เหรียญหลังหนุมาน

รามเทพ

หนุมาน เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นพญาวานรเผือก ทหารเอกของพระราม

เป็นโอรสของพระพายกับนางสวาหะ ถือกำเนิดตามคำบัญชาของพระอิศวร








เมื่อพระอิศวรรู้ว่านางสวาหะต้องคำสาปของนางกาลอัจนาผู้เป็นแม่ จึงมีเทวบัญชาให้พระพาย พัดเอากำลังแห่งพระองค์และเทพสาตราวุธของพระองค์ เข้าสู่ท้องของนางสวาหะที่ถูกสาป อันได้แก่ คทาเพชรเป็นสันหลังตลอดหาง ตรีเพชรเป็นลำตัว มือและเท้า จักรแก้วเป็นศีรษะ นางจึงตั้งครรภ์ นางสวาหะตั้งท้องอยู่นาน 30 เดือน จึงได้คลอดออกมาทางปากเป็นวานรเผือก ครั้นพอคลอดออกมา หนุมานก็ตัวโตเท่ากับลิงอายุได้ 16 ปี ตรงกับวันอังคาร เดือนสาม ปีขาล

"ลักษณะพิเศษของหนุมานคือ มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มี 4 หน้า 8 กร และหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกายหายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน หนุมานมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า วายุบุตร (บุตรของพระพาย) ต่อมาพระพายได้พา หนุมานไปเข้าเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรประทานพรให้ว่า แม้หนุมานถูกอาวุธใดของศัตรูจนสลบไป หรือเสียชีวิตก็ดี

เมื่อพระพายพัดมาถูกกายก็จะฟื้นคืนสติขึ้นมาอีก และบอกคาถาแปลงกายหายตัวให้แก่หนุมาน พร้อมกับให้หนุมานและชมพูพานลิงที่พระอิศวรทรงชุบขึ้นมา ไปอยู่เมืองขีดขินกับพาลี และสุครีพผู้เป็นน้า เป็นทหารเอกของพระราม ช่วยรบจนสิ้นศึกสงคราม"






ด้วยคุณสมบัติและลักษณะที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหนุมาน บรรดาพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าท่านจึงนิยมนำเอารูปของหนุมานมาผูกเข้ากับอักขระเลขยันต์ และกำกับด้วยคาถาอาคม อาจจะเป็นคาถาอาคมทั่วไป เพื่อหวังผลให้เกิดอานุภาพและครอบคลุม หรือนำมาผูกอักขระเลขยันต์เฉพาะด้าน โดยกำหนดให้มีคาถาอาคมกำกับเป็นการเฉพาะดังเช่น หนุมาน 4 กร เชิญธงทรงฤทธิ์ ได้แปลงจากหนุมานตัวที่ 9

ซึ่งถือว่าเป็นหนุมานตัวที่แรงที่สุด (หนุมานเชิญธงขี่สิงห์ที่คุ้นตากันดี ซึ่งเป็นตำรับวิชาดั้งเดิมของหลวงปู่ทองสุข วัดโตนดหลวง) แต่โดยหลักแล้ว เป็นความเชื่อที่ค่อนข้างสากลว่า เครื่องรางในรูปหนุมาน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน มักจะให้ผลในทางอิทธิฤทธิ์แบบครอบจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นมหาอุตม์ อยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอำนาจ มหากำลังรวมไปถึงการเป็นเครื่องรางในทางเสน่ห์เมตตามหานิยม

morntanti

มีเหรียญนี้ครับ ....ดีไหม?   เก็บเพราะชอบด้านหลังเหรียญนี่หละ อิอิ

oustayutt

ชอบๆครับ

AUD

ขอบคุณครับ

troop1411

ขอบคุณครับ

sriyan3

ขอบคุณคร้าบ

Sornpraram

Sornpraram

ตำนานการเกิดหนุมาน

Sornpraram

AUD ตอบกลับเมื่อ 2013-9-22 06:40
ขอบคุณครับ

ชอบอะไรหนอ?

