ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
หลวงพ่อลุนวัดโพนแพง ธุดงค์ภูเขาควายตอนปราบเสือสมิง
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 15192
ตอบกลับ: 2
หลวงพ่อลุนวัดโพนแพง ธุดงค์ภูเขาควายตอนปราบเสือสมิง
[คัดลอกลิงก์]
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2013-9-10 11:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
ขอขอบคุณ:
http://www.gun.in.th/2012/index.php?topic=107733.0
วันหนึ่งเมื่อหลวงพ่อลุนธุดงค์ผ่านมาถึงป่าอาถรรพณ์แห่งใหม่ ภูมิเทวดาเจ้าที่
ได้แสดงตนปรากฏในนิมิตกรรมฐาน เพื่อบอกกับหลวงพ่อลุนว่า เขตป่านี้อันตรายมากชุกชุมไปด้วยภูตผีปีศาจ
และมีเสือสมิงสามตัวอยู่หากิน ถ้าหลวงพ่อจะธุดงค์ผ่านไปจะต้องระวังตัวทุกฝีก้าวจะประมาทมิได้
กล่าวแล้วภูมิเทวดาจึงหายไป
ในระหว่างช่วงสามคืนแรกที่หลวงพ่อลุนปักกลดอยู่บริเวณป่านี้ท่านมิได้พบเสือสมิงแต่อย่างใด
คงเจอแต่ดวงวิญญาณของผู้ทุกข์ยากมิได้ไปผุดไปเกิดมาขอส่วนบุญเป็นจำนวนมาก
ในคืนที่สี่อันตรายที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้บังเกิดขึ้นหลวงพ่อลุนท่านเล่าว่าประมาณยาม2
( ตี2 ) เห็นจะได้ขณะที่ท่านกำลังนอนหลับอยู่ในกลดนั้นจู่ๆท่านก็ได้ยินเสียงชายผู้หนึ่งร้องปลุกท่านว่า
หลวงพ่อตื่นเร็วเสือมาแล้ว 3 ครั้งเมื่อท่านตื่นขึ้นสัญชาติญาณของพระป่าได้ลุกโชติสว่างขึ้นทันทีเพราะขณะนั้นท่านได้กลิ่นสาบของเสือคลุ้งเต็มบริเวณที่ปักกลดเต็มไปหมด
หลวงพ่อลุนรีบเข้าสมาธิแผ่เมตตาอย่างไม่รอช้า แต่เสียงชายหนุ่มผู้หวังดีกลับดังขึ้นมาอีกครั้งนี้เตือนว่า
ไม่มีประโยชน์หรอกหลวงพ่อรีบๆบริกรรมคาถาป้องกันตัวเถอะ ผมคุ้มครองหลวงพ่อได้อีกไม่นานหรอก
สิ้นเสียงชายหนุ่มผู้หวังดีหรืออาจจะเป็นเสียงของเหล่าภูมิเทวดาแจ้งเหตุ เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ระวังตัวๆๆๆ สมิงมาแล้วๆ เร็วทันทีกว่าที่ใครจะตั้งตัว
เสียงฝีเท้าและเสียงคำรณของเสือได้เกิดขึ้นบริเวณรอบๆ กลดของหลวงพ่อลุน
อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา ทีละน้อยๆ และในที่สุดการจู่โจมจึงเริ่มขึ้น
ใช้กสิณไฟปราบเสือสมิง
เมื่อเสือลายพาดกลอนตัวหนึ่งขนาดใหญ่พอ ๆ กับลูกม้าแรกคลอดได้กระโจนวิ่งตรงเข้ามาในกลดแต่เมื่อมันเข้ามาใกล้กองไฟที่หลวงพ่อลุนก่อไว้
