ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1804
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่อ่วม วัดไพรสณฑ์ อ.ปากคาด จ.หนองคาย บูรพาจารย์ศิษย์สายสำเร็จลุน

[คัดลอกลิงก์]
หลวงปู่อ่วม วัดไพรสณฑ์ อ.ปากคาด จ.หนองคาย บูรพาจารย์ศิษย์สายสำเร็จลุน                                                                         


หลวงปู่อ่วม วัดไพรสณฑ์ อ.ปากคาด จ.หนองคาย  บูรพาจารย์ศิษย์สายสำเร็จลุน ในสายของหลวงปู่ญาท่านธรรมผุย(ผู้เป็นสหธรรมกับสำเร็จลุน) หลวงปู่อ่วมท่านเป็นคนอุบลโดยกำเนิดและเป็นหลายชายแท้ๆของหลวงปู่ด่อน วัดถ้ำเกีย หลวงปู่อ่วมท่านเป็นที่เคารพและสรัทธาของคนอำเภอปากคาด จ.หนองคายมากครับ ปัจจุบันท่านได้ละสังขารแล้ว

ประวัติ
             พระครูสิริภัทรพิสณฑ์(พ่อแม่อ่วม  สิริภทฺโท)
อดีตเจ้าอาวาสวัดไพรสณฑ์และอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลสมสนุก
                                -----------------------------
1.  ชาติภูมิ
       พระครูสิริภัทรพิสณฑ์ นามเดิม อ่วม นามสกุล เคียงวงศ์  
ฉายาสิริภทฺโท  เกิดวันที่  13  มกราคม  2461  ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ
เดือน 2 ปีมะแม  ณ  บ้านโคกเลาะ  ตำบลข้าวปุ้น  อำเภอตระการพืชผล
(ปัจจุบันอำเภอกุดข้าวปุ้น)จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายแหลว เคียงวงศ์
มารดาชื่อนางเหลือง  เคียงวงศ์  มีพี่น้องร่วมบิดา  7  คน  คือ
       1. พ่อใหญ่จูม  เคียงวงศ์                เสียชีวิตแล้ว
       2. แม่ใหญ่จันทร์  เคียงวงศ์        เสียชีวิตแล้ว
       3. พระครูสิริภัทรพิสณฑ์                ผู้มรณภาพ
       4. แม่ต่อม  เคียงวงศ์                เสียชีวิตแล้ว
       5. แม่ปุ้ง  ศรีคำ                        เสียชีวิตแล้ว
       6. พ่อหลอย เคียงวงศ์                เสียชีวิตแล้ว
       7. แม่ไหล  ชมพันธ์                เสียชีวิตแล้ว
2. การศึกษาเบื้องต้น
                           พระครูสิริภัทรพิสณฑ์  เมื่อวัยเยาว์ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4  ที่โรงเรียนวัดอาภาราม  บ้านโคกเลาะ  ตำบลข้าวปุ้น
                  อำเภอตระการพืชผล(ปัจจุบันอำเภอกุดข้าวปุ้น )  จังหวัดอุบลราชธานี                เมื่อเจริญวัยท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยสนุกสนาน  มีพรสวรรค์ในทางเป่าแคน
              และเคยเล่นลิเกเรื่องนางแตงอ่อน  โดยตัวท่านเป็นพระเอกคือท้าวสุริวงศ์
               เหล่าแม่ยกทั้งหลายชอบพอท่าน เพราะท่านร้องลิเกเสียงไพเราะ
               เพราะพริ้งมาก


   3. การบรรพชาอุปสมบท
                    เมื่ออายุได้  28  ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา
     วัดธัญญุตามารามข้าวปุ้น  ตำบลข้าวปุ้น อำเภอตระการพืชผล(ปัจจุบัน
     อำเภอกุดข้าวปุ้น ) จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2489
     โดย
               พระครูตรีรัฐมุนี                เป็นพระอุปัชฌาย์
               พระอธิการดี                เป็นพระกรรมวาจาจารย์
               พระใคร                        เป็นพระอนุสาวนาจารย์
                  เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้ไปเรียนเทศน์มัทรี  เทศน์นครกับ
    อาจารย์สิงห์  บ้านม่วงคอนสาย  ทำนองเทศน์เมืองอุบล     ท่านไปเทศน์
    ที่ไหน  ญาติโยมแถมสมภาร(ถวายปัจจัย อนุโมทนา)อย่างมากมายจาก
    ท่วงทำนองสุ้มเสียงที่ไพเราะ
            