รามเทพ

พระสมเด็จปกโพธิ์หลังหนุมานเชิญธงเสาร์ ๕ ปี 2536





ความเป็นมาของการจัดสร้างพระสมเด็จปกโพธิ์หลังหนุมานเชิญธงเสาร์ ๕ ปี 2536 เมื่อประมาณปลายเดือน พฤศจิกายน ปี 2535 ได้เปิดดูปฏิทินปี พ.ศ.2536 วันที่ 27 มีนาคม 2536 เป็นวันเสาร์๕ จึงนำเรื่องนี้ปรึกษาหลวงพ่อยิด ว่าจะทำพระสมเด็จปรกโพธิ์ให้หลวงพ่อยิด เก็บไว้แจกในวันเสาร์๕ ปี 2536 หลวงพ่อยิด ท่านจึงอนุญาติ ให้ทำ จึงเรียกช่างเผด็จ กิตติโสภาพันธุ์ ไปแกะบล๊อกเป็นพระสมเด็จปรกโพธิ์ หลังยันครู หลังจากแกะบล๊อกเสร็จนำไปให้หลวงพ่อดู พอหลวงพ่อได้ดูบล๊อกแล้ว ท่านพูดแบบภาษาเพชรบุรีว่า

"เห็นทำแต่หลังยันต์ครูกัน หลังหนุมานตัวเก่งของฉันไม่มีใครทำเลย"

ด้วยเหตุคำพูดของหลวงพ่อยิด คำนี้เลยต้องให้ช่างเอาไปแก้บล๊อกด้านหลัง เป็นหนุมานเชิญธง หลวงพ่อยิดท่านเขียนหนุมานให้ไม่ทันท่านจึงบอกช่างให้ไปเอาแบบ หนุมานเชิญธงในหนังสือมหายันต์ จึงเป็นที่มา พระสมเด็จหลังหนุมานเชิญธง เสาร์๕ ปี 2536 หลังจากที่ช่างแกะบล๊อกเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำกลับมาให้หลวงพ่อยิดดูอีกครั้งหลวงพ่อยิดท่านบอกว่า ดีแล้ว บางครั้งท่านไปเจอ เนื้อขาวๆที่โรงงานกดพิมพ์มาเองเป็นตัวอย่างมีบ้างไม่เกิน 10 องค์ ความตั้งใจแรกจะให้โรงงานปั้มหนึ่งหมื่นองค์ พอหลวงพ่อได้ยินว่าให้ปั้มที่โรงงาน หลวงพ่อยิดท่านจึงบอกว่าทำไม ไม่ปั้มกันเอง ด้วยความเกรงใจช่าง ถามช่างว่าจะว่าอย่างไร ช่างเผด็จจึงบอกว่าถ้าหลวงพ่อต้องการอย่างนั้นไม่เป็นไร ปั้มที่วัดก็ได้ งั้นบล๊อกนี้ไม่คิดตังค์ถวายหลวงพ่อยิดไปเลย งานหน้าถ้ามีอะไรให้รับใช้ก็บอก นี้คือที่มาของการสร้าง พระสมเด็จ รุ่นนี้ จากนนั้นก็ปรึกษาหลวงพ่อต่อจะปั้มอย่างไรผสมผงอย่างไรเพราะทุกคนไม่มีประสบการณ์ หลวงพ่อท่านจึงบอกไปหาผงว่านมาจึงได้ผงว่านมาต่างๆนาๆชนิด และที่มากสุดคือว่านสาวหลงและหลวงพ่อยิด ท่านยังให้ไปเก็บเปลือกหอยชายทะเลและเปลือกหอยที่ว่านี้ตามที่ลหลวงพ่อบอกหาได้ 2 ที่ คือ

ชายหาดริมทะเลบางควาย อ.ชะอำ และ ชายหาดริมทะเลบ้านใหม่ หมู่ที่ 1 ต.สามร้อยยอด อ.ปรานบุรี (ในสมัยนั้น) และผงปูนขาว กล้วยน้ำว้า น้ำผึ้งเดือนห้า และข้าวก้นบาตร ตอนเช้าที่พระบิณฑบาตรได้และเกศา หลวงพ่อยิดและสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อยิดบอก มีคนนำรูปเหมือน รัชกาลที่ 5 ทรงยืนขนาดองค์ใหญ่ชำรุดมีคนมาทิ้งไว้ที่หน้าอุโบสถ วัดหนองจอก หลวงพ่อยิดท่านบอกว่าอันนั้นดีมากเป็นพิธีใหญ่ของสำนัก พุทธประทีป ปี 2500

เอาผงที่องค์ รัชกาลที่ 5 มา ตำผสมใส่ด้วยและใช้พระ กับ เณร ช่วยกันตำผงว่านต่างๆชนิด และ เปลือกหอย ใช้ตะแกงร่อนแป้ง ร่อนผงออกมาในองค์พระท่านจะเห็นเป็นเส้นหยาบๆ นั้นคือว่านสาวหลง เห็นเป็นเม็ดข้าวก้นบาตรก็มี เห็นมีเกศาข้างในก็มีเพราะผสมรวมกันกับผง ด้วยเหตุผล ด้วยจิตมุ่งมั่น ด้วยจิตบริสทธิ์ ช่วยกันตำผงใช้ครกไม้สมัยโบราณโชคดีที่เจ้าอาวาส วัดท่าลาว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ให้พระ กับ เณร มาช่วยกันตำผงและช่วยกันปั้มองค์พระ

