ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2839
ตอบกลับ: 3

กะโหลกแม่นาค

[คัดลอกลิงก์]



หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก ไปมาหาสู่ระหว่างวัดกับวังนางเลิ้งเสมอ โอรสเสด็จในกรมฯพระองค์หนึ่งคือ หม่อมเจ้าคำแดงฤทธิ์ เคยประชวรหนัก รักษาทั้งยาฝรั่ง ยาไทย เวทมนตร์

คาถาก็ไม่หาย เสด็จในกรมฯเลยรับสั่งให้บนบวช 10 วัน ปรากฏว่าได้ผล หายประชวร ทั้งครอบครัวเลยต้องไปจำศีลอยู่ที่วัดบางประกอกเกือบเดือน

หน้าผากแม่นาคพระโขนงนั้นตกทอดเป็นลำดับจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มาถึงหม่อมเจ้าพระพุทธปาธปิลันทร์ และหลวงพ่อพริ้งเล่ากันสืบมาว่า สมัยนั้นแม่นาค

อาละวาดผู้คน ชาวบ้าน พระ เณรแถบย่านคุ้งน้ำพระโขนงจนได้รับความเดือดร้อน สมเด็จโตจึงต้องเดินทางไปปราบด้วยพุทธคุณ เจาะกะโหลกแม่นาค ขนาดความกว้างประมาณ


นิ้วครึ่ง ? 2 นิ้ว ยาว 4 นิ้ว (โดยประมาณ) มาขัดมัน ลงอักขระ ปิดทองและติดย่ามไปไหนด้วยเสมอ แม้ว่าแม่นาคจะซาบซึ้งในรสธรรม แต่ก็ยังคงมีนิสัยชอบหยอกล้อสามเณรอยู่


เหมือนเดิม ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร ณ อยุธยา เมื่อครั้นที่มาบวชเป็นสามเณรที่วัดระฆัง ก็โดนการหยอกล้อจน..

สมเด็จโตต้องล้วงกะโหลกแม่นาคออกจากย่ามแล้วบอกว่า โยมนาค

อย่าไปกวนสามเณรเลย


เมื่อกะโหลกแม่นาคตกทอดมาถึงพระพุทธปาธปิลันทร์ก็มีการกล่าวตักเตือนกันอีก


หลังจากที่หลวงพ่อพริ้งส่งมอบกะโหลกแม่นาคให้กรมหลวงชุมพรฯ


พระองค์ท่านทรงเอามาเจาะรูทำเป็นปั้นเหน่งรัดบั้นพระองค์ติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อประทับอยู่ในตำหนักจะใส่พานวางไว้ที่ห้องพระ และทรงบอกเล่าให้หม่อมทุกคนได้ฟังเพื่อให้
รับรู้ถึงความสำคัญ



กระนั้นแม่นาคก็เคยปรากฏกลิ่นถึง 2 ครั้งที่ตำหนักนางเลิ้ง


หม่อมแจ่ม หรือหม่อมองค์น้อยนั้นเป็นคนกล้าหาญ ไม่ค่อยเกรงกลัวใคร นอกเหนือจากเสด็จในกรมฯเท่านั้น วันหนึ่งเพื่อนๆของหม่อมได้แวะมาเยี่ยมเยือน การสนทนาวันนั้นได้


วกเข้าหาเรื่องแม่นาค จนเกิดการท้ากันว่า หากหม่อมไม่กลัวก็ให้เดินเข้าห้องพระ เมื่อหม่อมแจ่มเดินเข้าห้องพระ ปรากฏว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปหมดจนต้องเผ่นหนีออก

มาจากห้องพระ


เสด็จในกรมฯตรัสว่า.. คนที่แม่นาคไม่พอใจจะเห็นร่างของแม่นาคในแบบที่น่ากลัว มีกลิ่นเหม็น ดังนั้นจึงไม่ควรไปท้าเขา กลัวหรือไม่กลัวก็เฉยๆ ซะ ส่วนคนที่แม่นาคพอใจจะมา
หยอกล้อด้วยแบบที่สวยงาม กลิ่นหอมชื่นใจ

อีกคราวหนึ่ง ขณะกำลังเสวยพระกระยาหารอยู่นั้น พระองค์ได้ตรัสกับบรรดาหม่อมทั้งหลายว่า..

ใครอยากจะคุยกับแม่นาคก็ได้ หม่อมแจ่มอีกนั่นแหละที่ขอทดสอบ เสด็จในกรมฯ

จึงส่งหน้าผากแม่นาคให้ เมื่อถึงเวลาเข้านอน..