  4. การเล่าเรียนธรรม
                เมื่อท่านได้อุปสมบทแล้วท่านได้ศึกษาเล่าเรียนบาลีคัมภีร์มูลกัจจายนะ
   ศึกษาอักษรธรรม  ท่านมีความชำนาญแตกฉานในอักษรธรรม   สามารถเขียน (จาร) หรือจารึกลงในใบลานและแผ่นทอง ได้อบรมกุลบุตรผู้สนใจศึกษาในด้านคาถาอาคมหรือเวทมนต์ต่างๆมีความชำนาญวิทยาคม


ขลังในเรื่องมนต์พิธี  เมตตามหานิยม   เป็นที่เลื่องลือเชื่อถือของชาวบ้าน
ทั่วสารทิศและศิษยานุศิษย์เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน                        
          นอกจากนี้ท่านสามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นโทจากสำนักเรียน
      วัดราชโพนเงิน  ตำบลโพนแพง  อำเภอโพนพิสัย  (ปัจจุบันอำเภอรัตนวาปี)
      จังหวัดหนองคาย
   


   5. ด้านการปกครอง
       7  สิงหาคม  2505     ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไพรสณฑ์
       1 สิงหาคม  2516              ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองยอง
       24  มกราคม  2518    ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
       5  ธันวาคม  2523      ได้รับแต่งตั้งเป็นสมณศักดิ์พระครูเจ้าคณะตำบล
                               ชั้นตรีราชทินนาม  "  พระครูสิริภัทรพิสณฑ์  "
       5 ธันวาคม  2540               ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์พระครูเจ้าคณะตำบลชั้นตรี
                                                 เป็นพระครู เจ้าคณะตำบลชั้นโท
              6. ด้านการส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่
       พ.ศ. 2510   ได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตสายที่ 5  ประจำอำเภอ
                                  โพนพิสัย
       พ.ศ.2516     ได้ร่วมกับชาวบ้านดงบังใต้ ซื้อที่ดินสร้างโรงเรียน
                      สิริภัทรวิทยา
              พ.ศ.2536     ได้รับเกียรติบัตรดีเด่นด้านสนับสนุนการศึกษาจาก
                      สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดหนองคาย
       พ.ศ.2539-2552  ได้สร้างประตูฟุตบอลโรงเรียนสิริภัทรวิทยา
                     โรงเรียนบ้านศรีสว่างพัฒนา  โรงเรียนชุมชนสมสนุก
            -  ได้สร้างรั้วคอนกรีตเสริมเหล็กทิศตะวันตกของโรงเรียนสิริภัทรวิทยา
-   ได้บริจาคดินลูกรังถมบริเวณโรงเรียนสิริภัทรวิทยา
-   ได้สนับสนุนงบประมาณต่อเติมห้องเรียนอนุบาลโรงเรียนสิริภัทรวิทยา
-  ได้บริจาคเครื่องครัวสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันและเก้าอี้
     ให้โรงเรียนสิริภัทรวิทยา
  -  ได้ติดตั้งพัดลมเพดานอาคารอเนกประสงค์โรงเรียนสิริภัทรวิทยา      
                        -  ได้สนับสนุนทุนการศึกษาอาหารกลางวัน ผ้าห่มให้นักเรียนทุกคน
                   โรงเรียนสิริภัทรวิทยา  โรงเรียนบ้านศรีสว่างพัฒนา
                    โรงเรียนชุมชนสมสนุก
- ได้สนับสนุนทุนการศึกษา อาหารกลางวันให้โรงเรียนบ้านโคกเลาะ
ซึ่งเป็นถิ่นมาตุภูมิของท่านนอกจากนี้ท่านได้สนับสนุนงบประมาณ
ให้ส่วนราชการต่างๆงบประมาณที่ท่านมีเมตตาให้การสนับสนุน
ประมาณ     1,200,000  บาท   (หนึ่งล้านสองแสนบาทถ้วน)
      
