ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 9629
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน ~

[คัดลอกลิงก์]


ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร


วัดถ้ำประทุน
ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี



๏ อัตโนประวัติ  

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร มีชาติกำเนิดในสกุล ธรรมจิตร เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันพุธ (กลางคืน) แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ที่บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โยมบิดาชื่อ นายมี ธรรมจิตร (ซึ่งต่อมาได้ออกบวชเป็นตาผ้าขาวจนสิ้นชีวิต) โยมมารดาชื่อ นางและ ธรรมจิตร มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๒ คน หญิง ๓ คน มีชื่อเรียงตามลำดับ ดังนี้

๑. หลวงปู่วันดี ปภสฺสโร (มรณภาพแล้ว)
๒. หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร (มรณภาพ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑)
๓. นางบัวพันธ์ ประณมศรี (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๔. นางทองจันทร์ ขันธะจันทร์
๕. นางทองผัน ธงศรี

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ ด้านการศึกษา

ท่านจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดศรีชมพู (ในสมัยนั้น) บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และการศึกษาพระปริยัติธรรมสอบได้นักธรรมชั้นโท


๏ บรรพชา

เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ที่วัดศรีสว่าง ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมี พระอาจารย์ฮวด สุมโน เป็นพระอุปัชฌาย์ และจำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร


พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)  

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ อุปสมบท

เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๘ เวลา ๑๒.๐๐ น. ณ วัดศรีสว่าง โดยมีพระอาจารย์ฮวด สุมโน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระพุฒ ยโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสิริ สิริปุญฺโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านได้กระทำญัตติกรรม โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูอดุลย์สังฆกิจ (พระมหาเถื่อน) เจ้าคณะอำเภอวานรนิวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูมุกดาหารสาธุกิจ (พระมหาผา) เจ้าคณะอำเภอมุกดาหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

๏ ลำดับการจำพรรษา

เมื่อหลวงปู่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาตามที่ต่างๆ ดังนี้

- ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ จำพรรษาที่วัดตาลนิมิตร บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๔๙๑ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านแหลมฉบัง ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (ปัจจุบันคือบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง) ร่วมกับหลวงปู่ชื่น (๔๒ พรรษา) และหลวงพ่อมหาเผื่อน (๓๒ พรรษา) หลวงปู่สุบิน (๑๒ พรรษา) และหลวงปู่ (๙ พรรษา)

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๗ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันขึ้นเป็น จ.ยโสธร)

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ จำพรรษาที่วัดป่าพระสถิตย์ ต. พานพร้าว อ. ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย มีหลวงปู่บัวพา ปญฺญาภาโส เป็นเจ้าอาวาส

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ จำพรรษาที่วัดปากทาง เหมืองแม่แฝก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านมีโอกาสได้ไปปรนนิบัติหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อยู่ระยะหนึ่ง

- ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๐๑ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านเหล่า ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

- ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๑๘ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส

- ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ อ. คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

- ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

- ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ - ๒๕๓๒ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ จำพรรษาที่วัดใหม่ดำรงธรรม ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี

- ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ๒๕๕๑ ได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำประทุน ม. ๘ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร


๏ โยมบิดาบวชเป็นตาผ้าขาว

ท่านเล่าให้ฟังว่า โยมบิดาของท่านเมื่อครั้งอยู่ในวัยหนุ่มไม่มีโอกาสได้บวชศึกษาเล่าเรียนในทางพุทธศาสนาแต่อย่างใด เพราะมีภาระที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวมาหลายปี หลังจากที่หลวงปู่มาบวชนานหลายปีพอสมควร ท่านจึงได้ชักชวนโยมบิดาให้เข้ามาบวชรักษาศีล ๘ ประจำ (เรียกว่าตาผ้าขาว) เพื่อประพฤติปฏิบัติภาวนา และท่านได้พาไปหาวิเวกในที่ต่างๆ เช่นที่ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตโยมพ่อท่าน รวมเวลาที่บวชเป็นตาผ้าขาวได้ถึง ๒๒ ปี หลวงปู่เล่าว่า ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ท่านตั้งใจเดินทางไปหาวิเวกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีหมู่คณะที่ติดตามไปด้วยคือ

๑. พระมหาคำหล้า
(ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดสมานโสภาราม อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย)

๒. พระอาจารย์สมุทร อธิปุญฺโญฺ
(ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน หรือวัดเขาจีนแล จ.ลพบุรี)

