึงเป็นที่ไว้วางใจ และโปรดปรานแก่พญาศรีสุทโธนาคราชมากกว่าพญานาคอื่น ๆ
3. พญาชัยยะนาคราช
มีเขตแดนจากแก่งกะเบา เรื่อยไปจนสุดแดนที่ปากแม่น้ำโขงลงทะเลในเขมร พญานาคตนนี้มีฤทธิ์เดชมาก ชอบการรณรงค์ทำสงคราม คือชอบการต่อสู้เป็นนิสัย
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
6
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:06
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:11
ส่วนฝั่งลาวนั้น มี
พญาศรีสัตตนาคราช
เป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวง เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ทรงอำนาจเหนือกว่าพญานาคทั้งหลายใน 2 แผ่นดินนี้ แต่ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกัน จนถึงกับมีการให้พันธะสัญญาแก่กันว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการความช่วยเหลือก็จะช่วยกันอย่างเต็มที่เต็มกำลังสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้อยใหญ่ประการใด
พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าด้วยมี 7 เศียร
ซึ่งถือได้ว่าเป็นตระกูลพญานาคที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนา จนอาจถือว่าเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาคทั้งหมด
หลวงปู่คำพันธ์ยังได้กล่าวอีกว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมี
พิธีกรรมอันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค
พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง......
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
7
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:12
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นาคพิทักษ์พระศาสนาที่ไม่เคยคลอนแคลนศรัทธา
พญานาคก็หาได้มีแต่ในพุทธศาสนา หรือเพิ่งเกิดมีขึ้นในสมัยพุทธกาล
พญานาคมีมาก่อนสมัยพระพุทธเจ้าโคดมและปรากฏตัวอยู่ในศาสนาอื่นๆหลายศาสนา เฉกเช่นมนุษย์ก็ยังคงนับถือศาสนาไม่เหมือนกัน
ชาวฮินดูถือว่าพญานาคเป็นสะพานเชื่อมโลกกับแดนเทพเทวา การสร้าง
เทวสถาน เช่น ปราสาทขอมทุกปราสาท จะมีสะพานนาค หรือบันไดนาคทอดยาวรับมนุษย์เข้าไปสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ข้างในปราสาท
มีเรื่องเล่าไว้ในพระไตรปิฎก (มหาวรรค) ว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดชฎิล 3 พี่น้อง ที่ตำบลอุรุเวลา
ทั้งใจดีและดุร้า
คือ อุรุเวลากัสสป, นทีกัสสป และคยากัสสป ซึ่งชฎิลทั้ง 3 นี้ มิได้รู้จักพระพุทธองค์ ไม่ได้นับถือพระพุทธองค์ แต่พวกเขานับถือบูชาพญานาคมาช้านาน
พญานาคที่ชฎิล 3 พี่น้องนับถือบูชาก็ไม่รู้จักและนับถือพระพุทธองค์เช่นกัน
พุทธองค์ทรงขอเข้าพำนักในโรงบูชาไฟของพวกตนมีพญานาคดุร้าย
อาศัยอยู่ พระพุทธองค์หาได้หวั่นเกรงไม่
พญานาคเห็นพระพุทธองค์เข้ามาก็ไม่พอใจ จนในที่สุดแสดงฤทธิ์สู้กัน แต่ก็พ่ายแพ้ต่อพระพุทธองค์ ถึงกับถูกพระพุทธองค์จับพญานาคนั้นขดไว้ในบาตร และทรงแสดงแก่ชฎิลทั้ง 3 ว่า
“ดูกร กัสสป นี่พญานาคของท่าน เราครอบงำเดชของมันด้วยเดชของเราแล้ว”
