|
ปาฏิหาริย์แห่ง"อิทธิวิธิ" (2) "หลวงพ่อแดง"วัดแหลมสอ
คอลัมน์ มุมพระเก่า
สรพล โศภิตกุล
หนังสือ "ธรรมวิภาค" ปริเฉทที่ 2 หน้า 63 ได้กล่าวไว้ว่า
"อิทธิวิธิกล่าวไว้ในนิทเทสว่า แสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ คนเดียวนิรมิตเป็นคนมากก็ได้ กลับเป็นคนเดียวอีกก็ได้ ล่องหน คือ ผ่านไปในวัตถุกั้นขวางอยู่ เช่น ฝา กำแพง ภูเขา ดุจไปในที่แจ้งก็ได้ ดำดินคือไปใต้ดิน แล้วผุดขึ้นในที่ปรารถนา ดุจดำในน้ำก็ได้ เดินน้ำคือไปได้บนน้ำ อันไม่แตก ดุจเดินบนพื้นดินก็ได้ เหาะคือนั่งไปในอากาศ ดุจนกบินก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์ด้วยมือก็ได้ ใช้อำนาจด้วยกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้"
"อิทธิวิธิ" นี้ หลวงพ่อแดง แห่งวัดแหลมสอ ได้สำแดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏ ดังเรื่องราวเล่าขานที่จะกล่าวถึง
เรื่องแรก คือ การแบ่งภาคบิณฑบาต เรื่องมีอยู่ว่า นางเจี้ยว ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ที่บ้านบางเก่า
เช้าวันหนึ่งมีเหตุให้ไปทำธุระอยู่ที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เห็นหลวงพ่อแดงบิณฑบาตอยู่ที่อำเภอขนอน วันเดียวกันได้เดินทางกลับเกาะสมุยเและได้พบหลวงพ่อแดง ก็ให้สงสัยไปสอบถามชาวบ้านดู ชาวบ้านล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเช้าหลวงพ่อแดงบิณฑบาตที่เกาะราบไม่ได้ไปไหน
ในสมัยพุทธกาลนั้น มีพระสาวกที่สำคัญหลายรูปด้วยกันที่สามารถแบ่งภาคได้ ดังเช่นพระอานนท์ หรือพระจุลบัณถก กล่าวสำหรับพระจุลบัณถกนี้ สามารถแบ่งภาคได้ถึง 1,000 องค์ทีเดียว
ในประวัติมีกล่าวไว้ว่า ครั้งหนึ่งอาณาบิณฑกเศรษฐีได้จัดอาหารเพื่อจะถวายพระพุทธเจ้า และพระสาวก แต่ปรากฏว่าครั้นถึงเวลาก็ขาดพระจุลบัณถก 1 องค์
อาณาบิณฑกเศรษฐีจึงให้คนไปนิมนต์พระจุลบัณถก แต่ปรากฏว่าท่านแบ่งภาคออกเป็น 1,000 องค์ ผู้นิมนต์จึงมิอาจทราบได้ว่าองค์ไหนคือองค์ท่านที่แท้จริง
ในที่สุดพระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ไปเรียกชื่อ ถ้าองค์ไหนขานตอบก่อนองค์นั้นก็คือ พระจุลบัณถก
เรื่องที่สอง เล่าถึงอิทธิวิธิของหลวงพ่อแดงเดินบนผิวน้ำว่า ปกติแล้วหลวงพ่อแดงมักเดินทางด้วยเรือชักใบลำเล็กๆ ของท่าน มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังแล่นเรืออยู่กับนายอิ่ม ซึ่งพิการขาเป๋ แล่นเรืออยู่ระหว่างเกาะกะแตนกับเกาะสมุย เรือของท่านก็บังเกิดล่มจมลง ตรงบริเวณนั้นน้ำลึกไม่น้อยกว่า 7 วา
หลวงพ่อแดงจึงร้องบอกนายอิ่มให้ยืนขึ้น ปรากฏว่านายอิ่มสามารถยืนในน้ำได้ครึ่งตัว
ส่วนหลวงพ่อแดงนั้นท่านสามารถเดินบนผิวน้ำได้
|
|