๓. ตาผ้าขาว (โยมบิดาของหลวงปู่)

๔. หลวงปู่สุพรรณ (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว)

กับสามเณรอีก ๑ รูป ซึ่งติดตามไปภายหลัง และได้พบกันที่วัดโป่งตูม อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

หลวงปู่คำดี ปภาโส


หลวงปู่หลอด  ปโมทิโต

การเดินทางครั้งนั้นเริ่มต้นที่จังหวัดหนองคาย พักที่วัดหินหมากเป้ง ๑ คืน หลวงปู่ได้ข้ามไปทางฝั่งประเทศลาวระยะหนึ่ง แล้วกลับมาที่วัดหินหมากเป้งอีกครั้ง จากนั้นท่านได้เดินเท้าไป อ.สังคมผ่าน อ.เชียงคาน จ.เลย ต่อไปถึงบ้านนาอ้อ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย โดยพักอยู่กับ หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ ๑๒ คืน จึงเดินทางต่อไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย จนถึง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พักที่วัดโป่งตูม และได้พบกับ หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ที่นั่น จากนั้นเดินทางไป อ.หล่มสัก พักอยู่กับหลวงปู่เคลือบ ที่สี่แยกป่าติ้ว จ.เพชรบูรณ์ ๓ คืน แล้วเดินข้ามหลังเขาไปจนถึง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ขณะนั้นโยมบิดาของท่านเกิดอาการอ่อนเพลียมาก จึงขอให้ขึ้นรถไฟและไปลงที่ จ.ลำปาง พักอยู่กับ หลวงปู่หลวง  กตปุญโญ วัดเกาะคา ๓ คืน จากนั้นได้ต่อรถไฟไปจนถึง จ.เชียงใหม่ พักอยู่กับ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ที่วัดสันติธรรม ๒ เดือน พอใกล้เข้าพรรษา หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ขอให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดปากทางเหมืองแม่แฝก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นท่านได้เที่ยววิเวก และจำพรรษาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ อีกประมาณ ๔ ปี จึงเดินทางกลับภาคอีสานบ้านเกิด


หลวงปู่หลวง กตปุญโญ


หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏  เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม

ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ หลวงปู่ได้มาอยู่ที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน บ้านเกิดของท่าน แล้วได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัด หลวงปู่ได้พัฒนาวัดและก่อสร้างเสนาสนะที่ยังขาดแคลน เช่น ศาลาการเปรียญ กุฏิ และโรงครัว เป็นต้น อีกทั้งหลวงปู่ยังมีส่วนสำคัญในการนำความเจริญมาสู่หมู่บ้าน เช่น ถนน ไฟฟ้า และบ่อน้ำ เป็นต้น เมื่ออยู่ที่นั่นเป็นเวลาติดต่อกันนานพอสมควร หลวงปู่ก็ออกไปปลีกวิเวกและปฏิบัติภาวนา พำนักจำพรรษาสถานที่อื่นบ้าง โดยไปอยู่วัดประชาอุทิศ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

พอออกพรรษา ก็กลับมายังวัดธรรมิการามอีกครั้ง ไปๆ มาๆ เช่นนี้อยู่เป็นหลายครั้ง เมื่อเห็นว่าวัดธรรมิการามมีความเจริญ และความสะดวกสบายในด้านต่างๆ พอสมควร ในต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ท่านก็ได้ตัดสินใจวางภาระต่างๆ ให้พระลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ท่านไว้วางใจคือ พระอาจารย์อัศวิน วรญาโณ ให้เป็นผู้รักษาการแทน

หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ออกไปหาวิเวกที่วัดป่าดงเจริญ บ้านดงเจริญ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ระยะหนึ่ง แล้วก็ลงมาทางภาคตะวันออก พักอยู่ที่วัดถ้ำประทุนประมาณ ๗ วัน (สมัยนั้นชื่อวัดตรอกแซง) หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้เดินทางไป จ.จันทบุรี ในปีนั้นหลวงปู่ตั้งใจจะไปจำพรรษาที่เกาะช้าง พอดีช่วงนั้นมีพายุเข้าฝนตกหนักเลยข้ามไปเกาะไม่ได้ ช่วงนั้นเป็นเวลาจวนจะเข้าพรรษาพอดี หลวงปู่จึงตัดสินใจจำพรรษาที่วัดใหม่ดำรงธรรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังจากออกพรรษาของปีนั้น คณะญาติโยมทาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (คณะโยมแฉล้มและโยมอรุณี) ได้ไปนิมนต์หลวงปู่ให้กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำประทุน เพราะเวลานั้นเจ้าอาวาสวัดได้ลาสิกขาบทไป ทำให้ขาดครูบาอาจารย์ที่จะมาปกครองดูแลวัด หลวงปู่จึงได้รับนิมนต์กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำประทุนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ เป็นต้นมา และได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนญาติโยมที่ได้มากราบไหว้ก็เริ่มรู้จักหลวงปู่กันมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน สมัยที่หลวงปู่มาอยู่ใหม่ๆ เสนาสนะที่จำเป็นเช่น กุฏิ มีจำนวนน้อยไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีพระภิกษุสามเณร เข้ามาอยู่กับหลวงปู่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ท่านต้องสร้างเสนาสนะ (กุฏิ) และสิ่งที่จำเป็นหลายอย่างเพิ่มขึ้น

หลายปีผ่านไปหลวงปู่ก็มาพิจารณาเห็นว่าพระอุโบสถหลังเก่าอยู่ที่วัดศรีชมพู ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ของบ้านบึงโน ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่ยังเป็นพระบวชใหม่ บัดนี้เกิดชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก หลวงปู่เลยคิดยากจะรื้อแล้วทำขึ้นใหม่ ท่านจึงดำริจะสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น เพื่อให้วัดต่างๆ ที่อยู่ในละแวกนั้นได้มาทำสังฆกรรมร่วมกัน มีการลงอุโบสถทุกกึ่งเดือน เป็นต้น และใช้เป็นสถานที่สำหรับอุปสมบทกุลบุตรลูกหลานมาจากที่ต่างๆ อีกด้วย อาศัยศรัทธาจากญาติโยมทางพัทยา จังหวัดชลบุรี กรุงเทพฯ และคนในพื้นที่บ้าง ช่วยกันดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยมีนายสมเดช ดำรงค์กิจไพบูลย์ เป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง ในระยะเวลา ๔ ปี งบประมาณ ๑๒ ล้านบาท และได้ใช้ประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้

ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๘ และ ๒๕๓๙ หลวงปู่ได้อาพาธหนักเป็นครั้งแรก ต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ถึงสองครั้ง อาการของหลวงปู่ก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ไม่แข็งแรงเหมือนก่อน ต้องพักฟื้นอยู่เป็นเวลานาน ต้องหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องใช้กำลังมาก การทำงานต่างๆ ภายในวัด จึงว่างเว้นไปอยู่หลายปี หลังจากสุขภาพท่านพอจะทรงตัวได้ดี ท่านก็เริ่มหันมาพัฒนาสภาพวัดถ้ำประทุน ที่ยังไม่ค่อยลงตัวอีกครั้ง เนื่องจากจำนวนพระภิกษุสามเณรเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัย น้ำอุปโภคบริโภคก็ไม่ค่อยพอใช้ หลวงปู่จึงได้จัดทำโครงการขุดสระน้ำขนาด ๘ ไร่ (งบประมาณ ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท) ซึ่งก็ได้รับความร่วมแรงร่วมใจ จากคณะลูกศิษย์และคนในพื้นที่เป็นอย่างดีจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นทางวัดก็มีน้ำใช้อุดมสมบูรณ์ จนสามารถรองรับคณะลูกศิษย์ได้เป็นจำนวนหลายพันคน

สำหรับการก่อสร้างเสนาสนะ หลวงปู่ท่านก็เมตตา ทยอยสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกุฏิของพระภิกษุ สามเณร และแม่ชี รวมถึง อุบาสก อุบาสิกา ฆราวาสที่มารักษาศีลที่วัดเป็นครั้งคราว เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้รับความสะดวกสบาย ปัจจุบันวัดมีความเจริญและสะดวกสบาย เช่น มีการปูพื้นซีเมนต์บริเวณกว้าง เพื่อลดปัญหาการชะดินของน้ำ เนื่องจากสภาพวัดเป็นภูเขา ไม่ได้เป็นที่ราบเสมอกัน และยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาทำบุญ ได้มีที่จอดรถสะดวกสบาย โดยเฉพาะวันงานสำคัญต่างๆ ซึ่งมีลูกศิษย์มาทำบุญเป็นจำนวนมาก จนรู้สึกว่าสถานที่คับแคบไปถนัดตา มีการปลูกป่าเพิ่มเติมนับเป็นหมื่นต้น มีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ในอนาคตที่นี่จะเป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างอื่นๆเช่นตึกสงฆ์อาพาธ วิหารสำหรับเก็บพระพุทธรูปและบำเพ็ญกุศล โรงเก็บวัสดุ ห้องน้ำสำหรับญาติโยม เป็นต้น
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร ท่านเป็นผู้นำในการสร้างเจดีย์อุทิศถวายแด่หลวงปู่ลี ฐิตธัมโม
ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ชึ่งตั้งอยู่วัดเหวลึก จ.สกลนคร