   7. ด้านสาธารณูปการ
              - พ.ศ.2500-2502  เป็นประธานสร้างพระพุทธรูปที่วัด สว่างอารมณ์
           (ถ้ำศรีธน)และวัดชัยศรี  บ้านต้อนใหญ่   วัดสว่างมีชัย  บ้านศรีสว่างพัฒนา
            -  เป็นประธานสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุวัดไพรสณฑ์ บ้านดงบังใต้
          มูลค่าการก่อสร้างประมาณ  6,286,000 บาท  (หกล้านสองแสนแปดหมื่น
          หกพันบาทถ้วน)



2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2019-11-11 12:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
8.การรับพระราชทานสมณศักดิ์
  5 ธันวาคม  2523  ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตร
          พัดยศตำแหน่งพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ " พระครูสิริภัทรพิสณฑ์"   
               5 ธันวาคม 2540  ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์พระครูเจ้าคณะตำบลชั้นตรี
           เป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นโทที่ "พระครูสิริภัทรพิสณฑ์"
           
9. ปฏิปทาและจริยวัตร
         ท่านหลวงปู่พระครูสิริภัทรพิสณฑ์เป็นผู้มีจริยวัตรที่น่าเคารพบูชา
อย่างยิ่ง  เคร่งครัดในพระธรรมวินัย  ไม่ถือศักดิ์มีเมตตานุเคราะห์  สงเคราะห์  ลูกศิษย์  และนำพาในการปฏิบัติเป็นการปลูกฝังศรัทธาอย่างมั่นคงต่อ
พระรัตนตรัย  เมื่อมีศรัทธาอันแน่วแน่มั่นคงแล้วก็จะให้เกิดเป็นความกล้าหาญ  ไม่เกรงกลัวต่อความชั่วร้าย  แม้กระทั่งต่อสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ  เช่น  ภูตผี
ปีศาจ  หรืออมนุษย์ในภพภูมิอื่นๆมักเกรงกลัวและไม่มารังควานท่านมีตะบะเดชะแรงกล้า  ท่านทรงไว้ซึ่งวิทยาคมมีเครื่องรางของขลังและวัตถุมงคล
เป็นต้นว่า  ตะกรุดโทน   ตะกรุดร้อยแปด  ตะกรุดสามกษัตริย์  คำหมากแห้ง  น้ำมนต์   สีผึ้งมหานิยม  สีผึ้งทาบาดแผล ยาสมุนไพร ชื่อเสียงขจรกระจายไปทั่วทุกสารทิศ  เป็นพระมหาเถระที่เปี่ยมเมตตาธรรมสถิตในใจของพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์อย่างล้นพ้น
      
10.   ปัจฉิมวัยและมรณภาพ
                      หลวงปู่ได้สร้างบารมีสั่งสมคุณความดีให้เกิดกับตน
อย่างสม่ำเสมอท่านยังอนุเคราะห์เมตตาเกื้อกูล  ลูกศิษย์  ญาติ   มิตร ห่วงใย
ในทุกข์สุขพระภิกษุ สามเณร  ญาติ  โยมชาวบ้านตลอดเวลา ท่านเป็น
ผู้วางรากฐานพัฒนาวัด   สร้างกุฎิ   ศาลาการเปรียญ อุโบสถ หอฉัน กำแพงวัด  ฌาปนสถาน  (เมรุ ) เทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วบริเวณวัด  เป็นสถานที่
เด่นสง่า  เป็นบุญเขตของพุทธศาสนิกชน