หลังจากนั้น ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างจนคลายทิฐิมานะของชฎิลทั้ง 3 ได้ และสุดท้ายชฎิล 3 พี่น้อง ได้ขอบวชพร้อมทั้งบริวารหลายร้อยคน
อีกครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์เสด็จพร้อมพระอรหันต์ 500 รูป สู่เทวโลก ได้
เสด็จผ่านวิมานของเหล่านาคที่กำลังรื่นเริงสนุกสนานกัน วิมานนี้มี นันโทปะ นันทะนาคราช เป็นใหญ่เกิดความไม่พอใจในการเสด็จผ่านคราวนั้น จึงแสดงฤทธิ์เป็นนาคขนาดใหญ่พันโอบรอบเขาพระสุเมรุ ปิดบังทางผ่านไปสู่เทวโลกไว้ (ดาวดึงส์) แล้วร้องด่าท้าทายพระพุทธองค์อย่างสาดเสียเทเสีย
พระอรหันต์สาวกรูปหนึ่งกราบทูลพระพุทธองค์ว่าให้ทรงเรียกพญามุจลินท์
นาคราชมาปราบนันโทนาคราช และพระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ โดยตรัสบอกว่า เวลานี้ พญามุจลินท์กำลังทรงฌานอยู่ ไม่ทรงอยากเรียก ทรงเกรงจะเป็นบาปกรรม
ซึ่งถือเป็นตัวอย่าง ต่อมาในภายหลังว่า เวลาพระภิกษุกำลังบำเพ็ญเพียร
สมาธิภาวนาอยู่ไม่ควรรบกวน เพราะจะเป็นบาปนั่นเอง
พญามุจลินท์ก็กำลังอยู่ในสมาธิภาวนาเช่นกัน
ในที่สุดทรงอนุญาตพระโมคคัลลาน์ให้เป็นผู้ปราบนันโทนาคราชจนสิ้นฤทธิ์
เรื่องพญานาคเกเรที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพญานาคนั้นมีอยู่แล้ว และเป็นพญานาคที่ไม่รู้จักพุทธศาสนาอีกด้วย
พญานาคทั้งปวงจะเลื่อมใสศรัทธา และกลายเป็นผู้พิทักษ์พระศาสนานั้น
ไม่ง่ายเลย
เดชานุภาพ คุณานุภาพของพระพุทธองค์มีเป็นล้นพ้น
เมื่อพญานาคหันหน้าสู่พุทธศาสนาแล้ว พญานาคก็อยู่คู่กับพุทธศาสนาตลอดมา
และยังเป็นผู้เลื่อมใสในภารกิจพิทักษ์พระศาสนาที่ไม่เคยคลอนแคลนศรัทธา
พญานาคราชผู้พิทักษ์พระธาตุพนม
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
8
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:12
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระจอมมุนี ได้เอาชนะพญานาคราช ชื่อ นันโทปนันทะ
ผู้มีความรู้ผิด มีฤทธิ์มาก
ด้วยวิธีบอกอุบายให้พระโมคคัลลานเถระพุทธชิโนรส
แสดงฤทธิ์เนรมิตกายเป็นนาคราช
ไปทรมานพญานาค ชื่อ นันโทปนันทะ นั้น
ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน
ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
9
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:15
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความเชื่อเรื่องพญานาคในพุทธศาสนามีด้วยกันหลายตำนาน
แต่ที่พุทธศาสนิกชนทราบกันดีก็คือพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็จะมีเรื่องราวของพญานาคเกี่ยวข้องเสมอ
และพระสมณโคดมกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต้องบำเพ็ญบารมีมาหลายร้อยชาติ กล่าวคือต้องเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์มาก่อน
และพระองค์ก็เคยเสวยพระชาติเป็นพญานาค ๓ ชาติ และก็ยังมีพญานาคผู้ที่มีจิตเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา
คอยอุปฐากพระพุทธองค์อยู่เนืองๆ