ภายในเจดีย์เป็นสถานที่เก็บอัฐบริขารและอัฐิธาตุหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม
ชึ่งตั้งอยู่ ณ วัดเหวลึก บ้านบึงโนใน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร


ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง ๒๕๔๓ หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ถึงแก่มรณภาพ หลวงปู่ได้ไปเป็นประธานจัดเตรียมงานให้ลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย และยังเป็นผู้นำในการสร้างเจดีย์อุทิศถวายแด่หลวงปู่ลี ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ตั้งเด่นสง่าให้ชนรุ่นหลังได้กราบไหว้รำลึกถึงคุณความดี ของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ล่วงลับไปแล้ว หลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์ที่มีเมตตาอย่างยิ่ง ท่านจะบำเพ็ญกุศลทำทานบริจาคอยู่เป็นนิตย์ รวมถึงการไถ่ชีวิตโคกระบือ ทำให้ศิษยานุศิษย์ก็พลอยได้มีโอกาสทำบุญทำกุศลไปกับหลวงปู่ด้วย งานก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากหลวงปู่ได้เมตตาช่วยแก้ปัญหาสภาพวัดมาโดยตลอด จนปัจจุบันวัดถ้ำประทุนได้กลายเป็นสถานที่สัปปายะ สำหรับผู้แสวงหาวิโมกขธรรมเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ปรารภเสมอว่า สิ่งที่ท่านทำลงไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อคนรุ่นหลังทั้งสิ้น ไม่ได้ทำเพื่อตนเองแต่อย่างใด หลวงปู่เองคงอยู่ได้อีกไม่นาน ทุกคนล้วนซาบซึ้งในความเมตตาอันยิ่งใหญ่จากหลวงปู่ ที่ท่านอุทิศกำลังกาย กำลังใจ และความคิดเพื่อศิษย์รุ่นหลังทุกๆ คน


อาสนะของหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร


8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ การอาพาธและการมรณภาพ

นับแต่ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเข้ามาในพระพุทธศาสนา เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร หลวงปู่ได้มอบกายถวายชีวิตในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น และได้นำธรรมะเหล่านั้นเทศนาอบรมสั่งสอนพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และคณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลายตามสมควรแก่โอกาส ในการเทศนาสั่งสอนนี้ หลวงปู่มักจะกล่าวถ่อมตนอยู่เสมอว่า ท่านเทศน์ไม่เก่ง ไม่มีปฏิภาณในด้านนี้ นั่นก็เป็นจริตนิสัย และวัตรปฏิปทาที่แสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น แต่ถ้าผู้ใดมีโอกาสได้ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด หรือได้มากราบหลวงปู่แม้เพียงครั้งเดียว ก็จะรู้สึกซาบซึ้งว่า หลวงปู่มีความน่าเคารพและศรัทธามากเพียงใด แม้ไม่ต้องสอนด้วยคำพูด แต่สอนด้วยการทำให้ดู อยู่ให้เห็น ผู้รู้จักสังเกตเรียนรู้ ย่อมได้ปัญญาจากหลวงปู่ไม่น้อย

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ หลวงปู่จึงดำริคิดจะสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่วัดถ้ำประทุน ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ในวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ หลวงปู่ได้ติดต่อปรึกษากับผู้ออกแบบเตรียมที่จะสร้างพระเจดีย์ เมื่อแบบแล้วเสร็จก็จะติดต่อพูดคุยกับผู้รับเหมาตามขั้นตอนต่อไป ในช่วงดำเนินการออกแบบ หลวงปู่ก็ได้อาพาธหนักถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมีนายแพทย์อลงกรณ์ ชุตินันท์ และนายแพทย์พงษ์อินทร์ คอยดูแลทำการรักษามาโดยตลอด