                   เมื่อวันที่  23  มิถุนายน  2552  ท่านมีอาการชาตามแขน  มือ  
        และเท้าคุณพ่อศรีไสว  ชมพันธ์   หลานชายของท่านได้นิมนต์ไปตรวจ
        สุขภาพที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ จังหวัดหนองคาย  แพทย์ลงความเห็นว่า
         เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบตันและโรคเบาหวาน โรคชรา
                  24  มิถุนายน  2552   หลวงปู่จะลุกขึ้น ได้หกล้มในห้องนอน  
         เริ่มมีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง  ลูกหลานได้ดูแลรักษาแต่อาการไม่ดี
         ขึ้น
                  27  มิถุนายน  2552    ศิษยานุศิษย์และลูกหลานได้นิมนต์ท่าน
        เข้ารับการตรวจรักษาที่คลินิกหมออุดม อำเภอสว่างแดนดิน
         จังหวัดสกลนคร  หมอได้ฉีดยาให้อาการก็ไม่ดีขึ้น    บางวันท่านได้ปรารภ
         กับหลานชาย ของท่านว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง  ความตายเป็นของเที่ยงแท้
         แน่นอน     สัตว์โลกทุกคนอยู่ในกงกำกงเกวียน  แห่ง อนิจจัง ทุกขา
         อนัตตา  ท่านจากไปไม่ต้องเก็บร่างท่านรักษาไว้นาน เพราะว่าสังขาร
         หาวิญญาณไม่ได้ เป็นอสุภะ หากลูกหลานหรือพุทธศาสนิกชนมีศรัทธา
         ต้องการสร้างเจดีย์หรือมณฑป   ขอให้มีหลังคาเหมือนหอระฆัง
         อันสวยงามดังที่คุณแม่บุญภา รุ้งจรัสภาณุ และคุณเฉิดสมร   รุ้งจรัสแสง
         และญาติพี่น้องได้สร้างไว้
          เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม  2552  ในตอนเช้าหลวงปู่ได้เกิดอาการท้องร่วง
         ร่างกายอ่อนเพลียมากในระหว่างที่นอนพักได้ทำมือคล้ายกับว่าจะให้รดน้ำ
         ลงในฝ่ามือ      พ่อศรีไสว หลานชายผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดคิดว่าวันนี้ท่านคง
         ละสังขารอย่างแน่นอนจึงได้อธิษฐานจิตให้ท่านรอรับคารวะจาก
         คณะสงฆ์ก่อน  คณะสงฆ์ตำบลหนองยองคณะสงฆ์ตำบลสมสนุก
         
และคณะสงฆ์ตำบลนาดงจะมาลงอุโบสถ  หลังจากลงอุโบสถกรรมแล้ว
ก็ไปรวมกันที่กุฏิของหลวงปู่ได้ทำการคารวะโดยการนำของ
พระครูสิริวรยุตที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลหนองยอง     พอพระครูสิริวรยุตได้นำขันดอกไม้เข้าไปถวายใส่มือท่านพอสัมผัสเท่านั้น      ท่านก็ได้มรณภาพด้วยอาการสงบเมื่อเวลา 14.40 น. สิริอายุได้  91  ปี      5 เดือน  24 วัน    พรรษา  63  พรรษา








   นิมิต คือ เครื่องหมายบอกให้รู้ก่อนละสังขาร
และคำสั่งก่อนมรณภาพ
1.        บอกให้หลานรดน้ำที่มือ  แต่ทำเหมือนรดน้าศพ  แล้วนำมาลูบที่ศีรษะ
2.        ให้รีบจัดอัฐบริขารไปถวายพระที่วัดทางบ้านโคกเลาะให้ทันก่อนเข้าพรรษา  ให้หลานที่มาเยี่ยมรีบกลับไป
3.        บอกหลานผู้อุปัฎฐาก  ให้พิจารณาคนเดียว  ไม่ให้คนอื่นลำบาก  
      ไม่ให้สิ้นเปลือง
4.        ป่วยก็ไม่หาย  -  ฉันยา  เพราะรักษาศรัทธาเขา
                        -  ห่มผ้าเพื่อรักษาศรัทธาเขา
                        -  อย่างไรก็ไม่อยู่  มีเกิด ก็มีดับ ถ้าไม่งั้นก็ไม่แล้ว
5.  ไม่ไปโรงพยาบาลอีกแล้ว  ไปหาหมออุดมก็เพราะเคยรักษาเมื่อหลายปี
      มาแล้ว  จะไปดูตอนที่หมออายุมาก
6.        ตอนกลางคืนนอนอยู่  ดูเหมือนหลวงปู่จะเสกคาถาอาคมเป่าไป
     ในบริเวณห้อง  บอกว่าไม่เอาอะไรไปสักอย่างแม้แต่ร่างกายก็ไม่มีอะไร
       ถ้าจะทำวัตถุมงคลอะไรให้มาอธิษฐานจิตในห้องนี้
7.        ตอนเช้า  ขณะที่นอนทำตาค้างอยู่  แต่การหายใจยังปกติดูอาการ
       อ่อนเพลียมาก  หลานอธิษฐานขอไว้ให้อยู่ก่อน  เพราะคณะสงฆ์
        3  ตำบล  คือ  หนองยอง  สมสนุก  นาดง  จะมาคารวะพร้อมกัน
       ในตอนบ่าย








http://www.ubonpra.com/board/?topic=50.0
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้