หรือพญานาคที่มีมิจฉาทิฐิ ที่พระพุทธเจ้าทรงปราบให้คลายความเห็นผิดลง ดังจารึกในพุทธประวัติ นาคตามคติพุทธนั้น ไม่เชิงเป็นเทวดาอาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงอมนุษย์หรือกึ่งเทพกึ่งสัตว์ แต่พราหมณ์จะถือว่าเป็นเทวดาแท้ๆ เช่นพญาอนันตนาคราชที่พระอิศวรสร้างขึ้นจากสายสังวาลก็ถือว่าเป็นเทวดา อาศัยอยู่เมืองบาดาลซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงน้ำ แต่เป็นเมืองที่อยู่ใต้โลกมนุษย์ลงไปอีกชั้นหนึ่ง ส่วนไทยเราเชื่อว่าพญานาคอาศัยอยู่ในน้ำ ก็คือบาดาลไม่ว่าจะเป็นหนองน้ำ แม่น้ำ หรือมหาสมุทรก็ถือว่าเป็นบาดาลทั้งสิ้น นอกจากจะเรียกบาดาลแล้วก็ยังเรียกว่า นาคโลกหรือนาคพิภพอีกด้วย ในสังขปาลชาดก พรรณนาถึงนาคพิภพว่าพื้นเป็นทรายรัตน ๗ แลเงินทองและแก้วมณีนานาประการ อันหญ้า ฝุ่น ผงหามีไม่ อาณาบริเวณงามราวกะแก้วไพฑูรย์ มีสระโบกขรณี ดาดาษไปด้วยกมลอุบลมีพรรณเป็นเอนก มีน้ำอันใส มีสีอันเขียว สวนมะม่วงน่ารื่นรมย์ดีมีใน ๔ ทิศ และคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ได้แยกชนิดของพญานาคไว้อย่างละเอียดถึง ๑,๐๒๔ ชนิด หนังสือปรมัตถโชติกะมหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา ปริจเฉทที่ ๕ จัดหมวดหมู่พญานาคไว้ดังนี้…..
พญานาคมี ๔ ประเภท คือ
๑.กฏฐมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วผู้นั้นจะแข็งไปทั้งตัว แขนจะงอเข้าและยืดออกไม่ได้
๒.ปูติมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้ว รอยแผลที่ถูกกัดจะเน่าและมีน้ำเหลืองไหล
๓.อัคคิมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้ว จะมีอาการร้อนไปทั้งตัว รอยแผลจะเป็นรอยริ้ว คล้ายถูกไฟไหม้
๔.สัตถมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้ว จะเหมือนกับถูกฟ้าผ่า
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
10
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-11-12 05:16
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:24
และยังมีการจำแนกวิธีทำอันตรายต่างกันออกไปถึง ๔ วิธี
ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า พญานาคที่มีฤทธิ์มากอาจจะเนรมิตกายให้เป็นคนได้
ถึงแม้จะเนรมิตกายเป็นคนได้แต่จะยังคงลักษณะอาการ ๕ อย่างที่มีประจำตัวอยู่เสมอ
ไม่สามารถทำให้หายไปได้ ลักษณะที่ว่านี้ คือ
๑. ในขณะปฏิสนธิ ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๒. ขณะลอกคราบ ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๓. ขณะเสพเมถุนอยู่กับนาคด้วยกัน ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๔. ขณะนอนหลับโดยปราศจากสติ ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๕. ขณะตาย ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
และศัตรูที่เหล่านาคทั้งหลายต่างหวั่นเกรงก็คือพญาครุฑ
แต่มีพญานาคที่ครุฑไม่อาจจับเอาไปกินได้ มี ๗ จำพวก
๑. นาคที่มีกำเนิดประณีตกว่าครุฑ
๒. กัมพลัสตรนาคราช
๓. ธตรัฐนาคราช
๔. นาคที่อยู่ในสีทันดรสมุทรทั้ง ๗
๕.นาคอันอยู่ในแผ่นดิน
๖. นาคอันอยู่ในภูเขา
๗. นาคอันอยู่ในวิมาน
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...