แสงไฟเกิดลุกสว่างร้อนวาบดังพรึบขึ้นมาทันที สิ่งที่ผู้เขียนคาดการณ์ได้เพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือขณะนั้นหลวงพ่อลุนกำลังเจริญเตโชกสิณหรือทำสมาธิให้เกิดเปลวไฟขึ้นเต็มที่
ซึ่งด้วยอำนาจวิชากสิณไฟธาตุตามตำรับสายสำเร็จลุนแล้วเมื่อสมาธิแก่กล้า อะไรก็ฝ่าแสงตบะบารมีแห่งกสิณๆไฟเข้ามาไม่ได้
ทำให้เจ้าสมิงลายพาดกลอนตัวใหญ่ถึงกับชะงัดทันที
ตามธรรมดาแล้วสัตว์ป่าย่อมต้องกลัวแสงไฟแต่เสือสมิงที่ภูเขาควายนี้กระหายเลือดเกินกว่าที่แสงไฟจะทำให้มันกลัวได้
ไม่นานจู่ๆเสือลายพาดกลอนอีกตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาทางด้านหลังกลดของหลวงพ่อลุนอีกครั้ง
แต่มันก็ต้องชะงัดลงอีกเมื่อเปลวไฟจากกองเพลิงที่หลวงพ่อลุนสุมไว้ลุกโชติขึ้นอย่างแรงจนทำให้เกิดสะเก็ดถ่านดังเปรี๊ยะๆๆๆ
เพียงเท่านี้ก็สามารถหยุดการจู่โจมของเสือสมิงแห่งภูเขควายลงได้ แต่นั่นมิได้หมายความว่าจะทำให้มัจจุราชลายพาดกลอนเกิดความเกรงกลัวถึงขนาดหนีกลับเข้าป่าไปตามเดิม
สัตว์มัจจุราชทั้งสองได้พยายามเดินไปรอบ ๆ บริเวณกลดของหลวงพ่อลุนผู้เขียนคาดว่ามันเข้ามาไม่ได้
เพราะอำนาจกสิณไฟบวกกับธาตุไฟที่กองไฟยังคงมีอยู่ แต่ถ้าไฟมอดเมื่อไหร่นั้นหมายถึงการจู่โจมอีกครั้งของเสือสมิงทั้งสองตัว
ผูกหุ่นพยนต์นักรบเข้าต่อสู้
ในขณะที่กสิณไฟของหลวงพ่อลุนซึ่งดำรงอำนาจอาถรรพณ์คุ้มครองรักษาอยู่ที่กองเพลิง
ยังคงอยู่ทำให้รอบขอบเขตบริเวณกลดของท่านเป็นเขตปลอดภัยแต่อำนาจความศักดิ์สิทธิ์นี้คงอยู่ได้ไม่นานหรอกหากเมื่อใดที่ไฟมอดดับสิ้น
นั่นคืออันตรายอีกครั้งที่จะเริ่มขึ้นหลวงพ่อลุนท่านทราบเหตุปัจจัยข้อนี้เป็นอย่างดี
จึงถือโอกาสในช่วงที่ไฟยังติดอยู่นี้ หยิบสิ่งวิเศษสิ่งหนึ่งของพระสงฆ์ขึ้น มาอาราธนานั่นก็คือผ้ารัดอกของท่านเอง
นำมาลงอักขระอย่างรวดเร็วและชำนาญ จากนั้นจึงนำด้ายมาผูกให้เป็น5 เปราะ สำเร็จเป็นรูปคน จึงเสกเข็มเย็บจีวร ด้วยคาถาอาวุธพระพุทธเจ้าเพื่อให้กลายเป็นอาวุธ
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมดีแล้ว หลวงพ่อลุนท่านจึงใช้เวลาทั้งหมดที่มีอยู่ รวบรวมกำลังสมาธิทั้งหมดเท่าที่มีในตอนนี้บริกรรมคาถาตำรับวิชาผูกหุ่นพยนต์ขึ้นตัวหนึ่ง
จนกระทั้งบังเกิดนิมิตในกรรมฐานสำเร็จเป็นนักรบหนุ่มฉกรรจ์ถือดาบแหลมยาว 1 คน