ครกแรก แก่ว่านจึงออกน้ำตาลดำ


ครกสอง อ่อนว่านลงมานิด จึงออกน้ำตาลอมขาวเหลือง



ครกสามผงและผงปูนเปลือกหอยมากหน่อย จึงออกอมขาว



ความตั้งใจจะทำหนึ่งหมื่นองค์จึงได้ไม่ถึงพระกับเณร ช่วยกันตำด้วยจิตเป็นกุศล สู้ไม่ไหวมือไม้แตกเจ็บมือขณะที่ตำผงกัน ช่วยกันตำครั้งละ 2 คน  
ขณะที่ตำผงองค์แรกหลวงพ่อให้ภาวนา นะมะพะทะ - มะพะทะนะ - พะทะนะมะ - ทะนะมะทะ
องค์ที่ 2 หลวงพ่อให้ภาวนา นะโมพุทธายะ - โมพุทธายะนะ - พุทธายะนะโม - ธายะนะโมพุท - ยะนะโมพุทธา

หลวงพ่อบอกว่าคือการเรียกธาตุเล็ก ธาตุใหญ่ น้อมจิตด้วยความตั้งใจ อันบริสุทธิ์ จึงปั้มพระรุ่นนี้ได้ทั้งหมด 3 ครก นับรวมแล้ว ได้ 4,682 องค์ ครกแรกได้ประมาณ 500 องค์ ครกที่สองได้มาณประมาณ 1,500 องค์ ที่เหลือคือครกที่สาม จะเห็นได้ว่าเจอสีขาวมากกว่า ส่วนที่เห็นเป็นตะกรุดทองคำ หรือตะกรุดเงิน คือพระกับเณร ที่ช่วยกันตำผงของ อนุญาติหลวงพ่อยิด ให้ลงตะกรุดให้แล้วนำมาปั้มไว้บูชากันเอง ผมคิดว่าน่าจะไม่เกินอย่างละ 5 องค์ จึงหายากมากๆ จนไม่อยากจะพูดถึง แต่ก็ต้องบอกเอาไว้เผื่อท่านใดโชคดี ไปเจอมาต้องดูให้ดีนะครับ ต้องเป็นการกดปั้มในพิมเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการเจาะฝัง และ ตะกรุดหลวงพ่อยิดจารชัดเจนตามที่เห็นในรูปที่โชว์นี้ นี้คือข้อมูลการสร้างหลังจากที่ปั้มพระเป็นองค์แล้ว

  พระจะแห้งช้ามากเพราะประสบการณ์ที่เราไม่รู้ไม่เหมือนกับโรงงานปั้ม เมื่อพระแห้งช้ามากจึงได้นำ แล๊กเกอร์ เคลือบเอาไว้ที่แห้งก่อนก็ไม่ได้เคลือบ แล๊กเกอร์ ท่านอาจจะเจอมีทั้งเคลือบแล๊กเกอร์และไม่เคลือบแล๊กเกอร์ หนุมานติดชัด สมบรูณ์ ก็มี หนุมานติดไม่ชัด สมบรูณ์ก็มี เพราะเป็นพระที่ พระกับเณรชว่ยกันปั้มขึนมาไม่ได้ปั้มที่โรงงาน ความสวยโดดเด่น อาจจะน้อยแต่พุทธคุณสูงสุดๆ ปลายเดือนมกราคม 2536 ทำเสร็จแล้วบรรจุใสลัง ไว้ในกุฏิหลวงพ่อยิด ปลุกเสกมาตลอดจนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2536 เสาร์๕ คืนนั้น หลวงพ่อยิดปลุกเสกคืนสุดท้ายจึงได้แจกออกไปให้กับ ศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อยิดท่านให้ถวาย วัดท่าลาว ไปแจกผ้าป่า 1,000 องค์ ถวาย ไปแจกผ้าป่า วัดไร่เนินประมาณ 1,500 องค์ ที่เหลือหลวงพ่อยิดแจกเองทั้งหมด ...ข้อมูล จากอาจารย์ ไชยา ผู้ซึ่งบวชอยู่ในขณะนั้น และ เป็นผู้หนึ่งที่รู้ข้อมูลตั้งแต่ต้น จนจบ...

ที่มา..http://group.wunjun.com
0

---