ในระยะหลัง สุขภาพของหลวงปู่ทรุดลงไปมาก เนื่องจากความชรา และยังต้องผจญกับโรคประจำตัวมากขึ้น โดยเฉพาะระบบของเม็ดเลือดที่ผิดปรกติ หลวงปู่ต้องเข้ารับการให้เลือดเป็นระยะๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา แต่หลวงปู่ก็มีกำลังใจดี หน้าตาของท่านผ่องใสเหมือนไม่ได้อาพาธ หลวงปู่ก็รักษาสังขารร่างกายไปตามอัตภาพ ไม่ได้ขวนขวายอะไรมากนัก ทุกวันท่านจะไปทำงานบริเวณสระน้ำ เพื่อดูแลต้นไม้เป็นการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ประจำวันเพื่อสุขภาพท่านเอง และเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดมา

จนกระทั่งมาถึงวันอาทิตย์ที่ ๑ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ หลวงปู่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเป็นครั้งสุดท้าย เป็นระยะเวลา ๖ วัน ในวันที่ ๗ หลวงปู่ก็ได้ละสังขารด้วยอาการสงบและจากพวกเราไปโดยไม่มีวันกลับ ซึ่งนับว่าเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของบรรดาศิษยานุศิษย์ และชาวพุทธทั้งหลาย ศพของท่านได้ถูกจัดไว้เพื่อการบำเพ็ญกุศลที่ศาลาการเปรียญวัดถ้ำประทุนอย่างสมเกียรติ มีการสวดพระอภิธรรมทุกคืนเป็นระยะเวลา ๑๐๐ วัน จากนั้นบรรดาศิษยานุศิษย์ จะได้ประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อจัดงานฌาปนกิจต่อไป

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การอาพาธของหลวงปู่ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๘-๒๕๓๙ หลวงปู่ได้อาพาธหนักเป็นครั้งแรกต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง (ด้วยโรคกระดุกพรุน) ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ถึงสองครั้ง ภายหลังการผ่าตัดอาการของหลวงปู่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำมาโดยตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี พอในปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๙ แพทย์ได้ตรวจพบความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว (มะเร็งในเม็ดเลือดขาว) และได้ทำการรักษาโดยการให้คีโม ประมาณ ๓-๔ ครั้ง ที่ โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้นได้รับการรักษาโดยวิธีการให้เลือดหลวงปู่ มาเป็นระยะ

พอถึงวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ หลวงปู่ได้มีอาการจุกแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง หายใจไม่สะดวก จึงได้เข้ารับการรักษาในห้อง ไอ ซี ยู โดยมี นายแพทย์อลงกรณ์ ชุตินันท์ เจ้าของไข้ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น เนื่องด้วยหลวงปู่ติดเชื้อทางกระแสโลหิตอย่างรุนแรง แพทย์วินิจฉัยแล้วพบว่าเกิดจากโรคเม็ดเลือดและเกล็ดเลือดต่ำ มีการติดเชื้อในกระแสโลหิต การเต้นของหัวใจอ่อนกำลัง ความดันโลหิตต่ำ หลังจากนั้นมีอาการแทรกซ้อนอย่างรุนแรง เช่น อาการไตวาย ตับเสียการทำงาน และมีแผลติดเชื้อที่ขาข้างซ้ายอย่างรุนแรง จนกระทั่งต่อมาหลวงปู่ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ในวันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เวลา ๐๔.๓๔ นาฬิกา ที่ห้อง ไอ ซี ยู รวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๘ เดือน ๒๒ วัน พรรษา ๖๒  



วันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ นาฬิกา คณะศิษยานุศิษย์จึงได้เคลื่อนศพหลวงปู่มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาการเปรียญ วัดถ้ำประทุน หมู่ที่ ๘ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดย พล.ท.นพ.ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์ ต่อจากนั้นอัญเชิญน้ำหลวงอาบศพโดยนายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี มีกำหนดการบำเพ็ญกุศล ๑๐๐ วัน ดังนี้

กำหนดการบำเพ็ญกุศล

- ทำบุญครบรอบ ๗ วัน ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
- ทำบุญครบรอบ ๕๐ วัน ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
- ทำบุญครบรอบ ๑๐๐ วัน ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑
- มีการสวดพระอภิธรรม เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. ของทุกๆ คืน

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-9 11:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




จากหนังสือชีวประวัติโดยสังเขป หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *      

หนังสือหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
พระผู้มีปฏิปทาเสมอต้อนเสมอปลาย
ท่านสามารถ Download หนังสือได้ จากที่นี่
http://www.pupasoong.com/node/38

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=21312

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้