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-9-10 11:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมือสำเร็จดีแล้วหลวงพ่อลุนท่านจึงโยนหุ่นพยนต์ตัวนั้นออกไปนอกกลดแล้วบริกรรมคาถาสั่งว่าให้ช่วยขับไล่เสือสมิงออกไปให้ไกลจากเขตนี้ทันทีที่หุ่นพยนต์ตกหลังกอหญ้า
เสียงตึก ๆ ตัก ๆคล้ายการสู้รบจึงเริ่มเกิดขึ้นหลวงพ่อลุนท่านจึงเริ่มหลับตาบริกรรมหนุนธาตุกสิณเข้าช่วยหุ่นพยนต์ของท่านไม่นานเสียงร้องของเสือตัวหนึ่งได้โหยหวนขึ้นประหนึ่งว่ากำลังทรมานอย่างมาก
แต่ก่อนที่เสียงจะหายไปหลวงพ่อลุนก็รู้สึกเหมือนว่าถูกของหนักกระแทกเข้าที่ด้านกลางหลังอย่างแรง
จนทำให้ท่านถึงกับเลือดกำเดาออกทีเดียวนิมิตหมายเช่นนี้หมายความว่าหุ่นพยนต์ของท่านได้ถูกเสือสมิงทั้งสองตัวทำลายเสียแล้วแต่ด้วยหัวใจความเป็นพระป่ากรรมฐาน
ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยเท่านี้ไม่สามารถทำให้ท่านหวาดกลัวได้แม้แต่น้อย ท่านเริ่มจึงลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้งคราวนี้ท่านได้นำสิ่งที่สำคัญอีกอย่างของพระป่ามาจบเหนือหัวด้วยความเคารพอย่างสูงแล้วอธิษฐานว่า
"ข้าแต่คุณพระศรีรัตนะตรัย คุณพ่อ คุณแม่ และคุณครูอาจารย์ทุกพระองค์ข้าพเจ้าขอฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับท่าน"
จากนั้นจึงอธิษฐานว่าอิมังสังฆะติงอธิฏฐามิ ทุติยัมปิอิมังสังฆาติงอธิฏฐามิ ตะติยัมปิอิมังสังฆติงอธิฏฐามิ
จากนั้นจึงนำด้ายมาผูกให้ได้5เปราะอีกครั้งสำเร็จเป็นรูปคนตัวใหญ่จึงเริ่มบริกรรมพระคาถาผูกหุ่นพยนต์อีกครั้ง
ทันทีที่กระแสจิตของท่านได้เริ่มแผ่ออกไปทำให้เสือสมิงทั้งสอง ซึ่งตัวหนึ่งยังคงบาดเจ็บอยู่
สัมผัสล่วงรู้ว่า หลวงพ่อลุนกำลังทำหุ่นพบยนต์ขึ้นอีกครั้ง
ทำให้มันตัดสินใจหลบไปตั้งหลักก่อน
เมื่อมัจจุราชทั้งสองถอยกลับไปมันได้นำพากลิ่นสาบ...ลับไปด้วย ทั่วทั้งบริเวณกลดกลิ่นสาปเสือ
ได้จางลงๆๆและหายไปในที่สุดก็เป็นเวลาพอดีที่แสงอาทิตย์ยามเช้าทอแสงขึ้นมา มรณานุสติเกิดขึ้นในจิตของหลวงพ่อลุนทันที
หลวงพ่อลุนท่านคิดว่าความตายจะต้องพึงบังเกิดแก่เราอย่างแน่นอนไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้แต่วันนี้เรายังโชคดีอยู่เสียงภูมิเทวดาดังขึ้นอีกครั้ง
ว่าพักผ่อนเถอะครับหลวงพ่อสว่างแล้วผมจะพาหลวงพ่อออกไปจากเขตนี้หลวงพ่อลุนท่านจึงล้มตัวลงนอนหลับทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน
ประมาณสาย ๆ เห็นจะได้หลวงพ่อลุนท่านตื่นขึ้นมาก็พบกับชายชาวบ้านผู้หนึ่งหน้าตาดีแต่งตัวสะอาดนำอาหารมาถวายพอถวายแล้วก็ไม่รอรับพรกราบลาท่านกลับไปเลยจึงไม่ได้คุยอะไรเมื่อหลวงพ่อฉันเสร็จท่านได้ตัดสินเก็บเครื่องอัฐบริขารต่าง
ๆแล้วรีบเดินทางมุงหน้าหาทางออกจากเขตป่าอาถรรพณ์นี้ทันที
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-9-10 11:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จะขอสู้ตาย
หลังจากที่ท่านเดินทางล่วงเลยเวลามาจนกระทั่งถึงเวลาเย็นปรากฏว่าสถานที่ท่านตัดสินใจปักกลดนั้นก็คือสถานที่ๆท่านปักกลดเมื่อคืนนี้นั่นเองจะด้วยเหตุผลใดก็ตามหลวงพ่อลุนท่านตัดสินใจว่าจะขอสู้ตาย
ภัยอำนาจมืดที่หมายเอาชีวิตของท่านอยู่ที่นี่จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งในช่วงก่อนที่เวลาจะค่ำมืดหลวงพ่อลุนท่านได้ทำวัตรเย็นเจริญพระพุทธมนต์เต็มภูมิความรู้ทั้งหมดเท่าที่ท่านท่องจำได้จากนั้นจึงนำฟืนไม้แห้งออกมาสุมไฟไว้เป็นจำนวนมากเสร็จแล้ว
หลวงพ่อลุนจึงนำผ้าสังฆาฏิของท่านออกมาผูกด้าย 5 เปราะสำเร็จเป็นตัวคนแล้วบริกรรมพระคาถาผูกหุ่นพยนต์ครั้งนี้ท่านตัดสินใจผูกหุ่นพยนต์เป็นรูปยักษ์ท้าวเวสสุวัณอย่างดี
แล้วปลุกเสกเรื่อยมาไม่ยอมพักผ่อนจนกระทั้งถึงเวลา2 ยามของค่ำวันนั้นจู่ๆ
ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักทำให้กองไฟที่ท่านสุมไว้ดับลงสนิท แต่หลวงพ่อลุนก็ยังคงบริกรรมสมาธิต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด
หุ่นพยนต์ท้าวเวสสุวัณปราบเสือสมิง
จนกระทั้งเมื่อฝนหยุดตกได้ปรากฏพรานป่าผู้หนึ่งเนื้อตัวมีสภาพเต็มไปด้วยเลือดวิ่งหกล้มลุกล้มแล้วจึงค่อยๆคลานเข้ามา
ปากร้องเสียงดังว่าหลวงพ่อครับช่วยผมด้วย หลวงพ่อช่วยผมที เสือครับเสือๆ ทำให้หลวงพ่อลุนลืมตาขึ้น
ภาพที่ท่านเห็นก่อให้เกิดความสลดใจอย่างมาก ท่านรีบลุกเดินออกมาจากกลดหมายตรงเข้าทำการช่วยเหลือพรานป่าผู้เคราะห์ร้ายทันที
แต่ก่อนที่หลวงพ่อลุนจะออกพ้นบริเวณนอกเขตกลดนั้น จู่ ๆได้บังเกิดลมบ้าหมูอย่างแรงพัดเอาผ้าสังฆาฏิที่ท่านปลุกเสกไว้ปลิวเข้าไปทับร่างของพรานป่าผู้นั้น
เสียงโหยหวนของพรานป่าได้เปลี่ยนไป ในทันทีกลายเป็นเสียงร้องเจ็บปวดปางตายของเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่