หม่อมแจ่มได้อธิษฐานขอให้แม่นาคมาอย่างงดงาม สักครู่ใหญ่ๆจึงได้กลิ่นเหม็นไหม้

ยิ่งนานก็ยิ่งอบอวลหนักขึ้น หม่อมแจ่มจึงรีบ

นำเอากะโหลกหน้าผากแม่นากไปคืนเสด็จฯทันที พร้อมกับทูลถึงเรื่องที่เจอมา พระองค์ทรงพระสรวลและตรัสว่า..

รออีกสักประเดี๋ยวก็เห็นแล้ว หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าลองของอีก

กระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างอยู่ที่โต๊ะเสวย เสด็จในกรมฯได้ตรัสว่า..


แม่นาคเขาลาไปเกิดแล้ว


เมื่อสิ้นเสด็จในกรมฯ สมบัติชิ้นนี้ได้ตกทอดอยู่ในการดูแลของ..

นายเทียบ อุทัยเวช น้องชายของหม่อมแจ่ม ซึ่งเป็นมหาดเล็กคู่พระทัย ในตำแหน่งพลทหารเรือ ฝ่ายเสนารักษ์

หลังออกจากราชการ ได้ทำหน้าที่ดูแลศาลเสด็จในกรมฯเชิงสะพานเทวกรรม นางเลิ้ง

ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของตำหนัก


ปั้นเหน่งแม่นากเคยเก็บไว้ที่ศาลแห่งนี้


จนเมื่อมีการตัดถนน



จึงได้โยกย้ายศาลดังกล่าวไปที่วัดโพธิ์ ปรากฏต่อมาว่า..


ของชิ้นนี้สูญหายไป


เนื่องจากเสด็จในกรมฯมีพระอาจารย์หลายท่าน ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า

วิชาของท่านที่ร่ำเรียนมานั้นน่าจะมากกว่านี้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทางไสยเวทของกรมหลวงชุมพรฯ


ที่มีการบันทึกไว้เป็นเกร็ดโดย หม่อมเจ้าเริงจิตรแจรง พระธิดาของเสด็จในกรมฯ เท่านั้น


ที่มาของบทความ http://blog.se-ed.net/toppytip และ http://for-you-and-unrem.spaces.live.com
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-16 21:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
กระโหลกหน้าผาก เสด็จในกรมฯไม่ได้มีเพียงอันเดียว แต่อาจมีถึง 3 หรือมากกว่านั้น

เสด็จในกรมฯมีกระโหลกของคนตายโหงและอาจมีหลายคน ตัวอย่างเช่นของ

นายเลียบ และ นาย บุญเพ็ง หีบเหล็ก ชึ่งถูกประหารชีวิตโดยการตัดคอ ในข้อหา

ฆ่าคนตายโดยเอาศพที่ฆ่าใส่หีบเหล็กแล้วโยนลงน้ำ...

เสด็จในกรมฯ พาท่านหญิงจารุพัตรฯ ไปดูการประหารในครั้งนั้นด้วย

ที่วัดภาษี ย่านพระโขนง-เอกมัย ตั้งแต่เช้ามืดระยะห่างจากการยืนดูการประหารใกล้มากขนาดว่า

ศีรษะอาจหล่นใส่เท้าได้ การประหารไม่ได้ปิดตา นาย บุญเพ็ง ก่อนที่จะประหารเด็กได้เข้าไปยืนดูใกล้ๆ

นาย บุญเพ็ง ยังล้อกับเด็กว่าเดียวเลือดก็กระเด็นใส่เอาหรอกด้วยช้ำ

ตอนประหารนายเลียบ เป็นไปแบบธรรมดา

แต่ นาย บุญเพ็ง หีบเหล็ก ต้องฟันถึง 2 ครั้ง

เสด็จในกรมฯได้บอกว่า นาย บุญเพ็งทำกรรมไว้เยอะ เลยต้องทรมาน การฝังนักโทษในสมัยนั้นจะแยกฝังตัวไว้ 1 ที่

ส่วนหัว จะเสียบประจาน จนต่อมา มาอยู่ที่วังนางเลิ้งได้ยังไงไม่ทราบ


จาก คำบอกเล่าของ ท่านหญิงเริงจิตรแจรงฯ ที่บันทึกไว้ตอนอายุ 50 ปี

ที่มา..http://www.abhakara.com
โพสต์ 2013-9-17 13:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
โพสต์ 2013-9-17 15:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้