ซึ่งกำลังสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อให้ผ้าสังฆาฏิของหลวงพ่อลุนหลุดออกไปจากหัวของมัน แต่ก็เปล่าประโยชน์ยิ่งมันแรงเท่าไหร่ผ้าสังฆาฏิผืนนั้นก็ไม่ยอมหลุดเหมือนประหนึ่งทากาวตราช้างติดไว้
เมื่อหลวงพ่อลุนเห็นจะจะกับตาว่าพรานป่าได้กลายเป็นเสือไปแล้วท่านถึงกับยืนตกตลึงไปพักหนึ่ง
รีบนั่งสมาธิลงทันทีอย่างลืมตัวเพราะทำไปตามสัญญาติพระป่ากรรมฐาน จากนั้นคาถาบริกรรมปลุกหุ่นพยนต์ยักษ์ท้าวเวสสุวัณจึงเริ่มดังขึ้นว่า
อะตักโขเวสสุวัณโณมหาราชาทัตถะทัตถาสะโมคะตา ปิสัจเจสัพเพยักขาปะลายันติ
อิสาทะโรเวสสุวัณโณภะคะวันตังเอตะโวจะ เวสสุวัณโณโลกะวิทู กันนะกันนากันนิกันนีกันนุกันนูกันเนกันโนกันนังกันนะ
นะกันนังกันโนกันเนกันนูกันนุกันนีกันนิกันนากันนะกันปิสัจเจสัพเพยักขาปะลายันติ
คำภาวนานี้ทำให้หลวงพ่อลุนได้สติท่านจึงหยุดภาวนาเสียงดังกลับมาภาวนาจนบังเกิดสมาธิดิ่งลึกขึ้นมาทันที
ปรากฏนิมิตเป็นรูปยักษ์หนึ่งตนกำลังต่อสู้กับเสืออยู่ 3 ตัวอย่างพัลวันแต่เสือตัวหนึ่งถูกยักษ์จับหักคอได้ก่อนจึงสิ้นใจลงขณะที่เสือตัวแรกกำลังจะตายเสืออีกสองตัวกระโจนรุมเข้ามากัดที่แขนและขาของยักษ์ตนนั้นทันทีแต่ร่างกายของยักษ์แข็งปานหินเสือจึงกัดไม่เข้าแถมยังโดนยักษ์ง้างกระบองฟาดลงไปที่หัวเสืออย่างแรง
ทำให้เสือตัวที่กัดยักษ์นั้นขาดใจตายทันที และก่อนที่อีกตัวหนึ่งจะหนีไปได้ยักษ์ตนนั้นได้กระโดดขึ้นไปขี่ที่หลังเสือ
และหักคอเสือทันทีเสียงกระดูกคอเสือลั่นดังกรึบครั้งเดียว สิ้นใจตาย
เมื่อเสือทั้ง3ตนได้สิ้นใจลงเพราะถูกยักษ์ฆ่านั้น ยักษ์ได้อ้าปากขึ้นจึงปรากฏเป็นแสงสีเขียว
ลอยออกมาจากตัวเสือพุ่งตรงหายเข้าไปในปากยักษ์ตนนั้น ผู้เขียนคิดว่าดวงวิญญาณเสือสมิงทั้งสามดวงนี้คงจะต้องถูกยักษ์จับกลับไปนรกเป็นแน่แท้
ทุกอย่างก็สงบในลำดับต่อมายักษ์ได้หายตัวไปพร้อมกลิ่นสาบเสือ หลวงพ่อลุนท่านจึงลืมตาขึ้นพบว่าเสือสามตัวนั้นได้หายไปแล้วคงเหลือแต่ผ้าสังฆาฏิของท่านที่ผูกไว้เป็นรูปหุ่นพยนต์ตกอยู่เพียงอย่างเดียว
หลวงพ่อลุนท่านได้แต่สันนิษฐานว่าเสือทั้งสามตัวนั้นคงเป็นวิญญาณเป็นแน่มิเช่นนั้นถ้าเสือตายลงศพเสือต้องอยู่ให้เห็นแต่นี่เมื่อเสือตายลงไม่ปรากฏสิงใดให้เห็นเลยเหลือเพียงแต่ผ้าสังฆาฏิของท่านผืนเดียวเท่านั้น
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...